สำนักสุขาวดี
สุขาวดี มีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า จิ้งถู่ (Ching Tu)จัดเป็นสำนักหนึ่งทางพุทธศาสนาที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศจีนเปลีอกนอกดูเหมือนมีคำสอนไม่เน้นให้พึ่งปัญญาของตนเองในการแสวงหาความหลุดพ้นแต่สอนให้พึ่งอำนาจภายนอกซึ่งผิดแผกไปจากคำสอนพุทธแบบเดิมเป้าหมายหลักคือการได้ไปอยู่ในพุทธเกษตรสุขาวดีของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งที่มีนามว่า อมิตาภะเป็นปัญญาไม่ใช่จุดเริ่มต้นในการช่วยให้คนพ้นทุกข์สำนักนี้จึงสอนให้คนมีศรัทธาหรือมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะส่งจิตไปขอให้พระอมิตาภพุทธเจ้าทรงช่วยให้หลุดพ้นดังนั้นศรัทธาจึงเป็นเงื่อนไขที่พุทธศาสนิกชนสำนักนี้จำเป็นต้องมีเป็นอันดับแรก
สุขาวดีพุทธเกษตรห่างจากโลกธาตุนี้แสนโกฏิ ผู้ไปอุบัติในพุทธเกษตรนั้นล้วนเป็นอุปปาติกะเกิดขึ้นในดอกบัว ไม่มีทุกข์โศก โรคภัย มีอายุอันนับประมาณมิได้ เป็นแดนเสมือนที่พักระหว่าง สังสารวัฏฏ์กับพระนิรวาณ ผู้ไปอุบัติในที่แห่งนี้ล้วนเป็นผู้เที่ยงต่อพระนิพพาน แต่ถ้ายังมีกิเลส ติดจากโลกอื่นไปก็จะได้รับการอบรมตัดกิเลสกัน ณ ที่แห่งนี้
สุขาวดีเป็นพุทธเกษตรหนึ่งที่มีความสำคัญมากต่อความเชื่อมหายาน ในอมิตาภสูตรซึ่งเป็นพระสูตรมหายาน (ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎกภาษาบาลี) ได้พรรณนาลักษณะของสุขาวดีพุทธเกษตรไว้ว่า เป็นดินแดนที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจบารมีของพระอมิตาภพุทธะ ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าในอดีตย้อนไปก่อนหน้าพระโคตมพุทธเจ้าไป ๑๐ กัป ที่ได้ชื่อว่าสุขาวดีก็เพราะผู้อยู่ในดินแดนนี้ย่อมไม่มีความทุกข์เลย แต่เสวยสุขอยู่เสมอ สุขาวดีเป็นดินแดนที่สวยงามและสุขสบาย กล่าวคือ มีล้อมรอบด้วยภูเขาแก้ว กำแพงแก้ว มีสระโบกขรณีที่ประดับด้วยแก้วมณี มีดนตรีทิพย์บรรเลงอยู่เสมอ มีนกร้องออกมาเป็นเสียงธรรมเทศนา บรรยากาศต่าง ๆ นี้ทำให้ผู้อาศัยเกิดพุทธาสุสติ ธัมมานุสสติ และสังฆานุสสติ และตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุนิพพานในดินแดนแห่งนี้
นิกายนี้ถือว่าการพ้นทุกข์ของสรรพสัตว์ต้องอาศัยปัจจัยภายนอกเข้ามาช่วย นิกายนี้จึงเน้นการไปเกิด ณ แดนสุขาวดีของพระอมิตาภะ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อไปเกิดแล้วจะไม่ตกต่ำมาสู่อบายภูมิอีก โดยผู้จะไปเกิดต้องมีคุณธรรมสามประการคือ กตัญญูกตเวที ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จิตมั่นคงต่อโพธิญาณ นอกเหนือจากนี้ต้องสวดมนต์ระลึกถึงพระอมิตาภะตั้งปณิธานไปเกิดในสุขาวดีจึงจะได้ไปเกิดสมปรารถนา
ส่วนเรื่องกรรมนิยมของสัตว์ที่จะไปอุบัติยังพุทธเกษตรนั้น ๆ ก็ขึ้นอยู่กับพระปณิธานของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วย เช่นหากต้องการไปอุบัติยังสุขาวดี ต้องมีคุณสมบัติ ๕ ประการดังที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์อมิตายุอุปปเทสศาสตร์ ที่ท่านอาจารย์วสุพันธุ์ ได้รจนาไว้ คือ
๑). บูชาพระอมิตาภะเป็นนิจ จัดเป็นทางกายกรรม
๒). ภาวนาพระนามเป็นนิจ จัดเป็นวจีกรรม
๓). ตั้งปณิธาณไปเกิดยังสุขาวดี
๔). การเพ่งภาวนา ด้วยกรรมฐาน ๑๖ ประการ จัดเป็นมโนกรรม
๕). การมีกรุณาต่อ สรรพสัตว์และโปรดสรรพสัตว์
สรุปย่อลงเหลือ ๓ ประการได้แก่
๑. สิ่ง แปลว่า ศรัทธาปสาทะ ในพระอมิตาภะ
๒. หงวง แปลว่า ตั้งปณิธาณไปเกิดที่สุขาวดี
๓. เหง แปลว่า ลงมือปฏิบัติ กุศลกรรมเพื่อเป็นปัจจัยให้ได้ไปเกิดที่สุขาวดี
การที่ชาวมหายานสร้างความเชื่อในเรื่องพุทธเกษตร อาจเป็นเพราะต้องการปลอบใจมหาชนที่ยังอยากมีชีวิตสุขสบาย ไม่ต้องการบรรลุนิพพาน คนส่วนมากคิดว่า การบรรลุนิพพานเป็นการยากยิ่งจึงต้องสร้างความเชื่อในเรื่องพุทธเกษตรขึ้นมา เพื่อสนองความต้องการของคนบางกลุ่มที่ยังรักความสะดวกสบาย ทำให้เกิดการตั้งปณิธานไปเกิดในพุทธเกษตรเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ และแล้วก็จะบรรลุนิพพานได้โดยสะดวกไปเอง ซึ่งต่างจากพวกเถรวาท แม้จะเชื่อว่ามีพระพุทธเจ้ามากมายหลายองค์ มีโลกธาตุอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากโลกธาตุเรานี้ แต่ไม่ได้สอนให้มีการตั้งปณิธานไปเกิดในพุทธเกษตร การบรรลุหลุดพ้นของเถรวาทจึงเป็นไปอย่างรีบเร่งโดยไม่จำเป็นต้องรอไปถึงพุทธภูมิ เพราะต้องใช้เวลาอีกยาวนานแสนไกลกว่าจะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าได้ ชาวเถรวาทส่วนมากจึงมุ่งเพียงอรหันตภูมิยาน
อ้างอิง
วิกิพีเดีย:นิกายสุขาวดี
วิกิพีเดีย:สุขาวดี
วิกิพีเดีย:พุทธเกษตร
www.gotoknow.org/สรุปความรู้เรื่องนิกายสุขาวดี%20-%20พุทธศาสนามหายาน.htm
http://www.watkoh.com/forum/showthread.php?1276-สุขาวดีพุทธเกษตร&s=697e5a747cdcdbb0a97ab6d5f78b91dc
ไม่มีความเห็น