นับถอยหลังอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน ชีวิตการเป็นนักศึกษาของผมจะหมดลงแล้ว คิดแล้วทำให้รู้สึกใจหายแปลก ๆ อีกไม่กี่วัน ผมต้องออกไปเจอโลกที่แท้จริงแล้ว ต้องออกหางานเพื่อเลี้ยงตัวเอง ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่เพื่อตอบแทนท่าน ต้องทำอนาคตให้เป็นจริงแล้ว จากที่เคยวาดฝันไว้ตลอด เมื่อเรียนสายครูมา แน่นอน เป้าหมายหลักที่ต้องเป็นให้ได้ก็คือครู
หากจะพูดถึงชีวิตในวัยเรียนแล้ว คงหนีไม่ได้ถ้าจะไม่พูดถึงเรื่องของ "เพื่อน" เพื่อนที่เคยเรียนร่วมกันมากว่าห้าปี บางคนก็สนิทกันจนพูดได้หมดทุกเรื่อง พูดได้แม้กระทั่งเรื่องที่เราไม่อยากบอกใคร แม้ในตอนนี้ เพื่อนแต่ละคนจะกระจัดกระจายกันออกหาประสบการณ์ของตนเอง แต่ก็ยังมีคุยกันอยู่บ้าง ผมคงคิดถึงชีวิตในตอนนั้นแน่ ๆ หากวันนึงต้องไปทำงานคนละที่กันอย่างจริงจัง
อาจารย์ คือพ่อแม่คนที่สอง และนับเป็นโชคดีของเอกผม ที่มีนักศึกษาน้อย ไม่มีรุ่นพี่ใกล้กัน ไม่มีรุ่นน้อง ทำให้พวกผมสนิทกับอาจารย์ในสาขามาก ๆ เรียกได้ว่าเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันก็ว่าได้ ปรึกษาได้ทุกเรื่อง อีกทั้ง แต่ละท่านยังมากไปด้วยความรู้และความสามารถกันเหลือเกิน ทำให้พวกผมเคารพนับถือพวกท่านเป็นอย่างมาก ยากที่จะทำใจได้ว่า วันนึงจะไม่ได้เข้าเรียนกับพวกท่านอีก
บรรยากาศ คือสิ่งที่คิดย้อนไปแล้วน่าใจหายที่สุด ผมยังจำทุกรอยยิ้ม ทุกน้ำตา ที่ผ่านมาในช่วงระยะเวลาหนึ่งของชีวิตได้ ยอมรับว่าหลาย ๆ ครั้ง ผมก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ นานามาได้ เป็นเพราะมีบรรยากาศที่เอื้อต่อกำลังใจ เพื่อนฝูง มหาลัย อาจารย์ทุกท่าน แม้แต่โต๊ะหรือเก้าอี้แต่ละตัว ทำให้น่าคิดถึงและน่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนี้อนาคตของผมจะเป็นอย่างไรก็ตาม ความทรงจำเหล่านี้ก็จะอยู่กับตัวผม ตลอดไปอย่างแน่นอน และถึงแม้จะพ้นจากการเป็นนักเรียนแล้ว แต่เราก็ยังคงเป็นผู้เรียนได้อย่างไม่มีวันจบสิ้น เพราะโลกนี้ ยังมีอะไรอีกมากมายที่รอให้เราได้ไปเรียนรู้ เพื่อให้ตัวเราเอง มีการพัฒนาอยู่เสมอตลอดจนวันสุดท้ายของชีวิตเรา...
ไม่มีความเห็น