การสอบข้อเขียนความรู้ชั้นเนติบัณฑิต วิชากฎหมายอาญา (ข้อที่1) สมัยที่ 61-65


คำถาม 10 ข้อ ให้เวลาตอบ 4 ชั่วโมง (14.00 น. ถึง 18.00 น.) ให้ยกเหตุผลประกอบ

สมัยที่ 61 ปีการศึกษา 2551

ข้อ1. ร้อยตำรวจเอกเก่งและสิบตำรวจเอกขาวขับรถจักรยานยนต์ออกตรวจท้องที่ตามอำนาจหน้าที่ (1) พบนายแดงกับนายดำกำลังขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดป้ายทะเบียนรถทั้งสองคันอย่างคึกคะนองด้วยความเร็วสูงบนถนนหลวง (2) จึงได้ให้สัญญาณให้หยุดรถเพื่อตรวจจับ แต่นายแดงและนายดำไม่ยอมหยุดและได้ขับรถจักรยานยนต์หนีไป (3) ร้อยตำรวจเอกเก่งและสิบตำรวจเอกขาวจึงขับรถจักรยานยนต์ไล่ตามจนทันและจับกุมตัวนายแดงไว้ได้แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหา (4) ครั้นร้อยตำรวจเอกเก่งกำลังจะใส่กุญแจมือนายแดงเพื่อนำส่งสถานีตำรวจ (5) นายแดงไม่ยอมให้ใส่ดิ้นรนขัดขืนหลบหนีไปโดยขับรถจักรยานยนต์ของตนไปด้วย (6) ส่วนนายดำได้ใช้รถจักรยานยนต์ของตนที่ขับมาพุ่งชนสิบตำรวจเอกขาวเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส (7) รถจักรยานยนต์เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า นายดำถึงแก่ความตาย (8) ร้อยตำรวจเอกเก่งจึงยึดรถจักรยานยนต์ของนายดำเป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ให้วินิจฉัยว่า นายแดง นายดำ มีความผิดฐานใดหรือไม่ และรถจักรยานยนต์ของกลาง จะริบได้หรือไม่

จากโจทย์ วินิจฉัยกรณี (1) พฤติการณ์การต่อสู้ ขัดขวางการจับกุม (2) พฤติการณ์การคุมขัง การหลบหนีจากที่คุมขัง (3) การริบของกลาง

ประเด็นที่ต้องตอบ (1) นายแดง มีความผิดฐานใดหรือไม่ (2) นายดำ มีความผิดฐานใดหรือไม่ (3) รถจักรยานยนต์ของกลาง จะริบได้หรือไม่ หลักกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (12),38 , 138, 190 วรรคแรกและ 298

มาตรา 1 ในประมวลกฎหมายนี้

(12) คุมขัง หมายความว่า คุมตัว ควบคุม ขัง กักขังหรือจำคุก

มาตรา 38 โทษให้เป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำ ความผิด

มาตรา 138 ผู้ใดต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วย เจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการ ต่อสู้หรือขัดขวางนั้น ได้กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือ ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 190 วรรคแรก ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจ สืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าความผิดดังกล่าวมาในวรรคแรกได้กระทำโดยแหกที่คุมขัง โดยใช้ กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยร่วมกระทำ ความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 298 ผู้ใดกระทำความผิดตาม มาตรา 297 ถ้าความผิด นั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 289 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี

คำตอบ ข้อเท็จจริงตามปัญหา แยกพิจารณาได้ดังนี้ร้อยตำรวจเอกเก่งและสิบตำรวจเอกขาวได้ให้สัญญาณให้นายแดงและนายดำหยุดรถ การที่นายแดงและนายดำไม่ยอมหยุดและได้ขับรถหนีไปจนต้องไล่ตามจับ พฤติการณ์เพียงเท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของนายแดงและนายดำเป็นการต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน จึงไม่เป็นความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 2401/2545) นายแดงถูกจับกุมตัวถึงแม้ยังมิได้แจ้งข้อหาก็เป็นการถูกคุมขังแล้วตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1 (12) (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 772/2536) การที่นายแดงหลบหนีไปจึงเป็นการหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา จึงมีความผิดตามมาตรา 190 วรรคแรก

และการที่นายแดงดิ้นรนขัดขืนไม่ยอมให้ร้อยตำรวจเอกเก่งใส่กุญแจมือ ถือเป็นการต่อสู้ขัดขวาง เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่เป็นความผิดตามมาตรา 138 วรรคแรก

ส่วนนายดำใช้รถจักรยานยนต์ของตนขับพุ่งชนสิบตำรวจเอกขาวจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 298

สำหรับรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดนั้น เมื่อนายดำถึงแก่ความตาย โทษย่อมเป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิดตามมาตรา 38 จึงไม่อาจริบรถจักรยานยนต์ของกลางได้

ด้วยเหตุผลดังได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น การกระทำของนายแดงและนายดำยังไม่ถือเป็นความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่

นายแดงถูกจับกุมตัวถึงแม้ยังมิได้แจ้งข้อหาก็เป็นการถูกคุมขังแล้วเมื่อนายแดงหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังมีความผิดฐานหลบหนีระหว่างถูกคุมขัง

นายแดงดิ้นรนขัดขืนไม่ยอมให้ใส่กุญแจมือ ถือเป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าหน้าที่

นายดำใช้รถจักรยานยนต์ขับพุ่งชนสิบตำรวจเอกขาวได้รับอันตรายสาหัสเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ได้รับอันตรายสาหัส

รถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด เมื่อนายดำถึงแก่ความตาย โทษย่อมเป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิด จึงไม่อาจริบรถจักรยานยนต์ของกลางได้

สมัยที่ 62 ปีการศึกษา 2552

ข้อ 1. นายซิงห์ นายราม เป็นเพื่อนกันโดยสารเครื่องบินสายการบินแอร์อินเดียเพื่อเดินทางจากประเทศอินเดียไปยังประเทศออสเตรเลีย (1) ขณะที่เครื่องบินจอดรับส่งผู้โดยสารที่สนามบินสุวรรณภูมิ พันตำรวจโทเด่น กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่ามีผู้โดยสารลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทยจึงเข้าตรวจค้นในเครื่องบิน (2) พบนายซิงห์มีพิรุธจึงขอตรวจค้นกระเป๋าถือของนายซิงห์พบเฮโรอีนหนึ่งห่อจึงยึดมาถือไว้ (3) ในขณะนั้นนายซิงห์กลัวความผิดจึงล้วงเอายาเสพติด(ยาบ้า) ที่ซ่อนในกางเกงใส่ปากเคี้ยว (4) พันตำรวจโทเด่น จึงล้วงเอายาเสพติด (ยาบ้า) ออกจากปากนายซิงห์ยึดเป็นของกลาง (5) ในขณะนั้นเองนายรามเกรงว่านายซิงห์จะต้องรับโทษจึงคว้าเอากระเป๋าถือของนายซิงห์จากพันตำรวจโทเด่น และนำเข้าไปในห้องน้ำเครื่องบิน แล้วเอาเฮโรอีนทิ้งลงในโถส้วมและกดน้ำทิ้ง (6) พันตำรวจโทเด่น ควบคุมตัวนายซิงห์ นายรามพร้อมยาเสพติด (ยาบ้า) ของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนท้องที่ที่เกิดเหตุ

ให้วินิจฉัยว่า นายซิงห์และนายราม มีความผิดฐานใด หรือไม่ และต้องรับโทษในราชอาณาจักรหรือไม่

จากโจทย์ วินิจฉัยกรณี (1) การกระทำความผิดในราชอาณาจักร (2) การทำลายพยานหลักฐาน

ประเด็นที่ต้องตอบ (1) นายซิงค์ มีความผิดฐานใดหรือไม่ (2) นายราม มีความผิดฐานใดหรือไม่ (3) ต้องรับโทษในราชอาณาจักรหรือไม่

หลักกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 4 วรรคแรก , 142, และ 184 วรรคแรก

มาตรา 4 ผู้ใดกระทำความผิดในราชอาณาจักร ต้องรับโทษตาม กฎหมาย

มาตรา142ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่ง“ทรัพย์สินหรือเอกสาร”ใด ๆอันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่ง เพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่น ส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา184ผู้ใดเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลงทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

คำตอบ ข้อเท็จจริงตามปัญหา แยกพิจารณาได้ดังนี้นายซิงห์เอายาเสพติด (ยาบ้า) ที่ซ่อนในกางเกงใส่ปากเคี้ยว เป็นการทำลายพยานหลักฐานก่อนที่ พันตำรวจโทเด่นเจ้าพนักงานได้ยึดไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐานจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 142

การที่นายรามคว้าเอากระเป๋าถือของนายซิงห์เข้าไปในห้องน้ำ แล้วเอาเฮโรอีนทิ้งลงในโถส้วมและกดน้ำทิ้ง เป็นการทำลายทรัพย์อันเจ้าพนักงานได้ยึดไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐานแล้วเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 142 และเป็นการกระทำเพื่อช่วยนายซิงห์มิให้ต้องรับโทษโดยทำลายซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดเป็นความผิดตามมาตรา184 อีกบทหนึ่ง

การกระทำความผิดเกิดขึ้นในเครื่องบินสายการบินแอร์อินเดียขณะที่จอดอยู่ในประเทศไทยเป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักรไทย ต้องรับโทษตามกฎหมายไทย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 4 วรรคแรก

ด้วยเหตุผลดังได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น นายซิงค์ทำลายพยานหลักฐานก่อนถูกจับกุม ไม่ถือเป็นความผิดฐานทำลายพยานหลักฐาน

นายรามเอาเฮโรอีนทิ้งลงในโถส้วมและกดน้ำทิ้ง เป็นการทำลายทรัพย์อันเจ้าพนักงานได้ยึดไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐานแล้วเป็นความผิดฐานทำลายพยานหลักฐาน และเป็นการกระทำเพื่อช่วยนายซิงห์มิให้ต้องรับโทษโดยทำลายซึ่งพยานหลักฐาน

การกระทำความผิดในราชอาณาจักรไทย ต้องรับโทษตามกฎหมายไทย

สมัยที่ 63 ปีการศึกษา 2553

ข้อ 1. บริษัท เอก จำกัด ได้รับงานจ้างก่อสร้างโรงรถในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของรัฐ (1) มหาวิทยาลัยได้แต่งตั้งนายดวง ข้าราชการพลเรือน ตำแหน่งวิศวกรชำนาญการ มีหน้าที่เป็นผู้ควบคุมงานและรายงานผลการดำเนินงานก่อสร้างแก่มหาวิทยาลัย (2) และได้แต่งตั้งนายชาญ ข้าราชการพลเรือน ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดซื้อครุภัณฑ์ทั่ว ๆ ไปของมหาวิทยาลัยเป็นกรรมการตรวจการจ้าง มีหน้าที่ตรวจรับงานจ้างโรงรถอีกหน้าที่หนึ่ง (3) บริษัท เอก จำกัด ก่อสร้างงานเสร็จส่งมอบงานให้นายดวงพิจารณา (4) นายดวงอยากได้เงินสักก้อนเพื่อไปให้ผู้บังคับบัญชาจึงขอให้บริษัทเอก จำกัด จัดมาให้ตนโดยพูดว่าหากไม่ให้ตนอาจจะรายงานในทางให้คุณหรือให้โทษ โดยอาจจะบันทึกว่างานนั้นยังไม่เสร็จบริบูรณ์ตามสัญญาจ้างก็ได้ (5) แต่บริษัทเอก จำกัด ก็ไม่นำเงินมาให้ (6) นายดวงเห็นว่าหากรอเรื่องไว้จะเป็นความผิด จึงรายงานว่าบริษัทเอก จำกัด ได้ก่อสร้างถูกต้องตามแบบแล้ว (7) มหาวิทยาลัยจึงส่งเรื่องให้นายชาญกรรมการตรวจการจ้างตรวจรับงาน นายชาญจะต้องเดินทางไปต่างประเทศ จึงรีบลงลายมือชื่อในหนังสือรับมอบงานโดยไม่ได้ไปตรวจงานตามหน้าที่ (8) บริษัทเอก จำกัด ได้เงินจากมหาวิทยาลัยแล้วแต่ไม่ได้มอบเงินให้นายดวง

ให้วินิจฉัยว่า นายดวง นายชาญ มีความผิดฐานใดหรือไม่

จากโจทย์ วินิจฉัยกรณี (1) ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ (2) เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือ รักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต (3)เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ (4) เจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสารรับรองเป็นเท็จ

ประเด็นที่ต้องตอบ (1) นายดวง มีความผิดฐานใดหรือไม่ (2) นายชาญ มีความผิดฐานใดหรือไม่

หลักกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 , 151, 157 และ 162 (1)

มาตรา 148 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต

มาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือ รักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

มาตรา 157ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือ ทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 162 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการ ตามหน้าที่ (1) รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่า การอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ

คำตอบ ข้อเท็จจริงตามปัญหา แยกพิจารณาได้ดังนี้นายดวงเรียกร้องเงินจากบริษัทเอก จำกัด โดยพูดว่าหากไม่ให้เงินตนอาจจะรายงานในทางให้คุณหรือให้โทษ โดยอาจจะบันทึกว่างานนั้นยังไม่เสร็จบริบูรณ์ตามสัญญาจ้างก็ได้ การกระทำของนายดวงเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบจูงใจเพื่อให้บริษัทเอก จำกัด ให้เงินแก่นายดวง อันเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 แล้ว แม้นายดวงจะอ้างว่าเรียกร้องให้ผู้บังคับบัญชาและบริษัทเอก จำกัด ไม่ได้ส่งมอบเงินให้นายดวงก็ตาม (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 3953/2530)

แม้นายชาญมีหน้าที่ในการจัดซื้อครุภัณฑ์ทั่วๆ ไปของมหาวิทยาลัย แต่เมื่อนายชาญได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจการจ้าง มีหน้าที่ตรวจรับงานจ้าง กลับลงลายมือชื่อในหนังสือรับมอบงานโดยไม่ได้ไปตรวจงานตามหน้าที่ นายชาญย่อมมีความผิดฐานเจ้าพนักงานรับรองหลักฐานอันเป็นความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (1) และเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157(เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 3003-3005/2525) แต่นายชาญไม่มีความผิดตามมาตรา 151 เพราะการเป็นกรรมการตรวจการจ้างมิใช่เป็นการกระทำอันเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตเกี่ยวกับหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดของมหาวิทยาลัย (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 1870/2522)

ด้วยเหตุผลดังได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น นายดวงเรียกร้องเงินจากบริษัทเอก จำกัด เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ แม้ ไม่ได้ส่งมอบเงิน

นายชาญ มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานรับรองหลักฐานอันเป็นความเท็จและเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

สมัยที่ 64 ปีการศึกษา 2554

ข้อ 1. นายชัย คนไทยเป็นลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถยนต์ของสถานทูตไทยในประเทศปานากัว (1) นายเด่น เป็นข้าราชการประจำสถานทูตไทยมีหน้าที่รับเรื่องการซ่อมยานพาหนะและกรอกข้อความในใบสั่งซ่อมรถยนต์เพื่อเสนอนายเก่ง อุปทูตลงลายมือชื่อในใบสั่งซ่อมรถยนต์ (2) นายเด่นใช้ให้นายชัยขับรถของสถานทูตไปส่งของส่วนตัวของตนที่สนามบิน (3) นายชัยขับรถด้วยความคึกคะนอง รถเสียหลักเฉี่ยวชนต้นไม้ข้างทางได้รับความเสียหายโคมไฟหน้ารถหลุดจึงลักเก็บเอาไว้เป็นของตน (4) นายชัยขับรถกลับมาสถานทูตและขอให้นายเด่นออกใบสั่งซ่อมรถยนต์ (5) นายเด่นเกรงว่าบังคับบัญชาจะรู้ว่าตนใช้ให้นายชัยนำรถราชการไปใช้ส่วนตัวจนรถได้รับความเสียหาย (6) นายเด่น จึงนำ ใบสั่งซ่อมรถยนต์ที่ตนรับผิดชอบมากรอกข้อความว่ารถเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่

ราชการแล้วลงลายมือชื่อนายเก่งปลอมในใบสั่งซ่อมรถยนต์เสียเอง (7) แต่ยังไม่ทันได้มอบให้นายชัย นายเก่งทราบเรื่องทั้งหมดเสียก่อน (8) ต่อมานายชัย นายเด่นจึงถูกส่งตัวกลับมาประเทศไทย (9) และนายเก่งเดินทางกลับประเทศไทยแล้วแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่นายชัยและนายเด่น

ให้วินิจฉัยว่า นายชัยและนายเด่นมีความผิดฐานใด และต้องรับโทษในราชอาณาจักรหรือไม่

จากโจทย์ วินิจฉัยกรณี (1) ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ (2) เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือ รักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต (3)เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ (4) เจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสารรับรองเป็นเท็จ (5) ทำผิดนอกราชอาณาจักรและคนไทยเกี่ยวข้องด้วย

ประเด็นที่ต้องตอบ (1) นายชัย มีความผิดฐานใดหรือไม่ (2) นายเด่น มีความผิดฐานใดหรือไม่

(3) ต้องรับโทษในราชอาณาจักรหรือไม่

หลักกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 วรรคหนึ่ง (ก) และวรรคสอง (8), 9, 147, 157, 161,162 (1), 265, 335(11),

มาตรา 8 ผู้ใดกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร และ

  • (ก)ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้น หรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ
  • ถ้าความผิดนั้นเป็นความผิดดังระบุไว้ต่อไปนี้ จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร คือ (8) ความผิดฐานลักทรัพย์ และวิ่งราวทรัพย์ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 334ถึงมาตรา 336

มาตรา 147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

มาตรา 335 ผู้ใดลักทรัพย์

(11)ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง

คำตอบ ข้อเท็จจริงตามปัญหา แยกพิจารณาได้ดังนี้นายชัยคนไทยเป็นลูกจ้างไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน ขับรถยนต์ของสถานทูตไทยชนต้นไม้ทำ ให้รถยนต์ได้รับความเสียหายและลักเอาโคมไฟหน้ารถไปเป็นของตนนั้น การกระทำ ของนายชัยจึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รักษาทรัพย์เบียดบังเอาทรัพย์เป็นของตนโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา147 แต่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ของนายจ้างตามมาตรา 335 (11) นอกราชอาณาจักร

และนายเก่งอุปทูตคนไทยเป็นผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ นายชัยต้องรับโทษในราชอาณาจักร ตามมาตรา8 วรรคหนึ่ง (ก) และวรรคสอง (8)

นายเด่นเป็นข้าราชการสถานทูตไทยในประเทศปานากัว จึงเป็นเจ้าพนักงานของรัฐบาลไทยมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารใบสั่งซ่อมรถยนต์ เพื่อเสนอนายเก่งอุปทูตลงลายมือชื่อในใบสั่งซ่อมรถยนต์ได้กระทำ การกรอกข้อความลงในใบสั่งซ่อมรถยนต์อันเป็นเท็จและปลอมลายมือชื่อของนายเก่งอุปทูต การกระทำของนายเด่นจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ เอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำ การปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา161 (เทียบคำ พิพากษาฎีกาที่635/2507) และมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตตามมาตรา157 ด้วย (เทียบคำ พิพากษาฎีกาที่ 265/2543)

นายเด่นเป็นเจ้าพนักงานของรัฐบาลไทยกระทำความผิดดังกล่าวนอกราชอาณาจักร อันเป็นความผิดที่ระบุไว้ในมาตรา9 นายเด่นจึงต้องรับโทษในราชอาณาจักร

นอกจากนั้น นายเด่นยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ฐานปลอมเอกสารราชการซึ่งความผิดดังกล่าวระบุไว้ในมาตรา8 วรรคสอง (2) ซึ่งนายเก่งผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษแล้วตามมาตรา8 วรรคหนึ่ง (ก) นายเด่นจึงต้องรับโทษตามมาตรา265 ในราชอาณาจักรด้วย

ด้วยเหตุผลดังได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น นายชัยคนไทยเป็นลูกจ้างลักเอาโคมไฟหน้ารถไม่เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รักษาทรัพย์เบียดบังเอาทรัพย์เป็นของตนโดยทุจริต แต่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ของนายจ้าง นอกราชอาณาจักร ต้องรับโทษในราชอาณาจักร

นายเด่นเป็นข้าราชการสถานทูตไทยในประเทศปานากัว กรอกข้อความลงในใบสั่งซ่อมรถยนต์อันเป็นเท็จและปลอมลายมือชื่อของนายเก่งอุปทูต การกระทำของนายเด่นจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ เอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำ การปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต นายเด่นเป็นเจ้าพนักงานของรัฐบาลไทยกระทำความผิดดังกล่าวนอกราชอาณาจักร ต้องรับโทษในราชอาณาจักร และนายเด่นยังมีความผิด ฐานปลอมเอกสารราชการซึ่งความผิดต้องรับโทษ ในราชอาณาจักรด้วย

สมัยที่ 65 ปีการศึกษา 2555

ข้อ 1. นายใสเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งหัวหน้าส่วนโยธาขององค์การบริหารส่วนตำบลดีงามได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ควบคุมงานกรรมการตรวจการจ้างทำถนนความยาว 1,350 เมตร (1) มีนายขาวซึ่งเป็นกำนันและเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งกรรมการบริหารส่วนตำบลดีงามเป็นประธานกรรมการตรวจการจ้าง (2) ซึ่งนายขาวนำห้างหุ้นส่วนจำกัดซื่อตรงของนายขาวเข้าทำสัญญาทำถนนกับองค์การบริหารส่วนตำบลดีงามและ (3) แอบนำรถยนต์ขององค์การบริหารส่วนตำบลดีงามที่นายขาวมีหน้าที่จัดการดูแลรักษามาใช้ขนอุปกรณ์ทำถนน (4) ต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัดซื่อตรงขอส่งมอบงานนายขาวและนายใสไม่ได้ออกไปตรวจรับ (5) แต่ทำเอกสารตรวจรับงานว่า ตรวจรับแล้วผู้รับเหมาทำถนนแล้วเสร็จถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา (6) ความจริงถนนที่ทำเสร็จมีความยาวเพียง 1,024 เมตร (7) องค์การบริหารส่วนตำบลดีงามก็ได้จ่ายเงินค่าจ้างทั้งหมดให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดซื่อตรงไป

ให้วินิจฉัยว่า นายใสและนายขาวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดบ้าง

จากโจทย์ วินิจฉัยกรณี (1) เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือ รักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต (2)เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ (3) เจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสารรับรองเป็นเท็จ

ประเด็นที่ต้องตอบ (1) นายใส มีความผิดฐานใดหรือไม่ (2) นายขาวมีความผิดฐานใดหรือไม่

หลักกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,157,162(4)

มาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือ รักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือ ทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 162 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการ ตามหน้าที่

(1) รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่า การอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ

(2) รับรองเป็นหลักฐานว่า ได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มี การแจ้ง

(3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือจด เปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น หรือ

(4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ ความจริงอันเป็นความเท็จ

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

คำตอบ ข้อเท็จจริงตามปัญหา แยกพิจารณาได้ดังนี้

นายใสและนายขาวเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ตรวจผลการทำงานและตรวจรับงานทำถนนไม่ออกไปตรวจรับการก่อสร้าง แต่กลับทำเอกสารว่าตรวจรับแล้วผู้รับเหมาทำถนนแล้วเสร็จถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาทั้งที่ความจริงถนนที่ทำเสร็จมีความยาวเพียง 1,024 เมตร ไม่ใช่ 1,350เมตร ตามสัญญา การกระทำดังกล่าวเป็นการทำเอกสารเท็จทำให้เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบลดีงามที่ต้องจ่ายเงินค่าจ้างเกินไปจากผลงานและทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดซื่อตรงได้ประโยชน์เป็นเงินส่วนเกินอันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายนายใสและนายขาวจึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(4)และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามมาตรา 157

นอกจากนี้ นายขาวซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ตรวจผลการทำงานและตรวจรับงานทำถนนให้องค์การบริหารส่วนตำบลดีงามอันถือเป็นหน้าที่จัดการหรือดูแลการทำถนนนั้นนำห้างหุ้นส่วนจำกัดซื่อตรงของนายขาวเข้าทำสัญญารับเหมาทำถนนถือเป็นการเข้ามามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองเนื่องด้วยกิจการที่ตนเองมีหน้าที่จัดการหรือดูแลจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และการที่นายขาวแอบนำรถยนต์ขององค์การบริหารส่วนตำบลดีงามที่นายขาวมีหน้าที่จัดการดูแลรักษามาใช้ขนอุปกรณ์ทำถนนดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบลดีงามตามมาตรา 151 ด้วย (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 9368/2552)

ด้วยเหตุผลดังได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น นายใสและนายขาวเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ตรวจผลการทำงานและตรวจรับงานทำถนนไม่ออกไปตรวจรับการก่อสร้าง แต่กลับทำเอกสารว่าตรวจรับแล้วผู้รับเหมาทำถนนแล้วเสร็จถูกต้องเป็นการทำเอกสารเท็จทำให้เกิดความเสียหายมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสาร และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

นายขาวซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ตรวจผลการทำงานและตรวจรับงานจึงมีความผิดฐาน เข้ามามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองเนื่องด้วยกิจการที่ตนเองมีหน้าที่จัดการหรือดูแล และการที่นายขาวแอบนำรถยนต์มาใช้ขนอุปกรณ์ทำถนนดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหาย

หมายเลขบันทึก: 576206เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2014 13:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กันยายน 2014 13:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท