อภิมหาโครงการด้านอุดมศึกษาและวิจัย (6)
โปรดอ่านตอนที่ 1 (click) , ตอนที่ 2 (click), ตอนที่ 3 (click), ตอนที่ 4 (click), และตอนที่ 5 (click) ก่อนนะครับ
ในตอนที่ 6
นี้จะเสนอเรื่องวารสารวิชาการไทยรับใช้สังคมไทย
ซึ่งผมเคยบันทึกไว้แล้ว ถึง 3 ตอน เปิดอ่านได้ที่
ตอนที่ 1
(click)
ตอนที่ 2 (click)
ตอนที่ 3
(click)
การวิจัยและการผลิตบัณฑิตปริญญาเอกตามโครงการนี้ควรมี 2 เป้าหมายคู่ขนานกันไป คือเป้าหมายผลงานวิจัยเพื่อการประยุกต์ใช้พัฒนาสังคมไทย ไม่เน้นการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ ไม่เน้น Impact Factor กับเป้าหมายตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ เน้น Impact Factor
สองเป้าหมายนี้มีความสำคัญเท่าเทียมกัน และมี "คุณภาพ" ตามรูปแบบของแต่ละเป้าหมาย ไม่เอามาเปรียบเทียบกัน แต่ภายในแต่ละแบบจะต้องมีเกณฑ์คุณภาพของมัน
แบบเน้น Impact Factor นานาชาติมีเกณฑ์คุณภาพเป็นสากลอยู่แล้ว แต่แบบเน้น Social Impact ยังไม่มีเกณฑ์ และไม่มีวารสารรองรับ ประเทศไทยจะต้องพัฒนาขึ้นมา โดยจัดระบบ peer review ภายในของเราเอง จัดระบบ e-Journal ควบคู่ไปกับ printed Journal จัดระบบ Social Impact ของประเทศไทยเราเองขึ้นมา เพื่อให้เป็นวารสารวิชาการไทยรับใช้สังคมไทยอย่างแท้จริง
การจัดทำวารสารวิชาการไทยรับใช้สังคมไทยนี้
เป็นการทำงานเชิงสร้างสรรค์
ที่ต้องใช้วิธีคิดแบบเปลี่ยนกระบวนทัศน์
จึงต้องช่วยกันไตร่ตรอง คิดระบบให้ดี ๆ
ที่จริงจะให้มี "ผู้จัดการพัฒนาระบบ"
วารสารวิชาการไทยรับใช้สังคมไทยขึ้นมาเป็น "ผู้จัดการ" คนที่ 21
ของโครงการนี้ เพื่อให้ทำงาน full-time
คิดและพัฒนาระบบใหม่นี้ขึ้นมา โดยมีคณะกรรมการ Steering
Committee ช่วยกันคิด
แล้วให้ผู้จัดการไปดำเนินการโดยน่าจะมีวารสาร 4 ชื่อ
ผมลองเสนอชื่อวารสารทั้ง 4 ฉบับนี้นะครับ
1. วารสารเทคโนโลยีธรรมชาติ (เกษตร
ประมง ฯลฯ)
2. วารสารเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
3. วารสารสุขภาวะ
(สุขภาพของบุคคลและชุมชน/สังคม)
4. วารสารสังคมวัฒนธรรม
ย้ำนะครับว่าเป็นการเสนอความคิด เป็นร่างความคิด จะต้องมีการช่วยกันคิดให้ชัดขึ้น สละสลวยขึ้น และเหมาะสมยิ่งขึ้น
ทั้ง 4 วารสารจะอยู่ภายใต้ร่มใหญ่ คือวารสารวิชาการไทยรับใช้สังคมไทย
อย่าลืมนะครับ ว่านี่เป็นวารสารวิชาการ เป็นเวทีให้นักวิจัย/วิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ต้องใช้กระบวนการทางวิชาการ ไม่ใช่นิตยสารสำหรับประชาชนทั่วไป เช่น นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน เกษตรกร เส้นทางเศรษฐี
รายงานผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารเหล่านี้ไม่เน้นนวภาพ (novelty/originality) ระดับโลก แต่เน้นนวภาพในระดับการประยุกต์ใช้ในสังคมไทย ความเป็นวารสารวิชาการจะอยู่ที่การเน้น "พลังการอธิบายเหตุผล" คือจะต้องไม่เพียงแค่รายงาน What กับ How แต่จะต้องอธิบาย Why ได้ด้วย เป็นการอธิบาย Why ว่าทำไมจึงใช้ได้ผล/ไม่ได้ผล ในสังคมไทยบริบทนั้น ๆ
และเนื่องจากเป็นวารสารวิชาการ จึงต้องมีการอ้างอิงผลงานตีพิมพ์ในประเทศไทยเป็นหลัก จะต้องมีการกำหนดเงื่อนไขและมีการจัดการให้เกิดระบบการอ้างอิงที่มีคุณภาพขึ้นในสังคมวิชาการไทย ก็จะเกิด Thai Social Impact Factor ของวารสารวิชาการไทยรับใช้สังคมไทยขึ้น
จะเห็นว่า
"ผู้จัดการ" คนที่ 21 ซึ่งผมจะเรียกชื่อว่า
"ผู้จัดการระบบวารสารวิชาการไทยรับใช้สังคมไทย"
จะมีหน้าที่สำคัญ 2 อย่าง
1.
พัฒนาระบบวารวิชาการไทยรับใช้สังคมไทย
2. พัฒนาระบบ Thai Social Impact Factor
และจะต้องมีบรรณาธิการของวารสารแต่ละฉบับรวม 4 คน กับคณะบรรณาธิการอีกฉบับละประมาณ 10 - 20 คน
นี่คือการสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ ในระดับของการสร้างวัฒนธรรมวิชาการอีกระบบหนึ่ง เป็นระบบคู่ขนานกับระบบเดิมที่มีอยู่แล้วคือระบบสากล
แต่ระบบวารวิชาการไทยรับใช้สังคมไทยจะไม่รุ่ง ถ้าไม่มีระบบตำแหน่งวิชาการสมัยใหม่ ที่เรียกว่าระบบวิชาการไทยรับใช้สังคมไทยขึ้นรองรับ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
วิจารณ๋ พานิช
18 ต.ค.48
ไม่มีความเห็น