การทดลองเรื่อง "หมุดลอยน้ำ" ดูเหมือนจะง่าย แต่ความจริงแล้วยากและท้าทายมากสำหรับเด็กๆ ข้อดีคือเป็นการทดลองเดี่ยว เด็กๆ ทุกคนได้ลงมือ หาวิธีวางลวดหนีบกระดาษหรือหมุดตะปูอย่างไรไม่ให้จมน้ำ
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้หาซื้อได้ที่ร้านเครื่องเขียนเช่นกัน ได้แก่ ลวดหนีบกระ หมุดตะปู ส่วนกาละมังใหญ่ ใส่น้ำ (หรือเล็กก็ได้) หากมีอยู่แล้วก็ไม่ต้องซื้อ
การทดลองเรื่องหมุดลอยน้ำ มีความเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะความไม่ปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นได้จากหมุดตะปู ดังนั้นครูต้องดูแลเป็นพิเศษ ควรมีการ "พานับ" หมุดตะปูเพื่อให้นักเรียนตั้งตระหนักตอนที่จะรับหมุดตะปูจากครูไป
ความเสี่ยงที่สำคัญยิ่งอีกสิ่งหนึ่งคือ ความเสี่ยงที่นักเรียนจะทำไม่สำเร็จ "ความไม่สำเร็จ" หมายถึงความรู้สึก "ฉันทำไม่ได้" ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนค่อยๆ เสียความมั่นใจ แม้จะดีที่จะเพิ่ม "ความท้าทาย" แต่ถ้าตอนท้ายไม่ "แฮบปี้เอ็นดิ่ง" การเรียนนี้ก็ไม่สนุก เด็กอาจทุกข์กับการเรียน ดังนั้น ครูต้องทดลองดูก่อน หากทำสำเร็จได้ยากเกินไป สาเหตุอาจมาจากน้ำ น้ำในแต่ละแห่งอาจมีแรงตึงผิวแตกต่างกัน แนะนำให้ลองเปลี่ยนน้ำ
ต้องตั้งคำถาม
คำถามก่อนเริ่ม เช่น
คำถามระหว่างการทดลอง เช่น
คำถามหลังการทดลอง เช่น
ความรู้ที่ครูไม่จำเป็นต้องสอนเด็กอนุบาล
การทดลองเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ "แรงตึงผิว" ของน้ำโดยตรง แรงตึงผิวเกิดจากการยึดเกาะกันของโมเลกุลของสารที่บริเวณผิว โมเลกุลที่อยู่ลึกลงไปในสารนั้นจะมีแรงยึดเกาะทุกทิศทางทั้ง ซ้าย ขวา หน้า หลัง ล่าง และบน แต่โมเลกุลที่ผิวบนสุด จะไม่มีแรงยึดเกาะจากด้านบน ทำให้แรงยึดเกาะด้านข้างมีแรงพลังห่อหุ้มไว้ไม่ให้กระจายไป ที่เราเห็นหยดน้ำก็เพราะน้ำมีแรงตึงผิวนั่นเอง
ตัวอย่างที่ชัดเจนและเด็กๆ อาจรู้จักคือ การลอยของแมลงจิงโจ้น้ำ (อ่านที่นี่) ความจริงที่ใกล้ตัวกว่านั้นคือ สบู่ ผงซักฟอก แชมพู หรือสารทำความสะอาด ล้วนแล้วแต่เป็นสารลดแรงตึงผิว เพื่อที่จะทำลายแรงยึดเกาะของคาบสกปรกนั่นเอง
ขอจบฮ้วนๆ เพียงเท่านี้นะครับ .... อยากเห็นครูเทศบาลเมืองมหาสารคาม ถ่ายรูปกิจกรรมบ้านวิทยาศาสตร์น้อยมาโพทส์แลกเปลี่ยน เอาเรื่องเล่าแห่งความสุขของนักเรียนมาเขียนแลกกันอ่านครับ ...
ไม่มีความเห็น