KM๊...KM


เมื่อศูนย์พัฒนาวิชาการเพื่อการเรียนรู้ (Center of Academic Development for Learning : CADL) ซึ่งต่อไป ผมจะเรียกย่อๆ ว่า CADL เสร็จสิ้นการดำเนินงานจัดการความรู้ใบุคลากรในปีงบประมาณ 2557 ประเด็นที่ดำเนินการจัดการความรู้นั้น คือ การดำเนินงานไม่เป็นไปตามแผน เราจึงได้แนวทางว่า ทำอย่างไรให้งานที่ทำเป็นไปตามแผน CADL จึงได้บทสรุปการทำ KM ออกมาเป็นหนังสือเล่มเล็ก ชื่อว่า "การจัดการความรู้สู่การดำเนินงานตามแผน ครั้งที่ 1" ซึ่งท่านสามารถอ่านได้ที่นี่  


รูปแบบการนำเสนอจะเป็นการเขียนเล่าเรื่องและใช้ภาษาที่เรียบง่าย  เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจตรงกันไม่ต้องเสียเวลาตีความ  จุดประสงค์เพื่อสรุปผลการจัดการความรู้บุคลากรสำนักศึกษาทั่วไปให้เข้าใจ เข้าถึง "แผน" องค์กร  พร้อมกับมองตัวเองว่า เราอยู่จุดไหน ประสบปัญหาหรืออุปสรรคในการทำงานอะไรบ้างซึ่งจะมีรายละเอียดในหนังสือทั้งหมด เมื่อจบวงรอบ KM ครั้งนี้ ดูเหมือนว่า  บุคลากรจะเข้าใจแผนยุทธศาสตร์ แผนกลยุทธ์ แผนการปฏิบัติงาน  มากขึ้น  อาจจะเป็นเพราะได้เห็นภาพความเชื่อมโยงและเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของแต่ละกลุ่มงานมากยิ่งขึ้น  ผมเข้าใจว่าการจัด KM ครั้งนี้จะทำให้บุคลากรไม่ได้แค่เข้าใจแผนอย่างเดียว แต่เห็นคุณค่าของตนเองมากขึ้น ย้อนความไปเมื่อทำ KM ครั้งแรกเลย  อาจารย์ ดร.ฤทธิไกร  ไชยงาม  ได้นำ สัตว์สี่ทิศ มาใช้ในช่วงละลายพฤติกรรมให้แก่บุคลากร  ซึ่งจะตอบคำถามได้ว่า ตนเองนั้นเป็นสัตว์ประเภทไหนได้  จะต้องพิจารณา ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ อยู่กับตัวเอง อยู่กับความรู้สึก  และไม่ลืมที่จะถามเพื่อนข้างๆ ว่า ฉันเป็นคนนิสัยแบบนี้หรือไม่ ถ้าไม่ถามผ่านเกม  ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครบอกหรอกว่า ฉันขี้โมโห หงุดหงิดมากหากงานไม่เป็นไปตามแผน  แต่เราใช้สัญลักษณ์แทนพฤติกรรมเหล่านั้นแทน  กิจกรรมนี้คุ้มค่าจริงๆ ครับ ผมชอบมาก  เมื่อเราเข้าใจตนเองแล้ว เราก็จะต้องไม่ลืมเข้าใจผู้อื่นด้วย จะได้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ผมประทับใจการทำ KM ในปีงบประมาณนี้มาก  เป็นครั้งแรกที่เข้าใจหัวใจของการทำ KM ขอเพียงเรา "เปิดใจ" และ "ปฏิบัติ" 

ผมติดลมอีกแล้ว ผมเล่ามาถึงตอนนี้ เพื่อที่จะบอกว่า สำนักศึกษาทั่วไป กำลังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนผู้บริหาร การดำเนินงานบางอย่างจึงหยุดชะงักลง เช่น KM เป็นต้น ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร ในทิศทางไหน  สำหรับผม ผมคิดว่า KM เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ เมื่อก่อนบุคลากรอาจจะเหนื่อยหน่าย เพราะบางคนถึงกับออกปากบอกว่า อย่าเรียกว่า KM เลย เปลี่ยนเป็นมาเป็น ประชุม แทนได้มั้ย หรือแม้แต่ผู้บริหารบางคน ถามผมว่า "ทำไมต้องทำ KM? ผมก็ตอบไปว่า เพื่อพัฒนางาน ท่านก็ตอบกลับมาว่า "งานดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องพัฒนา ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมี KM ใช่มั้ย? ผมจึงตอบไปว่า ถ้าดีอยู่แล้ว ก็ให้ถือว่า มาเล่าประสบการณ์สู่กันฟัง เล่าถึงปัญหาอุปสรรค ระหว่างทำงานก็ได้ครับ "ได้ ถ้าอย่างนั้นจะ KM กันภายใน คุณ (หมายถึงผม) ไม่ต้องมา" ผมก็ตอบว่า ได้ครับ แต่สรุปประเด็นที่คุยกันไว้ให้ผมก็ได้ครับ...ผมไม่โทษใครหรอกครับ เขาอาจจะรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับ KM ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประชุมที่มีเปลือกเป็น KM ไม่ใช่ KM จริงๆ ผมคุยกับเพื่อนแล้วได้ข้อสรุปว่า จะเรียกว่าอะไรก็ช่าง ไม่ใช้ KM ก็ได้ KM ก็เอามาจากฝรั่ง คุณอยากเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ ไม่มี KM คุณก็ยังพัฒนางานมาได้จนถึงทุกวันนี้ นั่นแหละคือคุณใช้มัน ใช่หรือไม่? คือความจริงแล้ว การกระทำคล้ายๆ ที่ปัจจุบันเราเรียกกันว่า KM มีมานานตั้งแต่มีมนุษย์กลุ่มแรกแล้วครับ แต่ไม่มีใครให้ทฤษฎี ให้ชื่อโก้ๆ ไว้ --แค่นั้นครับ

สุดท้ายผมก็ได้แต่หวังว่าปีนี้เราจะได้มาจับ KM แบบ KM จริงๆ ที่ตั้งอยู่บนฐานใจ ไม่ใช่ประชุมหุ้มเปลือก KM เหมือนที่คนส่วนใหญ่กำลังประสบอยู่....

หมายเลขบันทึก: 579482เขียนเมื่อ 30 ตุลาคม 2014 17:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 ตุลาคม 2014 17:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

KM คืออะไร ....  ผู้บุกเบิก KM ในไทยอย่าง ศ.นพ.วิจารณ์ และ ดร.ประพนธ์ บอกว่า...ความหมาย " ไม่ตายตัว " .... ดังนั้น อย่ามัวไป "สงสัยเลย" สนใจว่ามันดีอย่างไร และนำมาใช้อย่างไร เหมือนที่คุณ Arisa ว่ามา ... เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ....

  • แค่ชื่อเรื่องก็มันส์แล้วครับ
  • KM มีเครื่องหมาย ๗ ด้วย
  • ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธครับ
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท