ภาพแสดงความหมาย 3


"แรงผลักดันสู่อนาคต"

"มนุษย์ทุกคนย่อมมีความฝันเป็นของตนเอง" ผมก็เช่นกัน จากลูกชาวนาตัวเล็กๆที่มองเห็นความลำบากและสัมผัสกับรสชาติชีวิตมาพอสมควร มองดูความเปลี่ยนแปลงของชีวิตครอบครัวจากดินสู่ดิน พ่อและแม่คือต้นแบบของชีวิต ท่านเรียนและทำงานหนักมาก จนถึงปัจจุบัน ท่านพ่อรับตำแหน่งศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ ท่านแม่รับตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ 8 หลายท่านถึงกับงงว่าชีวิตเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ได้อย่างไร ผมโชคร้ายที่ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่พร้อมเหมือนคนอื่น พ่อแม่ต้องทำงานสร้างครอบครัวอย่างหนักมาก ผมจึงมีพี่เลี้ยงคอยเลี้ยงดูอยู่ห่างๆมาเสมอ แต่ผมโชคดีมากที่มีพ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีมาโดยตลอด และไม่ว่าจะเริ่มทำอะไร พ่อจะให้คติ ข้อคิด ประสบการณ์ที่ผ่านมา และแนวปฏิบัติที่ดีอยู่เสมอ……..

ผมมีน้องชายหนึ่งคนอายุห่างกัน 3 ปี ปัจจุบันเป็นครูที่โรงเรียนการศึกษาพิเศษแห่งหนึ่งและเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นด้วย ถือว่าขยันใช้ได้ หลังต้องเปลี่ยนงานมา ผมโชคดีนะที่มีน้องขยันเรียน ขยันทำงาน แต่น้องตัวแสบคนนี้ไม่ชอบรักษาข้าวของเอาซะเลย ต้องซื้อของให้ใหม่อยู่เสมอ……..

5555 พูดถึงแต่เรื่องครอบครัว แต่ไม่ได้พูดเรื่องของตัวเองเลย เอาหล่ะ!!!…พร้อมจะฟังเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตผมหรือยังครับ ถ้าทุกท่านได้ฟังแล้ว ท่านจะไม่เชื่อเลยว่าผมรอดมาได้ยังไงในตอนนี้ ถึงกับงงเลยทีเดียว?????....

ถึงแม้ผมจะได้มองเห็นแบบอย่างที่ดีของพ่อแม่มาโดยตลอดแล้ว…..แต่ ตัวผมเองนั้นไม่ได้ดีเหมือนกับคำสอนของพ่อแม่เลย ผมเริ่มเรียนโรงเรียนประถมศึกษาประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง แรกๆก็ดีอยู่นะ แต่พักหลังนี่สิ ผมเริ่มไม่ชอบเรียน ชอบเล่นกีฬา และหนีไม่พ้นเรื่องชกต่อยกับเพื่อนหรือพี่ในโรงเรียน ความประพฤติและผลการเรียนเลยไม่ค่อยประทับใจพ่อแม่นัก จนต้องถูกดุเป็นประจำ

อย่างไรนั้น ผมก็สามารถสอบเรียนต่อในโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งได้ โดยโรงเรียนแห่งนี้ค่อนข้างไกลจากบ้าน เป็นโรงเรียนประจำ-ไปกลับ แน่นอนผมเลือกไปกลับโดยไม่ลังเล เพราะผมไม่ชอบอยู่ในกรอบ ผมจึงต้องขับรถออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปให้ทันโรงเรียนในตอนเช้า และในตอนเย็นจะต้องกลับบ้านให้ทันไม่เกินพระอาทิตย์ตกดิน ไม่งั้นโดนไม้เรียว จนเข้าสู่มัธยมศึกษาตอนปลาย ผมเริ่มชอบดนตรีและความเร็ว จนทำให้ผมนั้นแทบไม่อยากเรียนหนังสือ ผมเรียนรู้เกี่ยวกับการซ่อมรถ แต่งรถ และต้องนั่งรถประจำทางไปเรียนพิเศษทุกเสาร์-อาทิตย์ เพื่อเรียนดนตรีและภาษาอังกฤษเสริม ที่ต่างจังหวัดเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งจากความหลงใหลและความพยายามนั้น นั่นทำให้ผมได้เป็นนักดนตรีของโรงเรียนตั้งแต่ ม.4 ผมเริ่มเข้าประกวดดนตรีในแทบเกือบทุกๆที่ ไม่ว่าจะภายในจังหวัดหรือต่างจังหวัด จนมีโอกาสถูกเรียกตัวเข้าไปแคสติ๊งที่บริษัทอาร์เอส แต่นั่นก็เถอะ ผมไม่ชอบข้อเสนอที่ผู้จัดการคนนั้นยื่นให้ จนเพื่อหลายคนว่าผมนี่โง่มาก แต่ผมไม่เคยเสียใจเลยที่ได้ตัดสินใจแบบนั้นไป

จนผมใกล้จบมัธยมปลาย ผมต้องมานั่งถามตัวเองว่าจะเรียนต่ออะไร และมหาวิทยาลัยไหน แล้วตัวผมนี้ชอบที่จะทำอาชีพอะไร 5555 ผมไม่รู้จริงๆ จนถึงช่วงสอบเอนทรานซ์ ผมจึงเลือกเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ ทั้งๆที่ผมไม่ทราบจริงๆว่าจบมาจะทำอาชีพอะไร เพราะการแนะแนวสมัยนั้นไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ ชีวิตมหาลัยอะไรจะดีอย่างนี้ ผมสอบติดและได้เรียนต่อ แต่ก็นะ…ชีวิตที่ไร้การควบคุม ไร้คนดูแลเอาใจใส่ ผมใช้ชีวิตเปลืองมาก ปี 1 เข้ามาวันแรกก็ถูกข้างห้องมาหาเรื่องชกต่อยเลย จนต้องมานั่งถามตัวเองว่าจะรอดไหม 4 ปี พี่ๆมองเห็นแววทางดนตรี จึงส่งประกวดดาว-เดือนมหาลัย โว๊ะ!! แปลกมากผมได้เป็นเดือนมหาลัยในปีนั้น ชีวิตติดสนุกมาก เที่ยวเล่นแทบไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย กลางวันนอนกลางคืนเที่ยว แข่งรถ ปี 2 มีเพื่อนเยอะขึ้น ต้องผ่านชีวิตในห้องขังตั้งหลายครั้งและทุกครั้งก็มีอาจารย์ พี่ๆ เพื่อนๆมาประกันตัวออกทุกครั้งไป จนจะจบปี 2 มาดูเกรดตนเองแล้วรู้ตัวเลยว่าไม่รอดแน่ ไม่รอดแล้วจะทำยังไง?? กลับบ้านก็ไม่ได้!!....ในเมื่อพ่อแม่ให้ความหวังไว้!!...

จุดเปลี่ยนของชีวิต!!....ชีวิตเริ่มเปลี่ยนแปลงมากในช่วงปี 3 ผมตั้งใจเรียนมาก ไม่เที่ยวเล่นเหมือนแต่ก่อนมา เกรดเฉลี่ยรวมผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ผมเรียนจบพร้อมเพื่อนๆใน 4 ปี ผมต้องไปทำงานแต่เชื่อไหมว่างานที่ผมทำนั้นคือ สัตวบาลประจำฟาร์ม มันไม่ง่ายเลยนะ! มันใช่ชีวิตเราจริงๆหรอ? เราต้องทำงานอะไรดี? เราจะทำอย่างไร? ผมตัดสินใจออกจากงานและกลับบ้านมาเรียนต่อประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูและสมัครทำงานเป็นครูพิเศษที่โรงเรียนเอกชน พร้อมกับฝึกสอนด้วย ผมเรียนจบและเรียนต่อปริญญาโทเลย สาขาวิทยาศาสตรศึกษา เป็นงานที่หนักเอาควร เพราะต้องทำงานหาเงินใช้ หาเงินเรียน จันทร์-ศุกร์ ตอนเย็นสอนพิเศษ และต้องขับรถไปเรียนเสาร์-อาทิตย์ ระยะทางไป-กลับ 360 กิโลเมตร การบ้านที่เรียน งานที่ทำงาน และต้องทำวิทยานิพนธ์อีกด้วย โอ้..ชีวิต แต่จากความพยายามนั้น ผมจบตรงเวลา 2 ปีครับ ผมดีใจมากที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจ และความฝันของผมและของพ่อเริ่มมองเห็นหนทางแล้วครับ ผมอยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและที่ผ่านมาผมทำเพื่อตัวเองมามากแล้ว ครั้งนี้ผมอยากทำเพื่อวงศ์ตระกูลซักครั้ง ผมตัดสินใจเรียนต่อปริญญาเอกในสาขาหลักสูตรและการสอน เช่นเคย ผมต้องขับรถมาเรียนแล้วกลับไปทำงานต่อเหมือนที่ผ่านมา จะจบปี 1 แล้วครับ หัวข้อการทำวิจัยก็น่าจะคงที่แล้ว ปัจจุบันผมอายุ 28 ปีเต็ม ใกล้จะได้มีชีวิตครอบครัวเป็นของตัวเองกับเขาแล้ว….

งงมั๊ยครับ….กับชีวิตซับซ้อนของผม!!! ชีวิตผมนี้เกิดจากการเรียนรู้ของตัวเองมาเยอะมาก ลองผิดลองถูกมาพอสมควร จนถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต ผมคิดว่าเลือกทางเดินมาถูกทางแล้ว ผมขอให้ใครที่กำลังมีปัญหาชีวิตอยู่ตอนนี้แล้วได้อ่านข้อความนี้ จงหากำลังใจและหาแรงผลักดันในชีวิตท่าน จะทำให้ท่านนั้นพบจุดเปลี่ยนของชีวิต จากนั้นท่านจะประสบความสำเร็จจงได้ สุดท้ายนี้…อยากบอกว่าพ่อคือแรงผลักดันในชีวิตผมมาก ชอบคุณที่ไม่ว่าผมจะเป็นยังไง พ่อก็ยังให้กำลังใจผมเสมอมา….ผมสัญญาว่าจะทำให้สำเร็จดั่งที่พ่อวาดฝันไว้!!!......


หมายเลขบันทึก: 589062เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2015 22:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน 2015 22:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท