The Law of Leadership


ผู้นำสร้างได้ ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด

กฎของภาวะผู้นำ
The Laws of Leadership

พันเอก มารวย ส่งทานินทร์

[email protected]

15 พฤศจิกายน 2557

บทความนี้ นำบางส่วนมาจากหนังสือเรื่อง THE 100 ABSOLUTELY UNBREAKABLE LAWS OF BUSINESS SUCCESS ประพันธ์โดย Brian Tracy จัดพิมพ์โดย: Berrett-Koehler Publishers, Inc., San Francisco, 2000

ผู้ที่สนใจเอกสารแบบ PowerPoint (PDF file) สามารถศึกษาและdownload ได้ที่ http://www.slideshare.net/maruay/the-laws-of-leadership

กฎของภาวะผู้นำ

  • ภาวะผู้นำ เป็นปัจจัยสูงสุด ที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ในสภาวะของธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง
  • ภาวะผู้นำได้มีการกล่าวถึงมาตั้งแต่ยุคโบราณ ยังคงมีอยู่ในโรงเรียนด้านการทหาร วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย มีการสอนในโรงเรียนด้านธุรกิจ และมีการฝึกอบรมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
  • ผู้นำสร้างได้ ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิ บุคคลเป็นผู้นำได้เมื่อสถานการณ์เรียกร้อง คุณก็เป็นผู้นำได้ เมื่อได้รับการฝึกฝนให้มีฤติกรรมเช่นเดียวกับผู้นำที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อน
  • ภาวะผู้นำเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ

1. กฎของคุณธรรม (The Law of Integrity)

  • คุณสมบัติผู้นำข้อแรกคือ ความซื่อสัตย์ มีความจริงใจกับทุกคน และทุกสถานการณ์
  • การมีคุณธรรมเป็นแก่นของภาวะผู้นำ การกระทำและคำพูดที่มีต่อผู้อื่น จะแสดงความเป็นตัวตนของผู้นำ ดังนั้น ผู้นำควรเป็นแบบอย่างที่ดี มีการปฏิบัติที่เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง
  • ผู้นำที่ดี คือผู้ที่บุคลากรให้ความไว้วางใจได้ และการที่ผู้คนให้ความเชื่อถือ เพราะเขาเป็นคนรักษาคำพูด

2. กฎของความกล้าหาญ (The Law of Courage)

  • ความสามารถในการตัดสินใจและมีการกระทำอย่างกล้าหาญ ในสถานการณ์วิกฤตหรือเลวร้าย แม้ไม่มีอะไรเป็นประกันว่าจะประสบความสำเร็จ เป็นความยิ่งใหญ่ของผู้นำ
  • การกล้าออกมาเผชิญเหตุ ไม่ได้หมายความว่าไม่กลัว แต่เป็นผู้ที่สามารถควบคุมความกลัวได้
  • ความกลัวการล้มเหลว หรือกลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางไม่ดี เป็นอุปสรรคใหญ่ ทำให้ไม่กล้า แต่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ล้วนแต่เคยประสบความล้มเหลวและถูกติฉินนินทามาแล้วทั้งนั้น แต่พวกเขานำความล้มเหลวมาเป็นบทเรียน และเรียนรู้ที่จะทำตัวอยู่เหนือคำนินทาว่าร้าย
  • ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ประสบความสำเร็จได้ต้องกล้าเสี่ยง ในสิ่งที่ผู้อื่นไม่กล้า

3. กฎของความจริง (The Law of Realism)

  • ผู้นำมองโลกและจัดการตามความเป็นจริง ไม่ใช่ตามความปรารถนาที่อยากจะให้เป็น
  • เขารู้ตัวดีว่าไม่ได้เป็นคนสมบูรณ์แบบ และไม่ต้องการเป็นเหมือนใคร รู้จุดอ่อนของตนเองดี และมีพฤติกรรมเพื่อชดเชยจุดอ่อนนั้น เขาไม่ต้องการความสมบูรณ์แบบ และสามารถยกโทษให้ตนเองได้เมื่อเกิดความผิดพลาด
  • ผู้นำมีการวิเคราะห์ตนเองอย่างซื่อสัตย์ ว่าอะไรคือจุดแข็งและจุดอ่อน (จุดแข็งทำให้คุณมาได้เป็นจนถึงทุกวันนี้ จุดอ่อนคือความเร็วที่กำหนดให้คุณประสบความสำเร็จ)
  • อย่ามัวเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบันคือความจริง เป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ด้วยตนเอง

4. กฎของอำนาจ (The Law of Power)

  • อำนาจ คือ มีความสามารถในการมอบให้ได้ซึ่ง คน เงิน และทรัพยากร ซึ่งถ้ามีการใช้อำนาจอย่างมีประสิทธิผล สามารถทำให้บรรลุผลที่ต้องการได้
  • อำนาจมาได้ 4 หนทาง คือ 1.) อำนาจของผู้เชี่ยวชาญ (expert power) 2.) อำนาจของบุคคล (personal power) เกิดจากความชื่นชม เป็นที่รักและเคารพ 3.) อำนาจจากตำแหน่งหน้าที่ (position power) 4.) อำนาจจากการยอมรับ (ascribed power)
  • อำนาจมีพื้นฐานจากการพึ่งพากัน ที่ทำให้ผู้อื่นยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มใจ เนื่องจากเคยช่วยเหลือเขามาก่อน
  • ยิ่งถ้าคุณมีความสามารถในการสร้างผลงานที่ดี อำนาจ อิทธิพล และ ความรับผิดชอบ จะมีมากขึ้น

5. กฎของความทะเยอทะยาน (The Law of Ambition)

  • ผู้นำต้องมีความปรารถนาที่จะนำ มีวิสัยทัศน์เพื่ออนาคตที่ดีกว่าและมุ่งมั่นทำให้เกิดขึ้น
  • การมีวิสัยทัศน์เป็นเรื่องจำเป็นของผู้นำ เพราะผู้นำต้องอธิบายภาพในอนาคตได้อย่างชัดเจน และสื่อสารให้ผู้อื่นให้เข้าใจได้ เพื่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจ
  • ผู้นำต้องมีความชัดเจนในเรื่อง วิสัยทัศน์ ค่านิยม พันธกิจ เป้าประสงค์ แผนงาน และกลยุทธ์ของหน่วยงานหรือองค์กร
  • เหนือสิ่งอื่นใด ผู้นำต้องมีความปรารถนาในการนำ มีความรับผิดชอบ แสดงความรับผิดชอบ และสร้างสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น

6. กฎของการมองในแง่ดี (The Law of Optimism)

  • ผู้นำที่แท้จริงแสดงความมั่นใจว่า สามารถไปถึงเป้าหมาย และสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ได้ ที่ทำให้ผู้คนเกิดความเชื่อได้ว่าสามารถทำได้จริง
  • ผู้มองโลกในแง่ดี จะบอกว่า 'ทำได้' เขามองทุกสถานการณ์ในแง่บวกเสมอ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีก็ยังบอกว่า เป็นเรื่องดี มองวิกฤตให้เป็นโอกาส ความผิดพลาดถือว่าเป็นบทเรียน มองไปในอนาคตมากกว่าอดีต ไม่เพ่งโทษ พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรจึงให้ผลออกมาดี มองแนวทางแก้ปัญหามากว่าตัวปัญหา

7. กฎของความมีน้ำใจ (The Law of Empathy)

  • ผู้นำมีความอ่อนไหวต่อความต้องการ ความรู้สึก แรงบันดาลใจ ปฏิกิริยาสนองตอบของผู้คน มีการให้เวลากับการตัดสินใจที่มีผลกระทบต่อผู้อื่น
  • ผู้นำเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังอย่างตั้งใจ ฟังให้เข้าใจความหมายที่บุคคลต้องการสื่อ น้อมรับเสียงสะท้อนกลับ กลับการตัดสินใจได้ถ้ามีข้อมูลสารสนเทศใหม่ และมีความอ่อนตัว
  • ทุกคนต้องการมีความรู้สึกที่ดี ๆ ผู้นำจึงพยายามหาทางชื่นชม ชมเชย ให้การยอมรับ และใช้แรงกระตุ้นทางบวก กับบุคลากร

8. กฎของความยืดหยุ่น (The Law of Resilience)

  • ผู้นำต้องลุกขึ้นต่อสู้กับความล้มเหลวได้
  • การตอบสนองอย่างมีประสิทธิผล ต่อความล้มเหลวหรือวิกฤต เป็นลักษณะที่ผู้นำพึงมี
  • เมื่อมีบางสิ่งบางอย่างผิดพลาด ผู้คนจะมองไปที่ผู้นำ ว่าจะมีแนวทางตอบสนองอย่างไร พฤติกรรมของผู้นำในสภาวการณ์ที่เลวร้าย เป็นตัวบ่งบอกความเป็นตัวตนขององค์กร
  • เมื่อมีข้อผิดพลาด ให้อยู่ในความสงบ หายใจเข้าลึก ๆ พยายามรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และตัดสินใจในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง

9. กฎของความเป็นอิสระ (The Law of Independence)

  • ผู้นำรู้ตัวตนเองดี สามารถคิดได้เอง ในเรื่องค่านิยม เป้าประสงค์ และพันธกิจส่วนตัว
  • ผู้นำยืนหยัดในค่านิยม คือ คุณธรรมและความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวในเรื่องใด ๆ
  • ผู้นำมีการรับฟังความเห็นจากผู้อื่น แต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของตน
  • ผู้นำจะไม่ปกป้องตนเอง มีความรับผิดชอบ ไม่แก้ตัว ไม่กล่าวโทษผู้อื่น ไม่เสียใจ (เมื่อถูกวิจารณ์ เมื่อมีผู้ไม่เห็นด้วย หรือผลลัพธ์ที่กลับกลายไม่ได้ดั่งใจ)
  • ผู้นำรู้และยอมรับจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง ยอมรับผู้อื่น ไม่ตัดสินหรือประณามผู้อื่น มีการสร้างมาตรฐานของตนเองและรักษามาตรฐานนั้นไว้ ไม่เปรียบเทียบกับผู้อื่น โดยทำให้ดีที่สุดที่ตนทำได้

10. กฎของความมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ (The Law of Emotional Maturity)

  • ผู้นำมีความสงบ เยือกเย็น และมีความนิ่ง (calm, cool, and controlled) เมื่อต้องผจญกับสภาวะของปัญหา ความยากลำบาก และผลเลวร้าย
  • วุฒิภาวะเกิดจากมีสันติภาพและความสงบสุขในตน
  • เมื่อต้องประสบกับสิ่งเลวร้ายหรือความยากลำบาก ผู้นำตระหนักดีว่า เมื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดก็ชั่งมัน
  • บุคคลที่มีวุฒิภาวะ รู้ว่าเมื่อใดควรตัดสินใจ เมื่อใดให้ปล่อยไว้ก่อน เพราะมีความมั่นคงทั้งในจิตใจและร่างกาย
  • การมีสติและใจเย็น จะกระทำการใด ๆ ก็มีประสิทธิผล

11. กฎของการทำให้สำเร็จที่เป็นเลิศ (The Law of Superb Execution)

  • ผู้นำมุ่งมั่นในการทำให้สำเร็จที่เป็นเลิศ และรู้ว่าความเป็นเลิศคือการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง (excellence is a journey, not a destination)
  • ผู้นำเป็นผู้ใฝ่รู้ พยายามทำตนให้มีความก้าวหน้าขึ้นไปอีก มีการอ่าน เข้าอบรมหลักสูตรเพิ่มเติม ฟังความรู้เมื่ออยู่บนรถยนต์ เข้าร่วมประชุมสัมมนาและจดสิ่งสำคัญไว้
  • ผู้นำคิดถึงอนาคตและสมรรถนะหลักที่ต้องการ ในการทำให้งานประสบความสำเร็จ มีการวางแผนงาน เพื่อสร้างสมรรถนะหลักไว้ล่วงหน้า และคิดถึงชัยชนะตลอดเวลา

12. กฎของการมองล่วงหน้า (The Law of Foresight)

  • ผู้นำมีความสามารถในการทำนายและร่วมสร้างอนาคต
  • การมองการณ์ไกล เกิดจากความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้สามารถทำนายสิ่งที่จะเกิดได้อย่างแม่นยำ ผู้นำที่ดีจะเตรียมความพร้อมสู่อนาคต และเตรียมรับมือกับสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดล่วงหน้าไว้ด้วย
  • ผู้นำมีความสามารถในการไขว่คว้าโอกาสก่อนที่ผู้อื่นจะเห็น และมีความรวดเร็วในการจัดเตรียมทรัพยากร เพื่อสร้างโอกาสความได้เปรียบในการแข่งขัน

สรุป ผู้นำสร้างได้ เกิดจากการฝึกฝนตนเอง และใช้ระยะเวลายาวนาน ทุกคนมีศักยภาพในการพัฒนาให้เป็นผู้นำได้ เพราะภาวะผู้นำเกิดจากความรับผิดชอบให้ดีที่สุดต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อมีแนวคิดแบบผู้นำ มีพฤติกรรมแบบผู้นำ มีความรับผิดชอบโดยไม่บิดพลิ้ว และไม่กล่าวโทษผู้อื่น โอกาสก็เป็นของคุณแล้ว

**********************************

หมายเลขบันทึก: 580538เขียนเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2014 15:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม 2014 11:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท