ช่วงเวลาของชีวิตที่กำลังต่อสู้กับกิเลส ตัณหา และอุปาทานนั้น ไม่มีคำพรรณนาใดที่จะบ่งบอกได้ถึงความทุกข์ในจิตใจที่เกิดขึ้นในระหว่างนี้ได้
ทุกข์ในระหว่างที่ต้องต่อสู้ "ทวนกระแส" นั้น มันช่างทุกข์เหลือคณา
เปรียบเสมือนกับมีลูกศรปักอยู่กลางอก แล้วเรากำลังพยายามดึงปลายลูกศรออกจากออกของเราให้ได้
ปลายลูกศรนั้นเล็ก เรียวแหลม สามารถทะลุทะลวงเข้าไปในเนื้อหนังสือสาได้อย่างง่ายดาย แต่ส่วนท้ายของลูกศรที่แสนใหญ่ มันช่างเจ็บปวดรวดร้าว เมื่อต้องดึงถอยหลัง อันเป็นสร้างความทุกข์ระทมอย่างหาที่สุดหาประมาณไม่ได้
บางวันก็เหมือนจะมีความสุข ถ้าคิดดูดี ๆ เราก็หยุดการถอนลูกศรนั้น
เมื่อขยับศรเมื่อใด ความทุกข์ก็แผ่ซ่านไปทั่วจิตใจ
ความสุขจากการได้กิน ได้เล่น ได้เที่ยว ได้ผ่อนคลายเหรอ จะไปหาความสุขแบบนั้นก็ไม่ได้ เพราะมีกำแพงแห่งธรรมวินัยกั้นขวางไว้หมด
มีแต่การต้องทนต่อสู้ แลกด้วยชีวิต "ไม่ดีก็ให้มันตาย ไม่ตายก็ให้มันดี"
ชีวิตที่ต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง มันทุกข์นะ แต่ด้วยศรัทธา วิริยะ อุตสาหะ
เรามันทำตัวเองทุกข์เองมั๊ย มาทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่ บางครั้งก็ย้อนถามตัวเองนะ มาต่อสู้กับสิ่งที่คนส่วนใหญ่ว่าไม่มี แต่เป็นความดีที่อริยชนได้แนะนำ
ไม่รู้สินะ ว่าจะทนทุกข์นี้ไปได้แค่ไหน
แต่หวังว่าจะเข้มแข็งสู้ไปจนกว่าหมดลมหายใจ ทิ้งชาตินี้ไปสักชาติหนึ่งคงได้ดี...
"ความสุขจากการได้กิน ได้เล่น ได้เที่ยว ได้ผ่อนคลายเหรอ จะไปหาความสุขแบบนั้นก็ไม่ได้ เพราะมีกำแพงแห่งธรรมวินัยกั้นขวางไว้หมด" จริงครับ...
ถ้าเราปล่อยให้กายและจิต ให้อิสระอย่างบ้าคลั่งทุกชนิดละ เราจะเป็นอิสระอย่างที่เป็นอิสระจริงๆไหม ชีวิตควรมีระบบที่คอยทัดทาน มิใช่ต้านทุกข์ แต่นี่คือ เข้าใจทุกข์ถูกทาง ขอบคุณครับ
นักปฏิบัติ ก็ต้องทวนกระแส ครูบาอาจารย์ท่านผ่านไปได้ครับ เราก็ต้องผ่านได้เช่นกัน ที่ทวนกระแสนั้น ไม่ใช่ทวนกระแสโลก แต่เป็นทวนกระแส "กิเลส" ในใจเรานี่ละครับ // หลวงพ่อชาสอนว่า.... ตอนนี้แหละ ที่เราคิดว่าเราทุกข์จากการปฏิบัติฯ ก็เพราะว่า ไอ้เจ้าตัว "กิเลส" มันเดือดร้อน มันจึงแสดงอาการ ..... // สาธุครับ
"ไม่ดีก็ให้มันตาย ไม่ตายก็ให้มันดี"..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/586752
ชอบตรง คำว่า ต้องแลกด้วยชีวิต ดูหนักแน่น มุ่งมั่นดี