หลง
เพียงฟุ้งซ่านคิดก็ติดบ่วง
เจ็บในทรวงปวดรวดร้าวกว่า
สมาธิสติแกว่งแย้งเวลา
ย้อนไปมาเหมือนคนหลงลืมตน
ปวดเหน็บเจ็บสั่นดูหวั่นไหว
เหม่อมองไกลไร้ทิศจิตสับสน
ท้านสะเทือนเสมือนจะร้อนรน
ในหนาวจนอกสั่นประหวั่นจริง
เพราะรักมากหลงกลัวตัวมาจาก
กลัวจะพรากจากลากว่าทุกสิ่ง
หวงคนอื่นใกล้กว่าตัวประวิง
หรือผีสิงสุมใจให้หมองมัว
มืดไม่เห็นแสงใดให้สว่าง
ดูอ้างว้างเดียวดายคล้ายสลัว
เป็นม่านหม่นคลุมเคลือเมื่อใกล้ตัว
ไม่เห็นหัวเห็นตนทุรนทุราย.
...................
4 พฤศจิกายน 2557
พ.แจ่มจำรัส
โลกของกาย คือกอง ผองภาระ
จงรักษา ให้ดำรง เป็นวงศา
กายก่อเกิด โรคร้าย ภัยนานา
แต่มีค่า มหาศาล ธารแห่งธรรม
จงใช้กาย ไปเพื่อ จุนเจือโลก
เพื่อดับโศก ยกใจ มิให้ขาม (กลัว)
เรียนรู้โลก ผ่านกาย สลายงาม
มิถลำ ให้ลำพอง ว่าของตู
ทุกข์กระทบ พบพระธรรม นำพาจิต
ว่าชีวิต ไม่ติดทาง ร่างเลิศหรู
มันคือภาพ มายา เหมือนปลาปู
กินเสพอยู่ หารูผ่าน เป็นบ้านตน
เมื่อรู้จริง ใจสิงร่าง รับจ้างอยาก
จึงลำบาก ตรากตรำ ทำงานขน
สะสมทรัพย์ รับสิน แล้วยินยล
พอผ่านกล พ้นกาล สังขารโทรม
เมื่อยึดมั่น ฉันกู เป็นคู่ครอบ
เราจึงหอบ สองสิ่ง ดิ่งทุกข์ถม
คือกอดกาย ไว้มั่น จนหวั่นจม
สองกอดลม อมอยาก เต็มปากตัว
ถ้าไหวตัว แล้วกลัวตาย ยังได้โชค
ใช้กายกก พกธรรม ย้ำในหัว
ว่ากายธรรม เป็นกายทาง ย่างเห็นตัว
กายคือขั้ว ตัวธรรม นำวิญญาณ
ขอแค่รู้ อยู่กับลม ผสมจิต
เรียนรู้ศิษย์ (จิต) เรียนรู้ครู (กาย) เป็นคู่ฐาน
รู้โลกแน่ รู้แก้ทุกข์ รู้ทุกกาล (ขณะ)
รู้ปัจจุบัน สังขารถอย แล้วปล่องวาง
ขอเป็นกำลังใจให้พี่พ. นะครับ สู้ด้วยการอยู่ รู้กาย ครับ
ขอบคุณครับ
ส.รตนภักดิ์
สาธุ.......