อย่าหลงประเด็นธรรม เรื่อง ปล่อยวาง ไม่ใช่ ปล่อยว่าง(วางเฉย)
หลายคนเวลาเห็นเหตุที่มาซึ่งความทุกข์แล้ว มักบอกเพื่อปลอบใจกันว่า ปล่อยวางนะ อย่าไปยึดมั่น ถือมั่น สังขารมันไม่เที่ยงหนอ มีเกิดขึ้น คงอยู่และดับไปเป็นธรรมดา สาธุ ประมาณนี้
กลับมานะตีประเด็นให้ออก การปล่อยวางเป็นเรื่องของ "จิต" ความรับผิดชอบในหน้าที่ บทบาทความรับผิดชอบหรือสิ่งที่พึงกระทำเป็นเรื่องของ "กิจ" จริงอยู่ว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง แปรเปลี่ยน ตลอดเวลา ในแง่จิตใจเราจึงควรปล
่อยวาง ไม่ยึดมั่นในสิ่งทั้งปวง แต่ขณะเดียวกันอะไรที่สมควรทำเราต้องรีบทำ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียตามมาหรือเรียกว่าการไม่ประมาท
ยกตัวอย่างนะ ท่านต้องดูแลญาติป่วยติดเตียงกำลังมีแผลกดทับทีเดียว แน่ล่ะเกิดทุกข์แน่ ในแง่ของจิต เราก็รับรู้ได้ว่า นั่นคือทุกข์ที่เกิดขึ้น จิตที่ปรุงแต่งว่าโหทำไมลำบากอย่างนี้ มีญาติติดเตียงให้ดูแล ทำให้เกิดทุกข์ เพิ่มขึ้น การปล่อยวางทางจิตคือ เรารับรู้ได้ว่านี่คือเหตุแห่งทุกข์ หน้าที่ ๆเราพึงกระทำคือดูแลญาติที่ป่วยให้ดีที่สุดเต็มกำลัง ที่จะทำได้ โดยไม่ยึดติดว่า คนไข้จะต้องหาย ไม่ภาระที่ทำให้เกิดทุกข์ เราจะสามารถทำได้ด้วยหัวใจที่เข้าใจ เต็มใจ ไม่ยึดติด ไม่ปิดกั้นหนทางรักษาเราก็ไม่ทุกข์ ผู้ป่วยก็ไม่ทุกข์
แต่หากปล่อยวางแบบวางเฉยนั้น ก็ประมาณว่า อ้อ รู้แล้วว่าญาติป่วยติดเตียง มีแผลกดทับ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ก็เป็นอัมพาต ก็เดินไม่ได้ นอนอยู่กับที่ ก็มีแผลกดทับเป็นธรรมดา เพราะมีเหตุให้เกิดมันเป็นเช่นนั้นเอง งั้นเจ้าก็เป็นแผลกดทับต่อไปนะ อย่าไปทุกข์กับมันเลย อีกไม่นานก็ตายแผลก็หายพร้อมตายนั่นแหล่ะ เพราะสังขารไม่เที่ยงหนอ เกิดขึ้นตั้งอยู่ ดับไป อารมณ์ประมาณนั้นเลย ท่านอาจไม่ทุกข์ (ก็ตูไม่ได้เป็นนี่หว่า ) แต่ผู้ป่วย หรือญาติที่ปล่อยวางแบบวางเฉยแบบท่านไม่ได้นั้น โค-ตะ-ระ ทุกข์อ่ะ
นี่ยกตัวอย่างแบบใกล้ชิดคือญาติ แต่ในบทบาทของหมอ พยาบาล หากยึดหลักธรรมมาแบบเข้าใจผิด เห็นคนไข้แล้วปล่อยวาง (วางเฉย) จนละเลยสิ่งที่พึงกระทำ นั่นคือ "กิจ" ให้สมบูรณ์แล้วนั้น ตายครับ แบบประเทศไทยจะเต็มไปด้วยความสุขแบบตัวใครตัวมัน แบบฉันปล่อยวาง (วางเฉย) ใครจะเป็นจะตาย มันเป็นเช่นนั้นเอง คงสนุกพิลึก หุ หุ
ซึ่งจริงแล้วการหน้าที่ หรือ ทำงานด้วยการปล่อยวางนั้นหมายถึงว่า ไม่ยึดว่างานนี้งานนั้น เป็นงานกู งานใคร แต่เราทำด้วยความเต็มใจเต็มกำลัง ตามบทบาทหน้าที่ ไม่ยึดติดในผลของงาน งานออกมาดี ไม่ระริกระรี้ว่านี่งานกูทำ งานไม่ดี ไม่พาลว่าเป็นเพราะนั่นเพราะนี่ รับรู้อย่างมีสติ ในงาน ไม่ใช่ผลของงาน ทำงานอย่างมีความสุขด้วยความรับผิดชอบ ด้วยความไม่ประมาท เรื่องของจิตกับกิจ ต้องควบคู่ผสานเป็นหนึ่งเดียว ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าปล่อยวางเพราะกิเลสฝ่ายต่ำ(ความไม่รับผิดชอบ) ไม่ได้ปล่อยวางด้วยปัญญา นั่นเอง
ถูกไม่ถูกตามหลักธรรมวานผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วย ยังเป็นมือใหม่ในธรรมค่ะ
ชลัญธร
ขอให้เพื่อนสู้ๆ ครับ
โอเคจ้า ปล่อยวางนะ ไม่ปล่อยว่างแน่นอนจ้า