ภาพ: ตราสัญลักษณ์พม่า (เมียนมาร์)
ของแท้ต้องมี "ซินเต้" หรือ สิงห์หันหน้าออก 2 ข้าง
แผนที่พม่า มีรูปคล้ายว่าวลอยลม พร้อมด้ายหรือเชือก
.
พม่า ไม่ได้อยู่ทางตะวันตกของไทย
ทว่า... อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และอยู่สูง (ใกล้ขั้วโลก) มากกว่า
ทางเหนือพม่า ติดเขตธิเบตของจีน และ มีหิมะตกด้วย
บางที... เรา อาจจะได้ไปเล่นสกี และ เรียนภาษาอังกฤษกันที่นั่น
.
ภาพ: ธงยุคอาณานิคมอังกฤษ
นกยูง เป็นสัญลักษณ์ของพม่า
น่าจะมาจากตำนานทางพระพุทธศาสนา
.
นกยูง = มยุรา (Maurya) เป็นวงศ์ของพระเจ้าจันทรคุปต์
ต้นวงศ์ ของพระเจ้าอโศกมหาราช
ผู้เผยแพร่พระพุทธศาสนาไปทั่วชมพูทวีป (เอเชียใต้) และอาเซียน
.
ถ้าอินเตอร์เน็ตของท่านเร็วพอ
ขอเสนอให้เปิดเสียงวิทยุออนไลน์ต้นฉบับ เบาๆ ไป, อ่านไป
คลิกที่นี่ แล้วอ่านต่อเลย
http://www.pri.org/stories/2012-03-08/rush-learn-english-myanmar
.
ถ้าฟังดีๆ จะพบเสียงนักเรียนพูดอังกฤษชัด... น้องๆ BBC!
ไม่แน่... ต่อไป คนไทยอาจจะไปเรียนภาษาอังกฤษ ที่พม่า
.......................................
สำนักข่าว PRI รายงานว่า
เด็กพม่า กำลังแข่งกันเรียนภาษาอังกฤษ
มีการสัมภาษณ์วัยรุ่น ที่กล่าวถึง อนาคตของพม่า
ฟังแล้วตกใจ...
ต้องฟังเสียง (วิทยุออนไลน์) ใหม่อีก 4 รอบ!
.
พม่าพ้นจากการปกครองของอังกฤษในปี 1948/2491
ตอนนั้น... พม่าเป็น 1 ใน 2 ประเทศดาวรุ่ง
การศึกษา และ ฐานะเฉลี่ย ดีที่สุดในอาเซียน
อีกประเทศดาวรุ่งตอนนั้น คือ ฟิลิปปินส์
...................................................
เวลาผ่านไป 66 ปี
เทียบเท่าคน 2-3 ชั่วอายุคน
ตอนนี้ พม่าเป็น 1 ในประเทศยากจนที่สุด
.
ทว่า... "กลับหลังหัน"
หรือ พลิกฟื้นประเทศได้ เร็วที่สุด ใน 3-4 ปีที่ผ่านมา
เรื่องจากสถานีวิทยุออนไลน์ PRI มีอย่างนี้
.......................................................
คลาสส์ (ชั้นเรียน) ภาษาอังกฤษ "มยา จ่าย (Mya Kyaing)"
อยู่ใกล้ถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่น ร้านชา
ที่นั่น... นักเรียน 500 คน
นั่งเก้าอี้หัวโล้น (ไม่มีพนักพิง)
เรียนกันทั้งวัน
.
หนังสือเรียนยอดนิยม คือ
"ปัจจัยหลักแห่งความร่ำรวย (The Master Key to Riches)"
ของ นโปเลียน ฮิลล์, ฉบับปี 1956/2499
.....................................................
พระที่เข้าเรียน 1 รูป บอกว่า
หนังสือเกี่ยวกับวิธีหาเงิน (Money Making)
ของ แอนดรูว์ คาร์เนกี้
ที่ อาจารย์ มยา จ่าย ใช้ในการสอน เข้าใจยาก
.
ทว่า... อ.มยา จ่าย วัย 53 ปี
อดีตผู้ช่วยทูตทหาร (military attaché) ที่หนีเหตุการณ์ ปฏิวัตินองเลือด 1988/2531
เข้าไปทำงานในอินเดีย ช่วง late 80s-early 90s = 1985-1994/2528-2537
เชื่อว่า
........................................................
คนพม่าอายุน้อยๆ จะต้องอ่านหนังสือแบบนี้
จะได้รู้จักโลก รู้จักธุรกิจ
ค่าเล่าเรียนที่นั่น 4 ดอลลาร์ฯ/เดือน
= 130.5 บาท/เดือน
จะเรียนกี่ชั้นก็ได้ เพราะสอนต่อกัน แทบทั้งวัน
.
มโย มยิต์ อ่อง วัย 21 ปี บอกว่า
เขาเป็นนักเรียน ที่ขี้เกียจหน่อย
แต่พอเข้าชั้นเรียนหลายๆ ครั้ง
ครูก็บอกเขาว่า แบบนี้ใช้ได้ ดีขึ้นเรื่อยๆ
...................................................
โรงเรียนในพม่าสอนภาษาอังกฤษ ตั้งแต่อนุบาล
แต่ มโย มยิต์ อ่อง บอกว่า
(ในโรงเรียน) แทบจะจับหลักอะไรไม่ได้เลย
ต้องเรียนพิเศษข้างนอก (จึงจะได้ผล)
.
คุณ นาย ขิ่น เลย์, วิศวกรวัย 28 ปี บอกว่า
เธอไปเรียนภาษาอังกฤษ
เพราะ อายที่ยังเก่งไม่พอ
.....................................................
เธอว่า ภาษาอังกฤษ จำเป็นสำหรับวิชาชีพหลายอย่าง
พม่า ไม่เหมือนประเทศ ไทยและญี่ปุ่น
ที่นั่น มีการแปลตำราเป็นภาษาท้องถิ่นมาก
ประเทศเรา (พม่า) ต้องเรียนทุกอย่าง
.
เช่น วิศวกรรม แพทย์ จากสื่อภาษาอังกฤษ
ถ้าคุณไม่รู้ภาษาอังกฤษ,
คุณ จะไม่มีทางเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะสาขาใด
.....................................................
เธอก็เหมือนกับ ชาวพม่าอายุน้อยอีกมากมาย
ที่รู้สึกอาย และ "ทนไม่เก่ง" ต่อไปไม่ได้ (อีกต่อไป)
จึง ต้องเข้าเรียน ติวภาษาอังกฤษ
.
ผู้สื่อข่าว PRI พาไปชมชั้นเรียนภาษาอังกฤษอีกแห่ง
ของ องค์การไม่แสวงหากำไร (non-profit organization / NGO)
คือ เมียนมาร์ อีเกรสส์ (Myanmar Egress) ในย่างกุ้ง
ที่นั่น มีคนเรียนน้อยกว่าที่แรก (ไม่ถึง 500)
.....................................................
อาจารย์ ล่า ล่า วิน (Hla Hla Win; เสียง "ล่า" ย้ำเสียงหนัก)
หัวหน้าแผนกภาษาอังกฤษบอกว่า
เราต้อง ให้การศึกษาหลายอย่าง
เพื่อให้ การศึกษานั้น เป็นพลัง ขับเคลื่อนพม่า
.
เธอเล่าว่า ตอนก่อตั้งกลุ่ม NGO ปี 2006/2549
ฝ่ายทหารไม่ค่อยไว้ใจ
ส่งสายลับเข้าไปเรียน จดบันทึก อัดเทป
และ ทำรายงาน
.....................................................
แต่ไปๆ มาๆ กลายส่งคนเข้ามาเรียนเพิ่ม
ตอนนี้ มีตำรวจ ข้าราชการพลเรือนมาเรียนด้วย
อ.ล่า ล่า วิน บอกว่า
ทางกลุ่ม จะพยายามขับเคลื่อนพม่า
ให้เป็น "ผู้นำทางการศึกษาในอาเซียน" ให้ได้
.
ฉันไม่ต้องการแข่งด้าน การท่องเที่ยว กับไทย
ไม่แข่งเรื่อง โรงงานอุตสาหกรรม กับจีน
ไม่แข่งเรื่อง เอาท์ซอร์ส กับอินเดีย
.....................................................
(outsource/outsourcing = การรับจ้างทำงานนอกหน่วยงาน
เช่น อินเดีย รับจ้างเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
รับเป็นโอเปอเรเตอร์ หรือ ปรึกษาผ่านโทรศัพท์)
.
แต่ เราจะขับเคลื่อนประเทศไปเป็น ฮับด้านการศึกษา
คล้ายกับที่เป็นมาแล้วในยุค 1950s = 1950-1959/2493-2502
เรา (พม่า) มีจุดแข็งอยู่เหมือนกัน
ตอนนี้ นักศึกษาต่างชาติ ก็เข้ามาเรียนในพม่า มากขึ้น
.....................................................
ค่าเล่าเรียนหลักสูตรนานาชาติในพม่า ถูกกว่า
มีมาตรฐาน
ทว่า... ยังมีน้อยเกินไป
ถ้าทำให้ดี และมากพอ
พม่า ก็เป็น ฮับด้านการศึกษาได้
.
จากชั้นเรียนใหญ่ ของ อ.มยา จ่าย,
นักเรียน 2-3 คนบอกว่า
ประทับใจมาก
และ อยากเป็น ครูสอนภาษาอังกฤษ
.....................................................
มีคำกล่าวว่า
จะเก่งอะไรได้ ก็ต้องพยายาม
หรือ เรียน 10,000 ชั่วโมง ขึ้นไป
นิตยสาร อิระวดี สัมภาษณ์ วิธีเรียนภาษาอังกฤษของชาวพม่า
.
พบตรงกัน คือ
เรียนในห้อง ไม่รู้เรื่อง
ต้องไปเรียนพิเศษ หรือ ติวกันข้างนอก
.....................................................
ในเรื่อง วัยรุ่น 3 คน ไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ
ชั้นเรียนสอนวันละ 2 ชั่วโมง ทุกวัน
ถ้าจะให้ครบ 10,000 ชั่วโมง
จะต้องเรียน = 10,000/2 = 5,000 วัน
หรือ = 10,000/365 = 27.4 ปี
.
ชาวพม่า เรียนภาษาอังกฤษอย่างไร
อย่างแรก คือ เรียนภาษาอะไร
ให้ตั้งชื่อเล่นเป็นภาษานั้นๆ
เช่น เฮนรี่ ลิลลี่ เบบี้... ว่ากันไป
.....................................................
ต่อไป คือ ตกลงกันว่า ช่วงไหนจะไม่พูดภาษาเดิมเลย
พูดแต่อังกฤษ และ วาดภาพอธิบาย หรือ ใช้ภาษาใบ้ได้
วัยรุ่นกลุ่มนี้ นัดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ = 3 ชั่วโมง/วัน
และ นัดฟังข่าวที่ฟังค่อนข้างง่าย คือ BBC = 1 ชั่วโมง/วัน
.
รวมแล้ว...
เรียน 2 + คุยกัน 3 + ฟังข่าว 1 = 5 ชั่วโมง/วัน
ถ้าจะให้ครบ 10,000 ชั่วโมง = 10,000/5 = 2,000 วัน
หรือคิดเป็นปี = 10,000/365 = 5.48 ปี = 5.5 ปี
.....................................................
เรื่องนี้บอกอะไรเรา
ถ้า เรียนภาษาอังกฤษ 2 ชั่วโมง/วัน = เก่งใน 27.4 ปี
ถ้า เรียนแบบพม่า 5 ชั่วโมง/วัน ขึ้นไป = เก่งใน 5.5 ปี
.
ผู้จัดการโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่เกาะสมุย ให้สัมภาษณ์ไทยรัฐ นานแล้วว่า
แม้แต่คนที่เก่งแล้ว
ก็ "ต้องฟัง และพูด" อังกฤษให้ได้ อย่างน้อยทุกสัปดาห์
.....................................................
ถ้าไม่มีโอกาสพูดจริงๆ "ต้องอ่านออกเสียง" ข่าวภาษาอังกฤษ
อ่านดังๆ ชัดๆ แบบผู้ประกาศข่าว
อย่างน้อย 1 หน้ากระดาษ ทุกสัปดาห์
ซึ่ง วิธีที่ดีมาก คือ อัดเสียง แล้วฟังซ้ำ
เพื่อ จะได้ทำให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ
.
มีคำกล่าวว่า
ภาษา เป็นเรื่องของ "คนอึด"
ถ้าไม่ใช่คนที่อยู่เมืองนอกแล้ว
ส่วนใหญ่ต้องทนให้ได้ 10,000 ชั่วโมง
.....................................................
อย่าลืมว่า...
ถ้า เรียน 2 ชั่วโมง/วัน = เก่งใน 27.4 ปี
ถ้า เรียนแบบพม่า 5 ชั่วโมง/วัน ขึ้นไป = เก่งใน 5.5 ปี
.
คุณอาจจะเรียนเร็วกว่านี้ ก็ได้
ถ้า... คุณฝันเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่แรก!
ขอให้ท่าน "ฝันให้ไกล... และ ไปให้ถึง"
.
เรียนมาด้วยความเคารพ
ถึงตรงนี้... ขอให้ทุกๆ ท่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
...............................................................................................................
From > http://www.pri.org/stories/2012-03-08/rush-learn-english-myanmar
หนังสือที่ อ.มยา จ่าย แนะนำให้ลูกศิษย์ในเรื่องอ่าน คือ
"The World Famous Philosophy of Personal Achievement based on the Andrew Carnegie Formula for Money Making."
From > http://en.wikipedia.org/wiki/Ancestry_of_Chandragupta_Maurya
ผมเห็นด้วยว่า พม่า กำลังพัฒนามากๆ โดยเฉพาะการพัฒนาคนครับ