ธารินทร์ เพ็ญวรรณ : เพื่อน 2


เนื่องจากความปวดของนัทมีหลายองค์ประกอบ ทีมผมจึงคอยมาติดตามและปรับยาอย่างใกล้ชิดซึ่งก็ไม่ช่วยลดอาการปวดของเขาได้มากนัก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะก้อนมีขนาดใหญ่มาก และเขามีความปวดอย่างอื่นร่วมด้วย ระหว่างนั้นก็ติดต่อไปยังโรงเรียนที่นัทเรียนอยู่ด้วย ทางโรงเรียนตัดสินใจว่าจะพาคุณครูที่นัทรักและเคารพมากรวมไปถึงเพื่อนๆมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล

เมื่อถึงวันนัด มีครูและนักเรียนมากันมากมาย รวมๆแล้วน่าจะมากกว่า 50 คน สะท้อนให้เห็นว่านัทเป็นที่รักของทุกคนขนาดไหน ทางทีมแนะนำครูและนักเรียนว่าให้แบ่งเป็นกลุ่มย่อยเพื่อเข้าเยี่ยม เนื่องจากห้องผู้ป่วยไม่ใหญ่พอที่จะจุคนมากกว่า 50 คนเข้าไปได้

วันนั้นนัทค่อนข้างอ่อนเพลีย เนื่องจากแพทย์เจ้าของไข้เพิ่งปรับยาที่ให้ไปและผมเพิ่งสั่งฉีดยาระงับปวดให้ไปก่อนหน้า เด็กหนุ่มนอนฟุบอยู่กับหมอน ดูไม่สนใจสภาพแวดล้อมรอบข้าง

“นัท...ครูมาเยี่ยมนะลูก พาเพื่อนๆมาด้วย” ครูติ๋ว ครูสอนภาษาอังกฤษที่นัทรักมากเริ่มทักทาย นัทเริ่มหันมามองครู พยายามยันตัวขึ้น

“ครูและเพื่อนๆแวะมาให้กำลังใจนะ...นี่ไงทุกคนเขียนคำอวยพรมาให้ แล้วก็มีนกกระเรียนมาให้ด้วยนะ ทุกคนภาวนาอยากให้นัทดีขึ้นนะลูก” มาถึงตอนนี้ครูพร คุณครูอีกคนหนึ่งถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ไหว เดินออกไปร้องไห้นอกห้อง เด็กผู้หญิงหลายๆคนยืนน้ำตาไหลเงียบๆ ส่วนเด็กผู้ชายบางคนก็ปล่อยโฮออกมาแบบไม่อายใคร

นัทรับกล่องใส่นกกระเรียนพันตัวที่เพื่อนๆพับมาให้อย่างอ่อนแรงก่อนที่จะส่งต่อให้แม่ ตามด้วยกระดาษที่เพื่อนๆเขียนให้กำลังใจ รวมไปถึงของขวัญอีกหลายๆอย่าง เด็กๆคนอื่นๆที่ยังไม่ถึงคิวเข้าเยี่ยมพากันทนรอไม่ไหว ยืนเบียดเสียดเข้ามาในห้องพัก บางคนก็ออกไปยืนตรงระเบียงด้านนอก เกาะกระจก จ้องมองเพื่อนของตนด้วยความเป็นห่วง


“ไงวะมึง” กลุ่มเด็กผู้ชายเริ่มมารายล้อมที่เตียง บางคนก็ฝืนยิ้มไว้ บางคนก็พยายามยิ้มทั้งน้ำตา พวกเขานั่งถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาเพื่อนสนิท

“พวกกูรอมึงอยู่นะ” พูดถึงตอนนี้นัทก็เริ่มตัวสั่นเทิ้ม ผมจึงรีบแหวกวงล้อมเดินเข้าไปหานัททันที

“นัท เป็นยังไงบ้างลูก?” 

“ผม...ปวด...ปวดมาก” 

“งั้นเดี๋ยวหมอจะสั่งยาแก้ปวดเพิ่มให้นะ” ผมสั่งยาแก้ปวดเพิ่มทันที ถึงแม้จะรู้อยู่ว่าความปวดและความแน่นอกของเด็กคนนี้ไม่ได้มาจากตัวก้อนอย่างเดียว แต่นั่นเป็นอย่างหนึ่งที่ผมพอทำได้ ณ ตอนนั้น

“ผมอยากกลับบ้าน...” นัทพูดเสียงสั่น ถึงตอนนี้ Camille คู่หูของผมอีกคนก็ถามผมเป็นภาษาอังกฤษว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อผมอธิบายสถานการณ์ไปว่านัทรู้สึกยังไง เธอก็นั่งลงข้างเตียง โอบเด็กหนุ่มไว้และพูดกับเขาอย่างอ่อนโยน

“Your home is here. Your family, your friends, they are all here for you. They are your cheering squad”

(“บ้านของนัทอยู่ที่นี่แล้วนะ ทั้งพ่อแม่ เพื่อนๆ ทุกคนมารวมกันที่นี่เพื่อให้กำลังใจนัทนะ”)

เมื่อผมแปลประโยคเมื่อครู่ให้ทุกคนในห้อง นัทระเบิดน้ำตาออกมาทันที วันนั้นเป็นวันที่ผมพยายามสุดชีวิตที่จะไม่หลั่งน้ำตาออกมา

“นัท..หมอเข้าใจนะว่านัทอยากกลับบ้าน อยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม ที่โรงเรียน กับเพื่อนๆ กับทุกคน แต่ก็เหมือนที่ Camille พูดนะว่าวันนี้บ้านของนัท คนสำคัญในชีวิตนัทมาอยู่ที่นี่แล้ว” ผมนึกขอบคุณ Camille ที่ช่วยปูประโยคที่งดงามมากให้กับผม นึกในใจไปว่าจะไปเลี้ยงมื้อเย็นตอบแทนเธอที่ช่วยผมไว้ในวันนี้

“หมอจะพยายามปรับยาให้นัทอยู่อย่างสบายที่สุด ไม่ปวด ไม่เหนื่อย หากนัทพอทนได้ หมอคิดว่าอาจจะให้กลับไปพักที่บ้านได้ซักคืนแล้วค่อยกลับมารักษาต่อ นัทคิดว่าไงครับ?” นัทพยักหน้าเงียบๆหลังจากปล่อยโฮออกมาหมดแล้ว จากนั้นเด็กๆก็ร้องเพลงขึ้นมาพร้อมกัน

มันเป็นเพลงที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงโศกสลด ไม่มีความพร้อมกัน ไม่มีความสูงต่ำของโทนเสียง เต็มไปด้วยเสียงสะอื้นและหยาดน้ำตา แต่มันก็เป็นเพลงโปรดของนัทและเป็นเพลงที่มาจากใจทุกคน

“...ตั้งแต่มาเจอเธอเท่านั้นช่างสุขใจเหลือเกิน

ขอร้องให้เธออย่าเมินช่วยรักษาใจ

พี่จ๋าถ้าพูดจริงน้องก็คงรับได้

ถ้าไม่ได้มาหลอกน้องก็เต็มใจจะรักกัน

พี่ไม่ได้มาหลอก

รักของเราจะคงอยู่แสนนาน....”

(ส่วนหนึ่งจากเพลง ภูมิแพ้กรุงเทพ

คำร้อง/ทำนอง/เรียบเรียง: นครินทร์ กิ่งศักดิ์)

...อ้างอิง http://sz4m.com/t9506

ถึงตอนนี้ผมเองก็ไม่กลั้นน้ำตาอีกแล้ว ผมบอกเด็กๆตอนที่เจอพวกเขาตอนแรกว่าให้ปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ อาจไม่จำเป็นต้องพูดแต่เรื่องดีๆหรือแค่ให้กำลังใจ เรารู้สึกอย่างไรก็พูดไป หากร้องไห้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ และผมเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน

วันรุ่งขึ้นพวกผมปรับยาอีกรอบและให้รถรพ.ไปส่งเขาที่บ้านพร้อมทั้งติดต่อประสานงานกับรพ.ใกล้เคียงเพื่อส่งตัวประวัติผู้ป่วย อาการปวดของนัทลดลงอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างที่เดินทางกลับบ้านก็ขอยาแก้ปวดเพิ่มแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ทั้งๆที่ปกติจะขอเพิ่มวันละ 4-5 รอบ เมื่อถึงบ้านเขาก็พักผ่อนในห้องของตนและนอนหลับไปโดยมีเพื่อนสนิทของเขา 2 คนนอนอยู่เคียงข้าง

แม่ของนัทเล่าว่าคืนนั้นเป็นคืนแรกที่เขานอนราบบนเตียงได้ ไม่ปวดหรือหอบเหนื่อย ไม่ตื่นขึ้นมากรีดร้องฟูมฟายเหมือนทุกครั้ง

เพราะว่าเขาได้กลับมาถึงบ้านแล้วนั่นเอง....

หมายเลขบันทึก: 576215เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2014 16:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน 2014 21:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท