ในท่ามกลางความวุ่นวาย สับสนของชีวิต คนเราก็จะคิดถึงความสงบ อยากอยู่อย่างเงียบ ๆ
ในท่ามกลางความรื่นเริง ความสนุกสนาน คนเราก็จะเพิ่มความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ไม่อยากคิดถึงความเงียบสงบ
บนความวุ่นวาย ก็จะมีความสงบอยู่ในความวุ่นวาย
บนความสนุกสนาน บันเทิงใจ ก็จะมีความทุกข์ปนอยู่ในความสนุกสนาน เช่นกัน
ความสงบ ความสุข ความทุกข์ และความสนุกสนานบันเทิงใจ ล้วนเกิดจากใจของเราเอง
การเปลี่ยนความคิด เป็นตัวจักรสำคัญในการเปลี่ยนมุมมองดังกล่าว
บ่อยครั้ง ที่เราจมปลักอยู่กับความคิดเก่า ๆ
บ่อยครั้งที่เราคิดฝันไปในอนาคต อยากจะพบกับสิ่งที่เราต้องการ
และบ่อยครั้งเช่นกัน เราไม่อยากจะคิดอะไร อยากอยู่เฉย ๆ
สภาพความเป็นจริงดังกล่าว การขาดการวางแผนของชีวิตมีส่วนสำคัญที่ทำให้มุมมองมีความไม่แน่นอน
พระท่านจึงสั่งสอนอยู่เสมอว่า...จงหางานให้จิตทำ อย่าปล่อยให้จิตอยู่เฉย ๆ ...
ธรรมชาติของจิต จะมีความดิ้นรน กวัดแกว่ง เหมือนลิง มักจะไหลไปสู่ที่ต่ำและที่เขาต้องการ
การมีหลักให้เขายึดจึงเป็นสิ่งสำคัญ จีงมีอุบายต่าง ๆ ในการฝึกจิต
ผู้เขียนชอบฟังรายการหนึ่ง ทางสถานีวิทยุจะมีรายการหนึ่ง พูดถึงการปฏิบัติภาวนา โดยไม่ยึดเรื่องรูปแบบ ไม่มีพิธีรีตองมาก
แต่เน้นการภาวนาเป็นหลัก และคำภาวนานั่นแสนจะง่ายและธรรมดา แต่ผลเกิดจากการปฏิบัติกลับมีอานุภาพยิ่งใหญ๋
ผู้เขียนลองปฏิบัติดูมานานพอสมควร ทำให้สภาพจิตมีความสงบ เยือกเย็นมากขึ้น ทำให้จิตมีความมั่นคง ไม่หวั่นไหว กับสิ่งที่มากระทบ ไม่ว่าจะนินทา สรรเสริญ ผิดหวัง สมหวัง สุข หรือ ทุกข์
ผลจากการปฏิบัติ ทำใหจิตสงบ เยือกเย็น และมีความสุขมากยิ่งขึ้น
คำภาวนามีเพียงว่า...จงเป็นสุข ๆ เถิด ยิ้มไว้ไม่ทุกข์สนุกดี...ขอให้เราภาวนาในใจตลอดเวลา ทำมาก ได้มาก ทำน้อย ได้น้อย
ท่านที่มีความทุกข์ ลองปฏิบัติดู ท่านทำมาก ก็มีความสุขมาก ทำน้อย ก็มีสุขน้อยครับ !!!