694. เรียนรู้ศาสตร์ OD จาก "สามก๊ก" (ตอนที่ 24)


สามก๊กมีอะไรที่น่าคิด น่าวิเคราะห์มากๆ ไมว่าจะเป็นชัยชนะ หรือความหายนะ สามก๊กสะท้อนเรื่องโลกธรรม 8 ได้ชัดมากๆ คนเรามียศ เสื่อมยศ มีลาภ เสื่อมลาภ มีสุข ทุกข์ สรรเสริญ นินทา ส่ิงที่น่าวิเคราะห์ที่สุด คืออจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่ชัยชนะ และจุดเปลี่ยนที่นำมาสู่การพ่ายแพ้ คุณจะเห็นเหรียญสองด้านชัดมาก เพราะเมื่อมีคนแพ้ก็มีคนชนะ

เหตุการณ์ที่น่าคิดเห็นการหนึ่งคือความพ่ายแพ้ของจิวยี่ที่นำมาสู่ความตาย ความหายนะชองม้าเฉียวที่พ่ายแพ้ต่อโจโฉ ทั้งๆที่มีความเหนือกว่าชนิดทำให้โจโฉต้องหนีสุดชีวิต แต่กลับเจอเหตุการณ์พลิกผันทำให้พ่ายแพ้

จริงแล้วถ้าม้าเฉียวชนะโจโฉ ประวัติศาสตร์สามก๊กอาจมีฮ่องเต้จากตระกูลม้า แทนที่จะเป็นตระกูลสุมาก็ได้ในตอนจบสามก๊กก็ได้

วันนี้ผมของวิเคราะห์อีกมุม เป็นมุมของสมองครับ คุณจะเห็นว่าจิวยี่ และม้าเฉียวผู้แพ้เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ “คิดอะไรเร็วมากๆ ตัดสินใจเร็ว คิดแล้วทำเลย” ส่วนผู้ชนะขงเบ้งและโจโฉ กลับดูคิดอะไรช้าๆ นิ่งสุขุมคำภีรภาพ ชัดไหมครับ เห็นจุดร่วมแล้ว “ความเร็วกับช้า”

จริงแล้วการทำอะไรเร็วๆนี่ต้องดีสิ เพราะสะท้อนถึงความเป็นอัจริยะ ไม่ใช่แล้วครับ ความช้าต่างหากคืออัจริยะ ดูกรณีจิวยี่และม้าเฉียว ถ้าจิวยี่นิ่งและทำอะไรช้ามากกว่านี้ เขาอาจชนะขงเบ้งก็ได้

ตอนนี้มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ที่ท่านศาสตราจารย์แดเนียล โกลแมนได้อ้างถึงเรื่อง Focus (น่าจะเทียบได้กับคำว่า “มีสติ” นั่นเอง)

ท่านอาจารย์ได้อ้างถึงงานวิจัยเรื่องหนึ่ง คือมีนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งคิดค้นแบบทดสอบ IQ แบบใหม่ ข้อสอบนี้มีเพียงสามข้อ เมื่อเอาข้อสอบนี้ไปให้เด็ก Harvard ซึ่งขึ้นชื่อว่าเก่งที่สุดในโลกสอบจะได้คะแนนสัก 2.9 คือสูงมากๆ พอเอามาให้เด็กในมหาวิทยาลัยธรรมดาๆ ทั่วไป ก็จะได้เฉลี่ยสัก 2.3


แต่คราวนี้เขาเลยทดลองโดยให้เด็กมหาวิทยาลัยกลุ่มใหม่ ลองทำข้อสอบ แต่คราวนี้ลองทำให้ข้อสอบจางลง คือแทบมองไม่เห็น แล้วให้เด็กมหาวิทยาลัยธรรมดาทำ เด็กพวกนี้ก็งงครับ แทบมองไม่เห็น และเขาห้ามถาม เลยต้องลองแกะดู ปรากฏว่าต้องทำข้อสอบช้าลงมากๆ ต้องค่อยๆทำ

ผลออกมาแปลกมากๆ ปรากฏว่า คะแนน IQ เด็กมหาวิทยาลัยธรรมดา สูงขึ้นจนขึ้นไปเกือบเทียบเท่ากับคะแนนของเด็กกลุ่มเด็กที่ฉลาดที่สุด

นี่ชัดมากครับว่าจิวยี่และม้าเฉียวฉลาดอยู่แล้ว แต่ด้วยความเร็วมากๆ คิดเร็ว พลังสมองกลับไม่ไปได้ไกลกว่าที่คิด ถ้าสองคนช้ากว่านี้ ค่อยๆตรอง ทำอะไรช้าๆ หน่อย ความฉลาดอาจพุ่งพรวดขึ้นมาทันขงเบ้งกับโจโฉ

ในศาสตร์ของการพัฒนาองค์กร ปัจจุบันเราเห็นคุณค่าความช้านี้ครับ เราเริ่มเอาศาสตร์ที่ทำให้คนช้าลงมาใช้นานแล้ว และมันทำให้คนคิดได้ดีขึ้น คุณภาพการคิดคมขึ้น ไม่ใช้ข้อมูลเดิมมาด่วนคิด ด่วนตัดสิน ด่วนทำ ศาสตร์สำคัญนั้นก็คือ Dialogue หรือสุนทรียสนทนา มีสุดยอดฝีมือของไทยได้แก่อาจารย์ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญและอาจารย์วิศิษย์ วังวิญญู

อีกศาสตร์หนึ่งก็ศาสนาพุทธเรานี่เอง ที่เราสามารถฝึกสติได้ เอาเป็นว่าคุณมีสติ คุณคิดใหม่ๆ มี Innovation ได้แน่นอน ที่ผมชอบฟังมากๆ ในช่วงนี้ก็คือธรรมะของท่านอาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิม ที่ผมว่าถ้าจิวยี่และม้าเฉียวได้ฟัง ก็คงไม่เจอโลกธรรม 8 ขาลงเร็วเกินไปนัก

"ความช้าสำคัญกว่าความเร็ว"

"ความสงบสยบความเคลื่อนไหว"

เห็นจะจริงอย่างแรง ใช่ไหมครับ

คุณล่ะคิดอย่างไร

วันนี้เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาพิจารณาดูนะครับ

บทความโดยดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ www.aithailand.org

หมายเลขบันทึก: 593048เขียนเมื่อ 2 สิงหาคม 2015 08:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 สิงหาคม 2015 10:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท