๑) กาย : ทำให้แข็งแรงอย่างไร
---------กายคือกอง ผองกรรม ทำให้เกิด
กายกำเนิด เกิดผล กลไกจิต
เป็นพื้นฐาน การกระทำ นำสัมฤทธิ์
ให้ชีวิต จิตวิญญาณ สมานกลม
-----------กว่าจะโต เติบใหญ่ เป็นกายมนุษย์
ต้องดึงดูด มวลสาร อาหารถม
หล่อเลี้ยงกาย ตามกาล มานานนม
อาศัยลม ห่มแดด สิ่งแวดล้อม
-----------ต้องขอบคุณ บุญนำ กรรมวิถี
ให้ชีวี นี้พ้นภัย ไม่ผ่ายผอม
ปัญญายั้ง สร้างสรรค์ ปั้นแนวนอร์ม
ในรูปซ่อม รูปสร้าง วางกฎเกณฑ์
-----------มวลพรใด ในโลก มาปกปัก
มาช่วยรักษ์ ช่วยชู อย่ารู้เข็ญ
ให้กายเรา เข้าหลักร้อย พลอยร่มเย็น
โรคอย่าเห็น เล่นงาน สำราญกาย
๒) ใจ : ให้เข้มแข็งอย่างไร
----------ใจคือจิต มิตรแท้ เป็นแม่เลี้ยง
คอยหล่อเลี้ยง เคียงร่าง มิห่างหาย
ใจคือจิต วิญญาณ ประสานกาย
เป็นแหล่งกลาย แหล่งกัก ประจักษ์ตน
-----------หากขาดจิต มิตรกาย กายก็พร่อง
มีสมอง มองเสมือน เรือนขัดสน
บ้านจึงร้าง ว่างเปล่า คนเฝ้ายล
รอกาลโค่น หล่นพัง เป็นร่างดิน
----------แกนมนุษย์ สุดยอด คือหลอดจิต
เป็นแหล่งคิด แหล่งอารมณ์ แหล่งปมศิลป์
เป็นบ่อเกิด เปิดทัศน์ พัฒน์ในจินต์
เป็นแหล่งสิน นิลเพชร ดั่งเม็ดพลอย
----------ต้องขอบคุณ ศูนย์กลาง ให้ร่างตื่น
สุขสดชื่น รื่นรมย์ ผสมร้อย
ทั้งสุขทุกข์ ผูกพัน ฟั่นเป็นรอย
ที่เก็บร้อย ก้อยเกี่ยว เหนี่ยวอารมณ์
-----------ขอให้ใจ ให้จิต พบมิตรแท้
ดื่มอาบแช่ ในแม่ธรรม ดั่งน้ำโสม
ให้จิตเรา เคล้าคลุก สุขารมณ์
อย่าระทม ขมขื่น ตื่นในใจ
๓) สติ : มีคุณต่อตนเองอย่างไร
-----------ชีวิตจริง ยิ่งยุ่งยาก เพราะปากท้อง
อีกสมอง มองทิศา หารายได้
ทุกๆวัน มั่นมุง บำรุงกาย
จนห่างไกล ห่างกาย ห่างสายลม
-----------ความรู้สึก นึกได้ กายและจิต
รู้กองกิจ รู้กองกาย ไม่หักโหม
รู้เท่าทัน กาลกรรม ยามระทม
รู้ใจล้ม ถาถมใจ มิให้ลอย
----------ตั้งสติ ก่อนกาย จะไหวเคลื่อน
ตั้งเจตน์เตือน เหมือนครู เป็นผู้ถอย
รู้มือเท้า เราย่าง จิตวางรอย
รู้ตัวร้อย คอยจับจด สดๆกรรม
---------อานุภาพ จับสติ มีคุณค่า
ช่วยรักษา อาการ ไม่พล่านต่ำ
จงฝึกหัด พัฒนา กายางาม
จิตเลิศล้ำ ตามภาษา มนุษย์คน
๔) ปัญญา : มีอานุภาพต่อจิตอย่างไร
-----------ตัวปัญญา สามารถ ฉลาดเลิศ
ใช่จะเกิด ง่ายๆ หากไร้ต้น
ต้นปัญญา สามารถ ปรัชญาตน
คือกองกาย ในตน เป็นผลตาม
-----------นัยนิยาม คำว่า ปัญญาแท้
เกิดจากแป ขื่อขาง โครงสร้างสาม
ในชีวิต มีกายต้น ผลจิตตาม
วิญญาณย้ำ ค้ำหนุน เข้าจุนเจือ
------------แก่นปัญญา อานุภาพ รู้ซาบซึ้ง
แค่รู้หนึ่ง ก็ถึงล้าน อันที่เหลือ
คือรู้จิต ในตน ก็พ้นเกลือ
รู้ถึงเชื้อ กลภพ สยบกรรม
------------เมื่อรู้ตื่น รู้ตัว อย่างทั่วพร้อม
รู้กายหลอม ปลอมมา ไม่น่าหาม
รู้ชีวิต ติดทุกข์ อยู่ทุกยาม
รู้เอาธรรม มาเทียมเทียบ เปรียบไตรลักษณ์
------------นี่คือพร ผลพุทธ อันผุดผ่อง
ให้พี่น้อง มองตน บนเสาหลัก
ปัญญาล้ำ นำวิถี มีคุณนัก
จะช่วยรักษ์ กายจิต ชีวิตตน
๕) ฐานะ : ที่แท้คือฐานะอะไร
------------ฐานะนัย นัยฐาน เป็นขั้นแรก
แปลให้แตก แหวกนัย ไม่สับสน
คือที่ตั้ง วางฐาน งานสากล
มิให้หล่น พ้นหลัก สลักดิน
-----------เปรียบฐานบ้าน การก่อสร้าง วางเสาเข็ม
เหมือนแก้วเต็ม ธารา กระแสสินธุ์
ต้องมีฐาน จานตั้ง วางระบิล
เหมือนชีวิน มีสินทรัพย์ ไม่อับจน
-----------จิตมีกาย คล้ายเรือน เป็นเหมือนฐาน
มีธรรมกั้น เป็นกรอบเขต เหตุไม่หล่น
ทรัพย์สินใน คล้ายฐาน บ้านสากล
ยกผู้คน ให้พ้นตก นรกเป็น
------------ส่วนฐานโลก สังคม อมเศรษฐกิจ
ทุกชีวิต จิตจึงจม งมไม่เห็น
อยากได้ฐาน บ้านรถ ยศเป็นเกณฑ์
อีกพระเณร ยังอยากได้ ให้ฐานโต
-----------ฐานะนัย แก่นแท้ แปลให้ออก
ในหลวงบอก ให้พอเพียง ไม่เสี่ยงโข
แต่คนไทย ใจกล้า หน้าใหญ่โต
ฐานจึงโซ เซซัด ขาดนาสวน
-----------ที่ดินนา สวนไร่ คือได้ฐาน
มีถิ่นบ้าน เรือนนอน หมอนหอมหวล
มีชีวิต จิตใจ ไม่แปรปรวน
นี่คือง้วน ฐานดิน ชีวินคน
๖) ทรัพย์ : อย่างไรใช้ไม่หมด
------------มวลมนุษย์ ไม่หยุดอยาก เพราะปากท้อง
จึงเที่ยวท่อง ทำงาน ให้ผ่านพ้น
ความโหยหิว เหมือนสิ่วทิ่ม จิ้มกายตน
จึงทุกข์ทน หม่นไหม้ ไร้ราคา
------------ทรัพย์คือเงิน เชิญอะไร ได้ใจหวัง
จะสรรสร้าง สิ่งใด ได้ดั่งว่า
มีเงินทอง พ้องเพื่อน เหมือนญาตา
คนนับหน้า คารวะ มาผูกพัน
-------------อีกทรัพย์สิน ดินสวน ควนนาไร่
บ้านหลังใหญ่ ทั้งรถรา มหาศาล
สัตว์สี่เท้า เหล่าบัญชี ที่ธนาคาร
เงินหลายล้าน ฐานโต โชว์อวดคน
-------------ทรัพย์เหล่านี้ มีคุณ เมื่อบุญอยู่
มีความรู้ ลู่ทาง สร้างเป็นผล
หากขาดหลัก มักง่าย ใช้จ่ายจน
มีท่วมท้น ก็ไม่เหลือ เมื่อขาดธรรม
------------ทรัพย์สินธรรม นำใจ ไม่รู้หมด
เหมือนน้ำหยด หยอดอยู่ ดูเย็นฉ่ำ
ทรัพย์ภายใน หมายมุ่ง จรุงงาม
ร่ำรวยธรรม น้ำจิต คือมิตรแท้
๗) ธรรมาภิบาล : คือ อะไร
-----------ธรรมคือทาง สร้างธรรม ให้กำเนิด
ธรรมนี้เกิด ในธรรม ตามกระแส
มันมีกฎ บทบาท ปราศผู้แล
ธรรมที่แท้ คือแม่ธรรม ธรรมตา
-----------สรรพสิ่ง อิงธรรม นำวิถี
ธรรมชาติมี กฎกล มนต์คาถา
อยู่เบื้องหลัง สร้างปรากฏ บทปฐมา
บนโลกา เคหาสัตว์ ให้วัฒน์งาม
-----------ธรรมในโลก ผกผัน ตามกาลเกิด
สัตว์กำเนิด เปิดทาง ให้ย่างย้ำ
เป็นวัฏฏะ สากล คนเดินตาม
เกิด-ตายย่ำ ธรรมตา ภาษายัน
-----------ธรรมในอ่าง สังคม ผสมกฏ
คนกำหนด บทธรรมเนียม เทียมสวรรค์
ไร้คุณธรรม ย้ำเน้น ว่าเป็นมาร
มีศีลทาน ภาวนา มนุษย์จริง
-----------เมื่อทำดี หวังมีหลัก (ธรรม) คอยรักษา
จึงคอยท่า ให้พระธรรม คอยตามสิง
จึงเพลินเพลิด เกิดประมาท ปราศรู้จริง
จึงละทิ้ง วิ่งสวนธรรม ตามกันมา
------------ทางธรรมแท้ แลใจ มิให้ห่าง
กรรมคอยสร้าง อย่างไร ให้รู้หนา
จิตเท่านั้น สารสื่อ คือปัญญา
ธารธัมมะ เป็นน้ำมนต์ เป็นผลพร
๘) อำนาจ : คือ มนต์ไสย
------------อันอำนาจ วาสนา ประชาโลก
ต่างกอดกก พกพ่น ให้คนอ่อน
มีอำนาจ วาทใหญ่ ในนคร
เที่ยวสั่งสอน ค่อนแคะ ชี้แนะนำ
------------เด็กมุ่งมั่น ขยันเรียน พากเพียรรู้
ก็เพื่อลู่ ปูทาง สร้างถลำ
มีหมุดหมาย ปลายทาง หวังผู้นำ
มาสร้างกรรม ทำกิจ พิชิตชน
------------อำนาจล้น คนเมือง ก็เคืองขุ่น
อำนาจบุญ สุนทาน การกุศล
ยิ่งมีมาก ยิ่งรักยิ่ง สิงกมล
จึงเกิดผล ล้ำค่า ปารมี
-----------เกียรติยศ หมดลง เหมือนหลงป่า
ไร้คนมา หาสู่ ดูศักดิ์ศรี
หมดอำนาจ วาสนา ปารมี
เหมือนวจี สำนวนว่า หมาหัวเน่า
------------หากขอมี อำนาจ ขนาดใหญ่
จงมีชัย แก่ตัว อย่ามัวเขลา
ถ้าพ่ายแพ้ จงแพ้พ่าย ในใจเรา
อำนาจเผา ให้เมามัว ชั่วชีวี
-----------พรที่ใหญ่ ใช่ขอ รออำนาจ
ให้มีศักดิ์ มีฤทธิ์เดช มีเนตรสี
มองถมึง ทึ้งถอน จรลี
หมดฤทธี มีแต่ภัย เข้าใกล้ตัว
๙) เสรีหรือเสียรั้ว
------------มนุษย์สัตว์ ได้บัตรเกิด กำเนิดชาติ
มีสิทธิ์จัด กรรมตน ตามโคนหัว
สิทธิธรรม ธรรมชาติ อุบัติชัวร์
สมบัติตัว ไร้รั้วกั้น อนันตกรรม
-----------เสรีภาพ ลาภลอย ใช้สอยโลด
เป็นสิทธิโปรด ปลดปล่อย ลอยถลำ
กายคือทรัพย์ หลับนอน เงินก้อนงาม
กินดื่มด่ำ บำเรอ ปรนเปรอตน
------------เสรีภาพ นับได้ สามสายส่ง
(๑)เสรีตรง กงขัง ไม่สร้างผล
กายไม่ติด โซ่ตรวน มากวนตน
เสรีชน พ้นผิด คิดจับกุม
------------เสรีสอง ไม่ข้องจิต พิศวาส
ไม่มีวาด มาดมุ่ง ยุ่งขยุม
จิตอิสระ ละลด หมดแรงกุม
ไม่มีกลุ้ม สุมหัว ให้มัวเมา
------------(๓)เสรีภาพ ระงับลด หมดทุกสิ่ง
คือจิตดิ่ง ยิ่งยวด ไม่อวดเขลา
จิตวิญญาณ ขนานแท้ เป็นแพเบา
หลุดพ้นเหล่า อ่าวกิเลส เขตนิพพาน
------------สรรพพร วอนไหว้ ให้ตนพบ
จงประสบ โชคดี มีเงินล้าน
พรมนุษย์ ฉุดตน ให้หล่นยาน
พรสังขาร ยานธรรม ให้อำนวย
๑๐) สุข : คือ มีปัญญา
----------โลกมนุษย์ สุดอยาก คือหลักสุข
เพื่อหนีทุกข์ ทับถม จมคลองห้วย
ปรารถนา นานาทาง มาล้างซวย
ให้พ้นห้วย ห้วงเหว อย่างเร็วพลัน
-----------สุขมากมาย ก่ายกอง ในผองโลก
ผู้คนหมก สุขกาย คล้ายสวรรค์
นอนกอดก่าย ถ่ายถอน สะท้อนพันธุ์
จิตผูกพัน ปั้นเผ่า เหล่าสกุล
------------บ้างสุขสม จมจ่อม ล้อมด้วยทรัพย์
เพื่อระงับ ทุกข์ไว้ มิให้หนุน
เมื่อใช้จ่าย หลายวัน มันก็พรุน
สุขทุกข์หมุน วนเวียน ไม่เปลี่ยนแปลง
------------สุขเพราะกาย เสพสิ่ง ที่อิงแอบ
สุขอิงแนบ อามิส จิตแสลง
เป็นสุขหลอก ทุกข์ลวง ห่วงทิ่มแทง
เหมือนติดแกง รสอร่อย ถอยไม่เป็น
-------------สุขจากใจ จากจิต สนิทแท้
สุขแน่วแน่ สงบจิต ไร้พิษเล่น
สงบนิ่ง ดิ่งใน ไม่โงนเงน
จะพบเห็น เป็นสุขได้ ในใจตน
------------นี่คือพร สะท้อนธรรม อำนวยทัศน์
เป็นสวัสดิ์ วัฒน์วิญญาณ กาลผ่านพ้น
เป็นนิมิต ให้จิตใจ ได้สายชล
เป็นมงคล ดลปัญญา สวัสดี
๓๑/๑๒/๕๗ บันทึกสิ้นปี
...Bye Bye 2014 Welcome 2015 นะคะ.....
ขอส่งสุขภาวะปีใหม่ด้วยความเคารพ นับถือ และขอบพระคุณมากครับผม
มาสวัสดีปีใหม่
ขอให้มีความสุขมากๆ
มีร่างกายที่แข็งแรง มีความสุขกับการเขียนกลอนต่อไปนะครับ