เทคนิคขายของบน Facebook ให้สำเร็จ


ใช้ Social Network ที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด

1.คิดก่อนว่าจะขายอะไรดี?

              คุณต้องเลือกก่อนว่า“สินค้าที่คนอยากซื้อ กับ สินค้าที่คุณอยากขาย “ คุณจะสามารถขายสินค้าอะไร สำหรับคนที่ไม่เคยขายมาก่อน อาจจะยาก อีกทั้งไม่มีร้านค้า ไม่มีสินค้า (แนะนำว่าให้คุณเลือก ขายสินค้าที่คนอยากซื้อ! ) ดังนั้นเราควรศึกษาข้อมูล ก่อนว่าสินค้าที่มีความต้องการของคนส่วนใหญ่ต้องการใช้ อาจเป็นช่วงเทศกาล ของใช้สำหรับสตรีของหายาก ของสะสม แหล่งรับของ คุณจำเป็นต้องหาข้อมูลเหล่านี้ก่อนการเปิดร้านค้าออนไลน์ แต่สำหรับคนที่มีร้านอยู่แล้ว มีสินค้าที่ขายอยู่แล้ว คุณสามารถนำของที่มี มาขายได้เลย ถือว่ามีช่องทางในการพัฒนาร้านของคุณ โดยใช้งบประมาณไม่สูงเพราะฐานลูกค้าเดิมของคุณมีอยู่แล้ว และไม่ควรเปลี่ยนไปขายสินค้าอื่น เพราะคุณจะได้เปรียบเรื่องขอมูลสินค้า

2.หาแหล่งสินค้าราคาส่ง สินค้าเฉพาะกลุ่ม หรือสินค้าตามOrder

         ถึงเวลาที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะขายสินค้าอะไร ต่อมาเพื่อให้ได้ราคาขายส่ง ควรหาตัวแทนจำหน่ายสินค้านั้นๆ เริ่มจาก

              2.1. การหาสินค้า โดยไม่ต้องลงทุนสต๊อกสินค้า กับ Dropship คือ ระบบบริหารจัดการโดยจะมีตัวกลางคอยสนับสนุนเกี่ยวกับสินค้า ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ รายละเอียดสินค้า พร้อมด้วยราคาพิเศษที่สามารถนำไปขายได้กำไรต่อทันที และยิ่งไปกว่านั้นทางตัวกลางจะจัดส่ง สินค้าไปทางผู้ซื้อโดยตรงด้วย เราแค่สมัครเป็นสมาชิก และเอาสินค้าไปขายได้เลย โดยไม่ต้องซื้อสินค้าก่อน เมื่อคุณขายสินค้าได้ คุณมีหน้าที่แจ้งไปให้ตัวแทนจำหน่ายทราบ พร้อมโอนเงิน ตามราคาส่งและค่าขนส่ง(ถ้ามี) ที่ตกลงกันไว้

             2.2. Pre-order คือการหาสินค้า มาโพสขายในร้าน เสมือนจับเสือมือเปล่า ไม่ต้องลงทุนลงแรง

             Pre-order คือการสั่งจองสินค้าล่วงหน้า สินค้าจะได้รับหลังจากวันที่ปิดรอบประมาณ วันแล้วแต่ผู้ขายแจ้งอาจจะ 15-20 วัน ซึ่งเป็นการหาสินค้า มาโพสขายในร้าน เมื่อลูกค้าสนใจ และต้องการสั่งซื้อ ลูกค้าต้องโอนค่าสินค้าก่อน ตามแต่จะตกลงว่าให้จ่ายเต็มจำนวน หรือมัดจำไว้จ่ายกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องมีการแจ้งลูกค้าให้ชัดเจน

             ข้อเสียของสินค้าค้าแบบ Pre-order นี้ คือ กลุ่มสินค้ามีราคาสูง เป็นสินค้าที่หาซื้อไม่ได้ทั่วไป ได้ลดพิเศษ เป็นสินค้านำเข้า และแน่นอน ผู้ขายต้องมีคนรู้จักที่อยู่ต่างประเทศคอยซื้อส่งมาให้คุณ หรือ เป็นคนไปต่างประเทศบ่อย หรือ ผ่าน shipping เป็นงานทีเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้า จำนวนมาก ต้องประสานงานกับกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตในการนำเข้าและส่งออกต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน ไม่สามารถที่จะทำการสั่งแล้วส่งเลยได้

              2.3 การสั่งซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายเดิมๆ ที่เปิดตัวอยู่ก่อน

              ร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่ายขายส่ง คุณสามารถค้นหาที่เว็บไซด์ Google เพื่อค้นหาสินค้าเช่น ถ้าคุณต้องขายครีมหน้าเด้ง ลองพิมพ์คำว่า “ ครีมหน้าเด้งขายราคาส่ง ” จะปรากฏรายชื่อร้านขายส่งมากมาย ลองโทรไปสอบถามร้านที่เราสนใจ หรือไปดูที่ร้านเลย แต่วิธีนี้อาจต้องซื้อสินค้ามาเก็บไว้เองเพื่อให้ให้มั่นใจ และดูความน่าเชื่อถือของร้านด้วย

3 .วางแผน พร้อมเตรียมตัวก่อนเปิดร้านออนไลน์เพื่อให้ร้านเราออกมาดีที่สุด

มาดูกันว่าเราควรเตรียมอะไรในการเปิดร้านออนไลน์

             3.1 เรื่องสำคัญที่หลายคนมองข้ามการตั้งชื่อร้าน ออกแบบโลโก้ และแฟนเพจร้านค้าบนFacebook

             ให้เข้ากับแนวคิด Concept ของสินค้าที่จะนำมาเสนอขาย เช่นขายรองเท้า ควรตั้งชื่อแนว ” LOVESHOESหรือ missbeautyshoe” เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ และให้ลูกค้าจดจำได้ง่าย ใช้ไอเดียให้สุดความสามารถ จะแสดงถึงความตั้งใจของร้านนั้นๆ ตลอดจนความน่าเชื่อถือของร้านค้าด้วย

3.2 สร้างเฟสบุ๊คแฟนเพจ ให้เรียบร้อย มีเทคนิคมาแนะนำ แล้วคุณจะรุ่งทีเดียว

  1. ครั้งแรก เมื่อสร้างแฟนเพจแล้วยังไม่สามารถเปลี่ยนชื่อแฟนเพจได้ ชื่อมันจะเป็นตัวเลขลักษระนี้ https://www.facebook.com/pages/loveshoes /101119856606750 ดูแล้วไม่ดึงดูด ควรให้คนมากด Like ก่อนอย่างน้อย 30 ไลค์ หลังจากได้ครบ 30 Like ให้เปลี่ยนชื่อเพจเป็น https://www.facebook.com/loveshoes
  2. อย่าเพิ่งโพสขาย และก็ขายสินค้า เป็นอย่างบ้าระห่ำ ช่วงแรก ให้โพส เรื่องทั่วๆไป เรื่องบันเทิง ท่องเที่ยว อาหารสับเพเหระ ไปก่อน
  3. ให้คนรู้จักแฟนเพจของร้านค้าเราแบบไม่เป็นทางการก่อน ให้มีคนกด Like เพจของร้านค้าคุณเยอะ ยิ่งมาก ยิ่งดี เมื่อมีคนเห็นเยอะ เวลาคุณโพสสินค้าลงไป ทำให้สินค้าของคุณเป็นที่รู้จัก คนจะแชร์ให้เพื่อนต่อไปอีกเยอะ เป็นวิธีที่ดีที่สุด สร้างความน่าเชื่อถือให้แฟนเพจได้มากทีเดียว
  4. วิธีเพิ่ม Like ไห้เร็วที่สุด คือ การใช้บริการเพิ่ม Like ควรดูราคา ค่าบริการ อย่าให้แพงเกินไป ซึ่งจะสามารถเห็นได้ทั่วไปในเฟสบุ๊ค
    • ปกติราคา Like ละ 0.5 บาท คือ 1,000 Like 500 ตอนนี้ ราคาลดลงมากแล้ว
    • ถ้าคุณต้องการขายของให้คนไทย ก็ให้กำหนดกลุ่มคนที่จะ Like เป็นคนไทย ราคาค่า Like จะเพิ่มเป็น ประมาณ Like ละ 1 บาท ซึ่ง Like ที่ได้ อาจไม่ใช่กลุ่มลูกค้า เป็นเพียงการสร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นการเพิ่มช่องทางในการโปรโมทสินค้าต่อไปเท่านั้น
  5. วิธีได้ลูกค้าตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด คือ การโฆษณาผ่านเฟสบุ๊คโดยตรง สามารถเลือกให้แสดงโฆษณากับใคร เพศ ชาย อายุเท่าไหร่ ฯลฯ ซึ่งค่อนข้างละเอียด แต่ก็ต้องแลกกับค่าโฆษณาที่ต้องมีค่าใช้จ่าย

             3.3 เงินลงทุน ในการซื้อสินค้ามาสต๊อก คำนวณให้ดีว่าจะซื้อมาสต๊อกเท่าไหร่ เพียงพอต้อการหมุนเวียนเงินให้พอดี

  1. ค่าโฆษณา คำนวณงบประมาณให้ดี อย่าให้บานปลาย ในกรณีที่ ตั้งใจว่าจะทำการประชาสัมพันธ์สินค้า ผ่านโฆษณาของเฟสบุ๊ค
  2. ถ่ายรูปสินค้าต้องมีค่านางแบบ ช่างภาพ เพื่อแสดงเอกลักษณ์ดึงดูด หรือ ก็หารูปภาพจากอินเทอร์เน็ตก็สมารถประยุกต์ใช้ได้
  3. ราคาค่าส่งสินค้าสินค้า คุณต้องรู้ให้หมด เช่น ค่าขนส่ง พัสดุ หีบห่อ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ และระยะเวลาในการขนส่ง
  4. สร้างร้านค้าให้น่าเชื่อถือ
    • ควรมีเว็บไซต์สำหรับร้านค้าด้วย จัดหมวดหมู่สินค้าชัดเจนมีระเบียบ รูปแบบร้านให้สวยงาม มีข้อมูลสำหรับให้ลูกค้าติดต่อได้ชัดเจน รายละเอียดการชำระค่าสินค้า ช่องทางการชำระค่าสินค้า ต้องแจ้งไว้อย่างชัดเจน
    • ข้อมูลสินค้าจัดเตรียมให้รายละเอียดครบถ้วน แจ้งรายละเอียดการจัดส่งสินค้า ระยะเวลา ค่าจัดส่งให้ชัดเจน เงื่อนไขการคืนสินค้า พยายามนึกถึงกรณีต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้
    • รูปสินค้า ให้สวยงาม อาจใช้อินสตาแกรม ถ่ายพร้อมแชร์ได้ทันที

    ที่มา : bloxabout.com

คำสำคัญ (Tags): #เทคนิค#Pre-order
หมายเลขบันทึก: 579262เขียนเมื่อ 25 ตุลาคม 2014 18:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 ตุลาคม 2014 18:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบพระคุณ..เจ้าค่ะ..กำลังหาข้อมูลอยู่พอดี..ได้ความรู้เจ้าค่ะ..

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท