ฉบับที่ ๔๑ เพื่อภรรยาที่รัก


ผู้เขียนแนะนำหนังสือเรื่อง เรื่องเล่าประสบการณ์ของคนทำงานช่วยเลิก สุรา ยาสูบ และยาเสพติด” หนังสือเล่มนี้ จัดทำโดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ ผู้เขียนจึงอยากนำเรื่องเล่าที่ชนะการประกวดในปีนี้มาเล่าเป็นตัวอย่างช่วยคนใกล้ตัวเลิกบุหรี่จนสำเร็จด้วยความรัก

เรื่องเล่า เพื่อภรรยาที่รัก

เพียรศรี นามไพล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด

“ลุงบูรณ์”ชายที่ชื่อสมบูรณ์ในชุดทำงานสุดหล่อ เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่งหันหน้ามาตามเสียงเรียก พร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกทางปากและจมูก ใบหน้าครุ่นคิดอะไรสักอย่างรู้สึกว่าแกยืนสูบบุหรี่มวนนี้มานานพอสมควรเพราะใกล้จะหมดมวนแล้ว “ทำไมสูบบุหรี่หนักอย่างนี้”“ป้าตุ๊กไปไหน” ดิฉันถามซ้ำอีก“ยังไม่กลับจากโรงเรียน” ป้าตุ๊กภรรยาลุงสมบูรณ์เป็นครูสอนที่โรงเรียนใกล้บ้าน “มีปัญหาเงินขาดบัญชีธนาคาร ยอดเงินฝากไม่ตรงกับยอดเงินสด ขาดไปสามพันกว่าบาทเดี๋ยวจะกลับไปเคลียร์บัญชีอีก”พร้อมกับทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นสนามหน้าบ้านยกเท้าไปบี้เสร็จแล้วก็ควักซองบุหรี่ออกมา เคาะๆเอาบุหรี่มาอีกมวนใส่ปากคาบไว้แล้วจุดบุหรี่สูบอีก “อ้าวใครทำเงินขาด คนนั้นก็ชดใช้สิ จะมาเครียดทำไม หรือลุงบูรณ์ทำเงินขาดซะเอง” ดิฉันพูดตรงๆ

ป้าตุ๊กเป็นพี่สาวดิฉันลุงบูรณ์ก็เป็นพี่เขยครอบครัวเราจึงสนิทสนมกันมาก พูดอะไรก็ไม่ค่อยจะเกรงใจเท่าไหร่“ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีสิ ไปล่ะ” แล้วก็ดูดบุหรี่ถี่ยิบ “อัดบุหรี่เข้าไปเดี๋ยวก็เป็นมะเร็งปอดตายซะหรอก” ลุงสมบูณร์กลับไปธนาคารป้าตุ๊กกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านพอดี “หวัดดีป้าตุ๊ก”“หวัดดีจ้า หมอมานานยังมีธุระอะไร ดีจังมีเรื่องปรึกษาพอดีเลย”

ป้าตุ๊ก ก็เล่าถึงปัญหาเกี่ยวกับนักเรียนที่โรงเรียนกำลังเป็นหนุ่มเป็นสาวมีพฤติกรรมแปลกๆสนใจเพศตรงข้ามหยอกล้อกันไม่ค่อยสนใจการเรียน ที่สำคัญนักเรียนชายไปแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ นักเรียนหญิงมาบอกเพราะห้องน้ำอยู่ใกล้กันป้าตุ๊กก็เลยไปตรวจห้องน้ำนักเรียนชาย ปรากฏว่าไม่พบเด็กนักเรียน แต่ได้กลิ่นบุหรี่เหม็นมากๆ กลับมาที่ห้องพักมานั่งปรึกษาหารือกับเพื่อนครูด้วยกันว่าจะทำอย่างไร แนวทางที่หารือกันสรุปได้ว่าจะต้องจับตัวนักเรียนที่สูบบุหรี่ให้ได้แล้วนำมาสอบถามเรื่องราวให้กระจ่างตักเตือนให้เลิกสูบบุหรี่ และแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ

ป้าตุ๊กเล่าต่อว่าในขณะที่สนทนากันอยู่นั้น ก็มีเพื่อนครูที่สนิทกันหัวเราะและพูดขึ้นว่า“ตุ๊ก มันยากอยู่นะ เดี๋ยวเด็กมันจะสวนคืน ... ขนาดผัวครูยังสูบบุหรี่เลย ถ้าจะให้นักเรียนเลิกสูบบุหรี่ ครูต้องไปจัดการผัวครูให้เลิกสูบบุหรี่ให้ได้ก่อนเถอะ...”

ป้าตุ๊กบอกว่า มันเหมือนโดนไม้หน้าสามตีเข้าที่ใบหน้าอย่างจังหน้าแดง นั่งนิ่ง อยู่สักพักหนึ่งตั้งสติได้ก็ยอมรับในความเป็นจริงแกไม่ได้โกรธเพื่อนครูที่พูดเช่นนั้นเพราะมันเป็นความจริง พอโรงเรียนเลิกก็รีบกลับมาบ้านในใจก็ครุ่นคิดเรื่องนี้ตลอดป้าตุ๊กดีใจมากที่พบดิฉันที่บ้านของแกซึ่งปกติก็ไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว มาทานอาหารเย็นด้วยกันเสมอตามประสาพี่น้อง

เย็นวันหนึ่งครอบครัวเราก็ได้มารับประทานอาหารเย็นด้วยกันที่บ้านลุงบูรณ์ลุงบูรณ์ก็สูบบุหรี่หนักเหมือนเดิมป้าตุ๊กก็บอกว่าให้ลูกชายไปซื้อบุหรี่มาไว้เป็นซบเลย(ซบ คือบุหรี่ที่แพ็คเป็นห่อขายส่ง1 ซบ มี 20 ซอง) เพราะวันหนึ่งแกสูบประมาณ 2 ซองขึ้นไปแกคงเครียดกับการทำงานมากหลังรับประทานอาหารเสร็จดิฉันและสามีก็เริ่มเจรจาเรื่องการเลิกบุหรี่กับลุงบูรณ์

“ลุงบูรณ์ สูบบุหรี่มากี่ปีแล้ว” ดิฉันถาม“ตั้งแต่เรียนมัธยม มาถึงตอนนี้ก็ประมาณ 30 ปี แต่ก่อนก็ไม่เท่าไหร่แต่พอเรียนจบปริญญาตรีและมาทำงาน มันเครียดมา ก็เลยสูบให้สมองมันปลอดโปร่ง”อัดบุหรี่เข้าไปเฮือกหนึ่งแล้วพ่นออกมาอย่างสบายใจ

“ลุงบูรณ์ ในบุหรี่มีสารพิษไม่ต่ำกว่า 4,000 ชนิด มันเป็นสารเสพติด”ดิฉันสาธยาย

“ลุงรู้อยู่แต่ไม่สูบไม่ได้ทำไงได้มันติดเสียแล้ว”ดูเหมือนลุงสมบูรณ์ยอมรับว่าบุหรี่นั้นไม่ดีกับสุขภาพ

“ทำไมลุงไม่เลิกซะหละ”

“เลิกไม่ได้หรอกถ้าให้เลิกกับเมียยังง่ายกว่าให้เลิกสูบบุหรี่”พูดแล้วก็หัวเราะสนุกสนาน

“แต่มันอยู่ที่ใจนะลุง” “จริงๆแล้วพิษภัยของบุหรี่ไม่ได้ทำลายสุขภาพของผู้ที่สูบเท่านั้นแต่มันเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเมียลูก ญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมงานด้วยที่สำคัญนะเดี๋ยวนี้ คนที่จะสูบบุหรี่มีพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่น้อยลงทุกทีกฎหมายก็ห้ามโดยเฉพาะสถานที่ราชการ ที่ชุมชนคนหมู่มากรถโดยสาร ธนาคาร และร้านอาหารฝ่าฝืน ปรับ 2,000 บาทลุงบูรณ์ยิ่งทำงานธนาคารยิ่งสูบไม่ได้”

“ลุงบูรณ์ที่สำคัญนะ ป้าตุ๊กดำเนินการให้เด็กนักเรียนเลิกสูบสูบบุหรี่ แต่เด็กมันไปนินทาครูตุ๊กว่าทีผัวตัวเองทำไมถึงให้สูบบุหรี่ ไปบอกผัวครูเลิกสูบบุหรี่ก่อนเถอะ แล้วค่อยมาบอกให้คนอื่นเลิกสูบบุหรี่”ดิฉันยกผลกระทบมาอ้าง ลุงบูรณ์นั่งนิ่ง หัวเราะเบาๆในใจอาจจะสมน้ำหน้าเมียก็ได้ที่โดนเด็กนินทา แต่คิดว่าในใจอีกส่วนหนึ่งแกก็คงอยากจะเลิกสูบบุหรี่เหมือนกันเพราะเห็นแกเอาบุหรี่ที่สูบอยู่จิ้มที่พื้นซิเมนต์ เพื่อดับบุหรี่

ตั้งแต่วันนั้นผ่านไปก็ได้พูดคุยกันหลายครั้ง ซึ่งป้าตุ๊กจะรายงานให้ทราบเป็นระยะๆ เพราะป้าตุ๊กพูดเองไม่ได้ลุงบูรณ์จะไม่ฟัง ลุงสมบูรณ์ชอบดื่มเหล้าสูบบุหรี่จัดมีเพื่อนเยอะมากกินเลี้ยงกันเป็นประจำ บางครั้งกินเลี้ยงกันที่บ้าน ถ้าเห็นดิฉันและสามีไปเจอพวกเพื่อนๆลุงบูรณ์ที่ทำงานธนาคารก็คุ้นเคยกันดีต่างก็จะบอกว่า ..หมอมาหมอมา ห้ามสูบบุหรี่... ก็จะพากันดับบุหรี่แล้วสรวลเสเฮฮากันต่อไป

ปีต่อมาธนาคารจะให้ลงบูรณ์ย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ที่สูงขึ้นลุงบูรณ์บอกว่า แกไม่ไป ได้มาอยู่บ้านแล้วถ้าจะให้ย้ายจะลาออกเลยมาทำกิจการส่วนตัวทางญาติพี่น้องก็ไม่ว่าอะไรแล้วแต่ลุงสมบูรณ์จะตัดสินใจในที่สุด

ลุงสมบูรณ์ก็ลาออกจากธนาคารมาทำกิจการของตัวเองที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จากหนุ่มธนาคารมาทำไร่ เลี้ยงปลา สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปมาก คนงานก็สูบบุหรี่ดื่มเหล้าลุงสมบูรณ์ก็สูบบุหรี่ดื่มเหล้า หนักกว่าเดิมเพราะต้องอยู่คนเดียวที่ไร่ ภรรยาและลูกๆ ญาติพี่น้องอยู่จังหวัดร้อยเอ็ดนานๆครั้งป้าตุ๊กและลูกจะมาเยี่ยมและค้างคืนอยู่ด้วยเมื่อกลับมาบ้านร้อยเอ็ดป้าตุ๊กก็จะมาเล่าถึงความเป็นอยู่ต่างๆให้ฟัง

“จ๊ะ” ป้าตุ๊กเอ่ยชื่อดิฉันเมื่อเจอกัน “พี่อยากให้จ๊ะไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของพี่บูรณ์พี่พึ่งกลับมาถึงบ้าน ก็เลยรีบแวะมาบอกข่าว”ดูสภาพป้าตุ๊กอิดโรย “พี่ไปเยี่ยมพี่บูรณ์ 5 วัน มีการกินเหล้ากินยา สูบบุหรี่กันตลอด พี่ทำอาหารให้แขกแกกิน ล้างถ้วยล้างจานจนไม่มีเวลาผักผ่อน กินแล้วดึกๆยังไปส่งเพื่อนๆกลับมาเกือบสว่างปล่อยให้พี่นอนอยู่คนเดียวที่ไร่กลางป่า เหมือนไม่ห่วงพี่เลย รู้สึกแย่มากๆ” เล่าไปก็เกือบจะร้องไห้ไป เพราะเราพี่น้องกันไม่มีความลับต่อกันอยู่แล้ว

ในที่สุดก็ได้ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะจัดการกับคนสูบบุหรี่อย่างลุงสมบูรณ์ดิฉันจึงได้ชวนญาติพี่น้องทั้งครอบครัวทั้งหมดไปเยี่ยมลุงบูรณ์ที่ไร่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งจำได้ว่าเป็นช่วงเวลาใกล้จะสิ้นปีและย่างเข้าสู่เทศกาล ปีใหม่อากาศหนาวเย็นมากวันแรกที่ไปถึงก็ได้ช่วยกันทำอาหารรับประทานร่วมกันลุงบูรณ์ก็ได้เชิญเพื่อนๆที่แกรู้จักมักคุ้นมาร่วมรับประทานอาหารด้วยทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนชาวบ้านที่นับถือกัน มีการดื่มเหล้าสูบบุหรี่กันอย่างสนุกสนานกว่าจะเลิกรากันไปก็ดึกมากปรากฏว่า ลุงบูรณ์ เมามากนอนหลับโดยไม่ได้กินข้าวเลยพอตื่นเช้ามาก็มานั่งดื่มเหล้าสูบบุหรี่ดิฉันกับสามีก็ได้เข้ามาคุยด้วย

“ลุงบูรณ์ เมื่อคืนลุงบูรณ์เมามาก ไม่ได้กินข้าวเลย” ดิฉันจำเป็นต้องพูดตรงๆ“และสูบบุหรี่จัดมาก”ลุงบูรณ์เงยขึ้นมองหน้าแต่ก็ไม่พูดอะไร

“ลุงบูรณ์ เท่าที่จ๊ะเห็นสภาพที่เป็นอยู่มันเป็นการทำลายสุขภาพอย่างมาก บุหรี่ก็เต็มไปด้วยสารพิษเหล้าก็ทำให้มึนเมา ขาดสติเดินเองก็ยังไม่ได้”สังเกตเห็นลุงบูรณ์ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้ๆให้ดับ

“พี่ทำไปเพื่อสังคมมันเป็นทางเชื่อมในการคบหาสมาคมกับคนแถวนี้ พี่จะได้มีเพื่อนพวกเขาถึงจะมาช่วยทำงาน”ลุงบูรณ์ชี้แจงและก็อ้างเหตุผลของแกอีกหลายอย่างดิฉันและญาติก็พูดถึงเหตุผลต่างๆมาลบล้างเหมือนกันเพราะเราอยู่กันมานานเรารู้นิสัยใจคอซึ่งกันและกัน

“ป้าตุ๊กแกก็เสียใจนะที่เห็นลุงบูรณ์กินเหล้าสูบบุหรี่จัดอย่างนี้

“ลุงบูรณ์ จ๊ะเคยบอกลุงบูรณ์แล้วว่าจ๊ะเป็นเจ้าของโครงการเลิกบุหรี่เป็นผู้ดำเนินงานกับเครือข่ายทั้งจังหวัดและอำเภอป้าตุ๊กเองก็ทำโครงการเลิกบุหรี่ในโรงเรียนแต่ถ้าลุงบูรณ์ซึ่งเป็นเหมือนพี่ชายจ๊ะและเป็นสามีของครูตุ๊กยังกินเหล้าสูบบุหรี่อย่างที่เห็นอยู่นี้พวกจ๊ะและป้าตุ๊กจะทำโครงการสำเร็จได้อย่างไร”ดิฉันพูดไป

ด้วยน้ำเสียงปกติและเชิงขอร้องขอความเห็นใจ“ถ้าลุงบูรณ์ไม่เห็นแก่สุขภาพตัวเองก็ให้เห็นแก่น้องๆ ลูก เมีย และครอบครัวพี่น้องเราบ้างคนแถวนี้ที่เขาเห็นสภาพลุงบูรณ์ขี้เมาสูบบุหรี่จนตัวเหม็นขนาดนี้จะมีใครยกย่อง ลุงบูรณ์ในทางที่ดีไหม” ดิฉันได้โอกาสที่ลุงบูรณ์นั่งนิ่งก็เลยพูดไปอีกหลายอย่างป้าตุ๊กและคนอื่นๆก็ไม่เห็นด้วยกับการกินเหล้า สูบบุหรี่ของลุงบูรณ์

พอถึงตอนเย็นวันเดียวกันนั้น ก็มีการกินเลี้ยงสนุกเฮฮากันอีกในสภาพเดิม ลุงบูรณ์ก็สูบบุหรี่ และเมาเหมือนเดิมขณะที่เมาก็คุยโวตามประสาคนเมาป้าตุ๊ก ดิฉัน และน้องๆ ก็เลยปรึกษาหารือกันว่า เราจะเดินทางกลับบ้านกันในตอนเช้าไม่อยู่ดูสภาพลุงบูรณ์อีกต่อไปแต่ยังไม่บอกลุงบูรณ์คนที่น่าสงสารที่สุดคือ ป้าตุ๊ก ซึ่งเสียใจกับพฤติกรรมของสามีเป็นอย่างมาก

ตื่นเช้าพวกเราก็แบ่งภาระกันทำอาหารเช้า และเก็บสัมภาระขึ้นรถ เตรียมเดินทางคนงานชาวบ้านที่สนิทกับลุงบูรณ์ก็มาร่วมทานอาหารเช้าดื่มเหล้าสูบบุหรี่เหมือนเคยลุงบูรณ์ก็ยังมึนๆอยู่และสูบบุหรี่ตามปกติแต่แกก็แปลกใจที่เห็น ภรรยาและน้องๆเก็บของขึ้นรถ ป้าตุ๊กและดิฉัน เป็นคนบอกลุงบูรณ์ว่า พวกเราจะกลับบ้าน

“ทำไมต้องรีบกลับ” ลุงบูรณ์ถาม

“ถ้าลุงบูรณ์ไม่เลิกสูบบุหรี่พวกเราจะไม่มาเยี่ยมลุงบูรณ์อีก” ดิฉันบอกไปอย่างเด็ดขาดแล้วก็พากันขึ้นรถ

“อย่าพึ่งไปอย่าพึ่งกลับ”ลุงบูรณ์ร้องไห้ กวักมือเรียก พร้อมกับตะโกนออกมาซ้ำๆหลายครั้งพวกคนงาน 2 คน ก็มาช่วยพยุงให้ยืนได้“พี่ไม่มีใคร พี่ไม่มีญาติ อือๆๆๆๆ” แกเดินตามขบวนรถของน้องๆที่ขับออกมาจากไร่ ภาพนี้ยังจำติดตาไม่ลืม

หลังจากเดินทางออกมาแล้ว ดิฉันก็ไม่รู้ว่าสภาพความเป็นอยู่ของลุงบูรณ์จะเป็นอย่างไรแต่ป้าตุ๊กก็ได้บอกคนงานที่ไร่ให้ช่วยดูแลสามีของแกด้วย และได้กำชับให้เลิกดื่มเหล้า และเลิกสูบบุหรี่

วันรุ่งขึ้นป้าตุ๊กได้รับโทรศัพท์จากลุงบูรณ์ “ฮัลโลตุ๊ก พี่ขอโทษนับแต่นี้ต่อไปพี่จะไม่สูบบุหรี่พี่จะเลิกสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาดเพื่อตุ๊ก เพื่อลูกและเพื่อน้องๆครอบครัวเราทุกคน พี่สัญญา”

ป้าตุ๊กดีใจมากและได้พูดยกย่องให้กำลังใจสามีหลายอย่าง เสร็จแล้วก็รีบมาเล่าให้ดิฉันฟังเป็นการด่วนและดิฉันก็ได้รับโทรศัพท์บอกเลิกสูบบุหรี่จากลุงบูรณ์เช่นกัน

ลุงสมบูรณ์ทำไร่ที่เพชรบูรณ์ประมาณ 3 ปี ก็กลับมาอยู่บ้านร้อยเอ็ดกับครอบครัว โครงการรณรงค์เลิกบุหรี่ที่ดิฉันดำเนินการอยู่ก็ได้เชิญลุงสมบูรณ์มาเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ชาวบ้านและเยาวชนในการเลิกสูบบุหรี่ด้วยตนเองลุงสมบูรณ์บอกว่า วิธีที่แกเลิกสูบบุหรี่คือ จิตใจและความตั้งใจที่เด็ดขาด ที่เรียกว่า “หักดิบ” โดยได้แรงบันดาลใจจากครอบครัวปัจจุบันลุงสมบูรณ์เลิกสูบบุหรี่มาแล้ว 6 ปีและเหม็นบุหรี่เป็นที่สุด.

.............................................

ศจย . :www.trc.or.th

 22 ก.ย.57

หมายเลขบันทึก: 576552เขียนเมื่อ 22 กันยายน 2014 10:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน 2014 10:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท