วันพ่อปีนี้ (2557) ดิฉันไม่ได้ไปไหน อยู่ที่บ้านพักภายในมหาวิทยาลัย ตื่นเช้าประมาณ 06 น. กว่า มีเสียงนกเป็นนาฬิกาปลุก อากาศตอนเช้าเย็นสบายด้วยมีฝนตกในช่วงใกล้สว่าง
พ่อ ซึ่งเราเรียกเตี่ย เพราะมีเชื้อสายจีนแต่หน้าตาและสีผิวเป็นไทยแท้ ท่านเสียชีวิตไปยี่สิบกว่าปีใกล้สามสิบปีแล้ว พวกเราลูกๆ นึกถึงเตี่ยเสมอไม่ใช่เฉพาะวันพ่อ เมื่อพี่น้องมาเจอและทำอาหารกินกัน เราจะคุยถึงเตี่ย
เตี่ยทำกับข้าวอร่อยโดยเฉพาะทอดมันปลาและแกงเผ็ดต่างๆ ทอดมันปลาที่เตี่ยทำจะเป็นชิ้นหนาๆ เนื้อปลาหยาบๆ และหอมเครื่องแกงมากๆ ไม่เหนียวหนึบเหมือนที่ตามร้านอาหารขาย แกงเผ็ดของเตี่ยมักจะใส่แต่เนื้อสัตว์ ไม่ใส่ผัก
ในวัยเด็ก เราจำแม่นว่าทุกวันพระ เตี่ยจะต้องให้พวกเราไปทำบุญที่วัดด้วยเสมอไม่เคยขาด เตี่ยจะหวีผมให้ลูกหลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ
อาชีพของเตี่ยคือชาวนา เตี่ยมีลูกหลายคน เราจึงเห็นว่าเตี่ยไม่เคยอยู่เฉย เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู จับปลา หาอาหารตามฤดูกาล ลูกๆ จึงไม่เคยอดอยาก ยามค่ำคืนก็ทำงานจักสาน ทำข้าวของเครื่องใช้
เตี่ยสนับสนุนให้ลูกทุกคนเรียนหนังสือ สอนเราเขียนตัวหนังสือสวยๆ พี่สาวคนโตรับช่วงส่งเสียน้องๆ ให้ได้เรียนตามกำลังความสามารถของแต่ละคน แม้ดิฉันออกจากบ้านไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เล็กๆ แต่เตี่ยและแม่ก็ไปเยี่ยมบ่อยๆ และเอาของที่ชอบ (กิน) ไปฝากทุกครั้ง เมื่อครอบครัวของพี่สาวย้ายไปอยู่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เตี่ยและแม่ก็ยังไปเยี่ยมเรา
เตี่ยเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เราก็รู้ถึงความรักลูกของเตี่ยจากสิ่งที่ท่านปฏิบัติต่อลูก
ปีนี้แม่ของดิฉันมีอายุ 101 ปี แม้จะหลงลืมไปบ้าง แต่เมื่อถามถึงเตี่ย แม่จะตอบได้ว่าตายไปนานแล้ว แสดงว่าไม่เคยลืมเตี่ยไปจากใจ
ตอนค่ำลูกชายสองคนของดิฉันโพสรูปภาพลงใน Facebook ว่าพาพ่อไปกินอาหารเวียดนามในวันพ่อ ดีใจที่ลูกๆ ให้ความสำคัญกับวันนี้
วัลลา ตันตโยทัย
ระลึกถึงพระคุณเตี่ยเช่นกันครับ