ปัจจุบันเกษตรกรต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ อาทิ พื้นที่เพาะปลูกขาดความอุดมสมบูรณ์ การบริหารจัดการที่ไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูง รวมทั้งการแพร่ระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช ผลผลิตที่ได้รับไม่มีประสิทธิภาพทั้งปริมาณและคุณภาพที่ต่ำ เกษตรกรส่วนใหญ่ จึงประสบกับภาวะขาดทุน เกิดปัญหาหนี้สินรุมเร้าจนไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ จากสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อการลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มปริมาณและพัฒนาคุณภาพของผลผลิตการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตรจึงให้มีการดำเนินการจัดตั้ง “ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มผลผลิตการเกษตร” หรือ “แปลงสาธิต” ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านหางแขยง ตำบลหางน้ำสาคร อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท เป็นอีก 1 ศูนย์ฯ ที่สำนักงานเกษตรอำเภอมโนรมย์ ได้คัดเลือกเป็นศูนย์เรียนรู้ฯ กิจกรรมลดต้นทุนการผลิตข้าว/การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว
นางสาวภิรานันท์ ระดี เกษตรกรหัวไวใจสู้วัย 42 ปี ผู้เป็นเกษตรกรเจ้าของแปลงเรียนรู้ กล่าวว่า “ แม้ว่าราคาข้าวขณะนี้อยู่ที่ตันละ 7,000 – 8,000 บาท แต่การทำนาก็ยังมีกำไร เนื่องจากต้นทุนการผลิตประมาณ 3,000 – 4,000 บาท ที่สำคัญผลผลิตข้าวยังได้ไม่ต่ำกว่าไร่ละตัน ไม่เพียงลดต้นทุนการทำนาเท่านั้น ยังหารายได้เสริมจากกิจกรรมที่เกื้อกูลกัน เช่น การเลี้ยงเป็ดในนา การทำสวนไผ่ และสวนมะนาว”
จากชีวิตที่ก้าวเข้าสู่การเป็นชาวนาเมื่อปี พ.ศ.2545 โดยเริ่มจากการทำนา
สำหรับศูนย์เรียนรู้ฯ ได้จัดทำเป็นฐานการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนรู้ได้ศึกษาตามที่ต้องการนอกจากฐานเรียนรู้แปลงลดต้นทุนการผลิตข้าว/การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีแล้ว เสริมด้วยแปลงไผ่กิมซุงจำนวน 2 ไร่การเลี้ยงเป็ดไข่ 300 ตัว และการปลูกมะนาวในวงบ่อ อีกด้วย
ด้านการลดต้นทุนการผลิตข้าว/การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีนั้น คุณภิรานันท์ เปิดเผยว่า ควรวางแผนการทำนาและกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสม และการบริหารจัดการที่ดีคือ การเตรียมดิน ที่ไม่เผาฟางข้าว เพราะเป็นการทำลายสภาพดิน แก้ปัญหาฟางและตอซังข้าวเป็นปัญหาเตรียมดินไม่ได้ด้วยการหมักฟางข้าวโดยใช้จุลินทรีย์หน่อกล้วย เพียงใช้เวลาหมักฟางข้าวอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนทำเทือก ปรับพื้นที่นาให้เรียบสม่ำเสมอ จัดระบบพื้นที่แปลงนาให้สามารถระบายน้ำเข้าออกได้ง่ายโดยขุดร่องรอบแปลงนา อีกทั้งการปลูกและการเลือกเมล็ดพันธุ์ เพื่อนเกษตรกรจะต้องใช้เมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์ตรงตามสายพันธุ์ เลือกเมล็ดพันธุ์ให้เหมาะสมต่อฤดูที่ปลูก คำนึงถึงความต้านทานของเมล็ดพันธุ์ข้าวต่อฤดูที่ปลูก และเมล็ดพันธุ์มีความงอกไม่ต่ำกว่า 80% อัตราที่ใช้ นาหว่านไม่เกิน 20 ก.ก./ไร่ นาปักดำไม่เกิน 7 ก.ก./ไร่ นาโยนกล้าไม่เกิน 5 ก.ก./ไร่ สำหรับการใช้ปุ๋ยเคมี จะใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ของดิน คือช่วงที่ 1 ปักดำ 10 – 15 วัน หรือหว่านน้ำตาม 20 – 25 วัน ใช้แม่ปุ๋ยสูตร 18 – 46 – 0 อัตรา 9 กิโลกรัม / ไร่ ปุ๋ยสูตร 0 - 0 - 60 อัตรา 5 กิโลกรัม/ไร่ และปุ๋ยสูตร 46 – 0 – 0 อัตรา 1 กิโลกรัม / ไร่ ช่วงที่ 2 ระยะกำเนิดช่อดอกหรือ 50 – 55 วัน ข้าวอายุสั้น 45 – 50 วัน ใช้ปุ๋ยสูตร 46 – 0 – 0 อัตรา 10 กิโลกรัม / ไร่ และช่วงที่ 3 ระยะตั้งท้องถึงเริ่มออกรวง พิจารณาว่าควรจะใส่ปุ๋ยหรือไม่ สังเกตจากใบข้าว ถ้าจำเป็นต้องใส่ปุ๋ย ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 46 – 0 – 0 อัตรา 5 กิโลกรัม / ไร่ รวมทั้งสิ้นประมาณ 30 ก.ก./ไร่ เป็นปริมาณที่น้อยกว่าการใช้ปุ๋ยตามความพอใจดังที่ผ่านมา
ด้านการการป้องกันโรคและแมลงศัตรูข้าว ใช้เชื้อราไตรโครเดอร์ม่า เพื่อป้องกันเชื้อรา เริ่มตั้งแต่แช่เมล็ดพันธุ์ ในนาดำใช้เชื้อไตรโครเดอร์ม่า ฉีดพ่นพร้อมยาคุมเลน ในช่วงที่ 2 ใช้ผสมปุ๋ยหว่านหรือปล่อยตามน้ำขณะเปิดน้ำเข้านา ร่วมกับการใช้น้ำแบบเปียกสลับแห้ง คือขังน้ำไว้ในแปลงจนกว่าใบจะชนกัน ปล่อยทิ้งไว้จนถึงระยะกำเนิดช่อดอกให้เปิดน้ำเข้า เพราะช่วงนี้ไม่ควรให้ขาดน้ำ เมื่อข้าวหนาแน่นมากจะทำให้เกิดโรคและมีแมลงศัตรูข้าวระบาดในช่วงนี้จึงควรใช้ระบบน้ำผ่าน ระบายน้ำออก 7 วัน เปิดน้ำเข้าขังน้ำไว้ 2 วัน ให้ไขน้ำออก ทำสลับกันจนกระทั่งก่อนวันเก็บเกี่ยว 10 วัน สิ่งที่ละเลยไม่ได้คือ เพื่อนเกษตรกรจะต้องหมั่นสำรวจแมลงศัตรูพืช ทุก ๆ 7 วัน เมื่อพบแมลงศัตรูพืชให้ใช้สมุนไพร หรือน้ำส้มควันไม้ในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช เพื่อรักษาระบบนิเวศในแปลงนาไว้ไม่ให้เกิดการระบาดของแมลงศัตรูพืช เสริมเพื่อเพิ่มผลผลิต ด้วยน้ำหมักชีวภาพหมักเอง เป็นระยะคือ ระยะที่ข้าวเล็กใช้ฮอร์โมนน้ำหมักปลา 100 ซีซี / น้ำ
นายสุทธิพงษ์ จ่างทอง หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดชัยนาท กล่าวเสริมว่า ถ้าเกษตรกรสนใจเข้ามาเรียนรู้ และนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังเชื่อว่าจะช่วยให้เกษตรกรที่เข้ามาเรียนรู้ในศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินการผลิตสินค้าเกษตรของตนเองได้ ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ผลผลิตมีปริมาณและคุณภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญจะช่วยให้เกษตรกรเกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน.
ชัด ขำเอี่ยม/รายงาน
ผมไม่มีความรู้ทางด้านนี้
อยากให้กำลังใจ ส่งกำลังใจให้เกษตรกรครับ