ดูๆไปผืนดินแถบนี้มีหย่อมพื้นที่ที่แตกต่างกัน ภายใต้ความรู้ที่มีน้อยนิดเรื่องดิน ต้นไม้ ภายใต้สภาพพื้นทีี่ที่แย่พอดูแห่งนี้ ซึ่งมีทั้งพื้นที่สูง พื้นที่ต่ำ พื้นที่ราบ พื้นที่เนิน อยากจะให้เกิดป่านิเวศที่เหมาะกับพื้นที่ ก็คงต้องใช้วิธีหลากหลาย
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เกษตรกร ไม่ใช่คนคุ้นเคยกับการปลูกต้นไม้ ก็ขอตั้งต้นด้วยใจที่อยากรู้ อยากเห็น อยากทำ อยากลองดูนี่แหละ อะไรที่ไปรอดก็ทำต่อไป อะไรที่ไปไม่รอดก็ตั้งหลักใคร่ครวญวิธีแก้ให้ไปรอด อะไรที่ทำไม่ไหวต้องพึ่งพาผู้คนมากนักก็หยุดปรับเป้าหมาย ใช้เวลา ๑-๒ วันต่อสัปดาห์ลองทำดู เต็มตัวได้แค่ไหนก็ทำไป ช้าบ้าง เร็วบ้างตามประสาคนวัยที่กำลังเดินบนถนนสาย ๖๐
เริ่มด้วยการจัดลำดับปลูกแบบประลองกำลังตัวเองดูก่อนเลย ไม่เน้นความขยัน ให้มันเป็นไปตามเวลาที่จัดการได้ ธรรมชาติอวยให้ เลือกเดินตามหลักคิด ภูมิปัญญาชาวบ้าน+ เทคโนโลยีสมัยใหม่ + พึ่งตัวเองให้มาก = ความง่าย เริ่มต้นกับการสร้างพืชคลุมดินไว้หมุนวนความชื้นให้ดินก่อนอย่างอื่น
เรียนรู้จากปราชญ์ชาวบ้านอีกแหละว่า ต้นไม้มีศักยภาพของมัน มันเก่งกว่าเรา ดึงศักยภาพของมันออกมาด้วยวิธีง่ายๆได้
ภูมิปัญญาที่นำมาประยุกต์ใช้คือ ปลูกต้นไม้แล้วรดน้ำแค่หนึ่งแก้ว หรือไม่รดเลย แล้วรอ
ตั้งมั่นอดทนกับความรู้สึกกลัวต้นไม้ตาย อดทนกับการรอเห็นต้นไม้อยากมีชีวิต อยากเติบโต อดทนกับความรู้สึกไม่โอเคเมื่อเห็นไม้ต้นไหนทนไม่ได้ตายไป อดทนกับความรู้สึกว่าปลูกต้นไม้ต้องโด๊บปุ๋ย
ตั้งใจเอาไว้เลยว่าต้นไหนตายก็ปลูกใหม่ เตรียมดินก่อนปลูกด้วยการไม่ถอนหญ้าแต่เลี้ยงหญ้า ไม่ถอนวัชพืชที่ขึ้นคลุมดินให้แต่เลี้ยงไว้หมุนวนความชื้นให้ดิน
แยกแยะความหลากหลายของพื้นที่ได้ ๑๓ รูปแบบ ดงหญ้าคา ดงหญ้าเจ้าชู้ หน้าดินเปลือย ดินสไลด์ ดงสาบเสือ ดงไม้ยืนต้นขนาดย่อม ร่องน้ำเซาะ ดินลาดเท ดินลาดชันมาก ดินขังน้ำ ดินปนโคลน ดินเค็ม ดินปนหิน ดงขลู่ ดินพื้นราบ
แล้ว ๑๐ งานทดลองเล็กๆที่ทำแบบทิ้งๆขว้างๆก็เริ่มขึ้น เพื่อเฝ้าดูว่าพืชปลูกใหม่พันธุ์ใดบ้างที่ธรรมชาติเลือกให้ไปรอดด้วยดีบนดินผืนนี้
ไม่มีความเห็น