วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๘ ผมในฐานะตัวแทน CADL ไปร่วมวง PLC กาฬสินธุ์ที่จัดขึ้นโดย ดร.นุชรัตน์ และเพื่อนศึกษานิเทศน์ ท่านประสงค์จะ "ถอดบทเรียน" กลุ่มตัวแทนครูจากโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนระยะไกลผ่านดาวเทียม ด้วยระบบ DLTV ตามนโยบายของรัฐบาล (คลิกดูวัตถุประสงค์โครงการ ที่นี่) ที่สนับสนุนให้โรงเรียนขนาดเล็ก ๑๕,๓๖๙ โรงเรียนทั่วประเทศ จัดการเรียนการสอนโดยใช้โทรทัศน์เชื่อมต่อสัญญาณทางไกลจากโรงเรียนไกลกังวล
หลังจากฟังการนำเสนอข้อสรุปผลการลงพื้นที่ติดตามเรื่องนี้ ๑๙ โรงเรียนของ ดร.นุชรัตน์และทีม รู้สึกได้ว่าดูเหมือนท่านจะกังวลมากว่าจะจัดอำนวยการในพื้นที่อย่างไร้ให้ได้ผล จึงได้นำตัวแทนของครูจากโรงเรียนที่ได้ผลจากครูคนที่มีแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) มาระดมสะมองกันว่า จะมีแนวปฎิบัติที่ดีอย่างไรเพื่อให้การเรียนการสอนทางไกลด้วย DLTV มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ผมมีความรู้เรื่อง DLTV น้อยมากจากครั้งหนึ่งซึ่งนานมากแล้ว เคยเรียนแบบนี้ด้วยตนเองตอน"ที่บ้าน"รู้จักจานดาวเทียมใหม่ๆ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่จะมาเรียนรู้ร่วมกับครูและศึกษานิเทศก์ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้... และหลังจากกระบวนการถอดบทเรียน พลังการปฏิบัติของผู้มาแลกเปลี่ยน เหมือนได้เรียนรู้ด้วยตนเองหลายเดือนทีเดียว ขอสรุปความเข้าใจไว้ในบันทึกดังนี้ครับ
จากการสืบค้น .... ผมคิดว่าคนหรือครูที่ไม่คุ้นเคยกับการเรียนการสอนแบบนี้ น่าจะเปิดคลิปวีดีโอดีๆ ต่อไปนี้เพื่อเตรียมตนเองให้พร้อมครับ
รู้จักโรงเรียนไกลกังวลก่อน
หลังจากตั้งโรงเรียนวังไกลกังวลในปี ๒๔๘๑ โดยในหลวงรัชกาลที่ ๘ ทรงพระราชอาคารหลังหนึ่งให้ตั้งขึ้น ต่อมาในหลวง(รัชกาลปัจจุบัน) ทรงพัฒนาขยายครอบคลุมระดับอนุบาลถึงมัธยมปลาย โดยทรงมุ่งหมายให้ผู้เรียนจบการศึกษาทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองเต็มตามศักยภาพและความต้องการแล้ว ยังสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนขาดแคลนเข้าเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ต่อมาในปี ๒๕๓๘ กระทรวงศึกษาธิการจัดตั้งมูลนิธิสื่อสารทางไกลผ่านดาวเทียมขึ้น เพื่อสร้างความเท่าเทียมด้านการศึกษาสำหรับนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลที่ขาดแคลนครู เริ่มถ่ายทอดการสอนผ่านดาวเทียมจากโรงเรียนวังไกลกังวลไปยังโรงเรียนปลายทางในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ทำให้นักเรียนที่ขาดแคลนในชนบท ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพเดียวกัน
หลังจากดูคลิปวีดีโอนี้แล้ว ผมมองเห็นแต่ความหวังดี โดยเฉพาะโรงเรียนที่ขาดแคลนครู หรือครูอาจยังไม่เชี่ยวชาญในบางรายวิชา จึงน่าจะนำมาเลือกใช้อย่างยิ่ง
โรงเรียนต้นแบบในจังหวัดสุพรรณบุรี เขต ๑
โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จังหวัดสุพรรณบุรี เขต ๑ คือกลุ่มโรงเรียนต้นแบบที่จัดการเรียนรู้โดยใช้ DLTV ได้ผลดีมาก จนรัฐบาลยกเอาเป็น BP หรือต้นแบบในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ มีการจัดอบรมสัมมนาและศึกษาดูงานให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนปลายทางทุกคน สามารถดูคลิปการฝึกอบรมได้ (ที่นี่ ๑ ๒ ๓) แต่หากไม่มีเวลา ผมศึกษาจากคลิปต่อไปนี้ก็จะเห็นแนวทางอย่างชัดเจนแล้ว
คลิปวีดีทัศน์นี้บอกตั้งแต่เริ่มต้นว่า การศึกษาแบบนี้ เหมาะสำหรับโรงเรียนที่มีครูไม่ครบชั้นและครูไม่ตรงเอก ก่อนจะแนะนำ ขั้นตอนการดำเนินการของโรงเรียน ๗ ขั้นตอนต่อไปนี้
๑) เตรียมคน
ผอ.ปราโมทย์ สุวรรณแวก ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางใหญ่ จ.สุพรรณบุรี บอกว่า ผู้บริหารตั้งตัดสินใจให้ดี หากตกลงว่าจะทำแล้วต้องทำอย่างจริงจัง มีการเตรียมความพร้อม ทำอย่าสงต่อเนื่อง กำกับติดตามนิเทศอย่างสม่ำเสมอ... ผมคิดว่าหากผู้อำนวยการโรงเรียนที่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แบบท่าน และเป็นคนจริง เพียงดูคลิปนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะลงมือทำ... ท่านบอกว่า
๒) เตรียมครูตู้
หมายถึงการเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ให้พร้อม และมีคุณภาพ ได้แก่
ผมทราบว่า รัฐบาลที่มาจาก คสช. ได้ปรับเปลี่ยนงบประมาณงวดสุดท้ายของโครงการแจกแทปเล็ต มาให้การสนับสนุนกับทุกโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายที่ยื่นความประสงค์ โรงเรียนใดขอจำนวนทีวีเท่าใด รัฐบาลก็จัดให้เท่านั้น ... ข้อนี้จึงไม่มีปัญหาใดๆ
๓) เตรียมและศึกษาคู่มือครู และปรับโครงสร้างหลักสูตรให้สอดคล้อง ผอ.ปราโมทย์ บอกว่า โรงเรียนต้องปรับโครงสร้าง ตารางสอน
๔) จัดชั้นเรียนให้เหมาะสมกับบริบทของตน ความจำเป็นที่ต้องใช้ DLTV สำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก คือ จำนวนครูไม่ครบชั้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจัดการให้สองชั้นอยูในห้องเดียวกัน หรือครูคนหนึ่งต้องดูแลนักเรียนสองชั้น
๕) วางแผนบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โรงเรียนต้องจัดตารางเรียนให้สอดคลอ้งตามตารางของโรงเรียนต้นทาง นักเรียนได้เรียนจากครูต้นทาง ส่วนครูผู้สอนเป็นคนกำกับ คอยบอก คอยเตือน พอหมดเวลาของการเรียนจากส่วนกลางในวเลา ๑๔.๐๐ น. จะเป็นเวลาของการซ่อมเสริม ดังนั้น ในหนึ่งวัน ครูบอกว่านักเรียนจะได้เรียนกับทั้งครูต้นทาง และครูปลายทาง
๖ นิเทศติดตาม และประเมินการสอนเป็นระยะ
ผู้บริหารท่านหนึ่งบอกว่า การเยี่ยมห้องเรียนเป็นสิ่งที่ทำบ่อยที่สุด โดยจะปรึกษาหารือกับครูว่า มีปัญหาอะไรไหม ได้ผลอย่างไร หรือเราจะช่วยกันอย่างไร และผู้เยี่ยมจะช่วยดูพฤติกรรมของเด็ก และช่วยเหลือสะท้อนผลร่วมกับครู ปัญหาที่พบบ่อย คือบางครั้งนักเรียนจะเรียนไม่ทัน ครูบอกว่า ต้องกระตุ้นเด้กตลอดเวลา
ถึงช่วงหนึ่ง เช่นสัปดาห์หนึ่ง หรือการประชุมประจำเดือน จะมีการนำเอาปัญหาวิชาการต่างๆ มาคุยกัน ปรึกษาหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
๗) สรุปผลและรายงานผล
สรุปผลตอนสิ้นภาคเรียน ทั้งด้านกายภาพและพฤติกรรม โดยมีการระดมปัญหาและวิเคราะห์ระดมปัญหา ให้ขวัญและกำลังใจซึ่งกันและกัน กำหนดแนวทางการพัฒนาให้ดีขึ้นในภาคเรียนถัดไป และรายงานให้ทุกฝ่ายทราบ ทั้ง กรรมการสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ และรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตฯ ที่รับผิดชอบ
ข้อที่ ๘) ในคลิบวีดีโอ ไม่น่าจะใช่ขั้นตอนของการดำเนินงาน ผมตีความว่าเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จของ สพป. สุพรรณบุรี เขต ๑ ซึ่งสรุปตอนนท้ายของคลิปว่า
แนวปฏิบัติที่ดี (BP) ของโรงเรียนต้นแบบที่ สพป. สุพรรณบุรี เขต ๑
จากการสืบค้น ผมพบวีดีทัศน์เกี่ยวกับ แนวทางการจัดการเรียนการสอนของครูในโรงเรียนปลายทาง ของโรงเรียนต้นแบบ (จาก สพป.สุพรรณบุรี เขต ๑)
ผมตีความและถอดความกระบวนการจัดการเรียนรู้ด้วย "ครูตู้" ของครู สพป.สุพรรณบุรี เขต ๑ ได้ดังภาพด้านล่าง
ผมถอดความและตีควมโดยปรับปรุงขั้นตอนให้ "สมดุล" (ทำให้เป็นกระบวนการ) ได้ ๘ ขั้นตอน ผมคิดว่าหากครูได้ดู แล้วตั้งคำถามกับตนเองว่าจะกลับไปทำอย่างไรบ้าง จะพบว่า สิ่งที่นำเสนอในคลิปนี้เป็นเพียงขั้นตอนหรือหลักการกว้างๆ ไม่ละเอียดเพียงพอที่จะนำไปประยุกต์ใช้ได้ ...
แนวปฏิบัติที่ดีของครูดีจาก PLC กาฬสินธุ์
ปัจจัยที่่สำคัญที่สุดของการ "ถอดบทเรียน" คือ "ประสบการณ์" เพราะการถอดบทเรียนก็คือการถอดประสบการณ์ออกมาเป็น "บทเรียน" หากปราศจากประสบการณ์ที่สำเร็จจากการปฏิบัติแล้ว บทเรียนที่ได้จะเป็นเพียง "บทเขียน" แห่งการคิดหรือ "มโน" เท่านั้น... ผมสะท้อนกับตนเองว่า การถอดบทเรียนคราวนี้สำเร็จอย่างน่าพอใจยิ่ง เพราะที่นี่มีปัจจัยหลักอันสำคัญนี้
บทเรียนที่ได้จากการนำเสนอของครูและผู้อำนวยการ BP ที่ถูกเชิญมาร่วมในวันนี้ สรุปเป็นกระบวนการหลักได้ ๗ ขั้นตอน....ผมนำเสนอเพิ่มเติมอีก ๑ ขั้นตอนของการ "ถอดบทเรียน" รวมเป็น ๘ ขั้นตอน ตามแผนผังด้านล่าง
โดยมีรายละเอียดของแต่ละด้านดังนี้ โดยตัวอักษรสีน้ำเงินคือบทเรียนจากครู BP ส่วนตัวอักษรสีดำคือบทเรียนจากผู้อำนวยการ BP หลังจากการแบ่งกลุ่มย่อย
หลักในการเลือกใช้ DLTV
ผมจับความจากการฟังเรื่องเล่าของครู ได้ว่า รัฐบาลไม่ได้บังคับว่าต้องให้ใช้ "ครูตู้" สอนทุกวิชา ... แม้ว่า จะมีครูบางท่านที่เข้าใจว่าเป็นแบบนั้น ผมคิดว่าครูที่คิดแบบนั้น คิดเข้าข้างความสบายของตนเองมากกว่าคำนึงว่าเด็กจะได้อะไรในการเรียน
สาเหตุที่ต้องใช้ "ครูตู้" คือ ครูปลายทาง "ทำไม่ได้" หรือ "ไม่มั่นใจว่าทำได้"ดีกว่าครูตู้ ครูปลายทางทำไม่ได้ เช่น ครูไม่ครบชั้น ครูไม่มั่นใจว่าทำได้ เช่น ครูไม่ตรงวิชาเอก ครูไม่ถนัด ครูไม่มีเวลาพอเนื่องจากต้องทำภาระงานอย่างอื่น หลักในการพิจารณาเลือกใช้ มีดังนี้
เริ่มที่การศึกษาคู่มือครู
ก่อนเปิดภาคการศึกษา โรงเรียนวังไกลกังวล จะส่งคู่มือการจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำหรับภาคการศึกษานั้นให้ (ดาวน์โหลดสำหรับภาคการศึกษา ๒๕๕๘ ได้
ที่นี่) ครู BP เกือบทุกท่านบอกว่า เริ่มจากการศึกษาคู่มือ โดยมีหลักการดังนี้
บทบาทครูปลายทาง
ต่อไปนี้เป็นข้อสรุปถึงบทบาทครู ที่ครู BP นำเสนอ
ประเมินผลและถอดบทเรียน
ขั้นตอนหลังเรียนของครู BP แต่ละคนแตกต่างกัน ทุกคนจะเน้นการมีส่วนร่วมของนักเรียน และใช้คำถามเป็นเครื่องมือ สรุปเป็นวิธีปฏบัติหลังเรียนได้ดังนี้
ใครจำเป็นต้องช่วยครู
ผมตีความว่า ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จคือ "ความต่อเนื่อง" และ "การสะท้อนการเรียนรู้ของครูและนักเรียน" ผู้ที่จะช่วยให้กระบวนการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คือ ผู้อำนวยการโรงเรียน และศึกษานิเทศก์หรือรองผู้อำนวยการเขตฯ ที่ได้รับมอบหมาย คือจำเป็นต้องจัดให้มีกิจกรรมดังนี้เป็นระยะ
โดยพิจารณาเป็นระยะว่า นักเรียนนั้น "มีความสุข สนุกที่ได้เรียนหรือไม่" ตามที่ ผอ.ปราโมทย์ ผู้อำนวยการต้นแบบที่ท่านทำสำเร็จแล้ว เน้นย้ำเหลือเกินในวีดีทัศน์
ข้อสังเกต
ก่อนจบบันทึกนี้ ผมมีข้อสังกตที่อยากแลกเปลี่ยนกับท่านผู้อ่าน ดังนี้ครับ
ขอบขอบคุณ ดร.นุชรัตน์ ที่ให้โอกาสได้มาเรียนรู้และมีส่วนร่วมในชุมชนเรียนรู้นี้ ผมคิดว่าตอนนี้ ครู สพป. กาฬสินธุ์ เขต ๑ มีที่พึ่งด้านการขับเคลื่อนการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ PLC นี้แล้ว ผู้สนใจติดตามผลงานของท่านได้ ที่นี่
ดูรูปทั้งหมด ที่นี่ครับ