​มีศีล...มีน้องแล้วจ้า


ใครไม่ได้เป็นเพื่อนกันใน facebook อาจตกใจ...เรื่องนี้ต้องขยายอีกนิด แม่ดาวไม่ได้ตั้งท้องแต่อย่างใด แต่มีลูกชายเพิ่มมาอีก 1 คน เป็นเด็กชายตัวน้อยวัย 3 ขวบกว่า นิสัยร่าเริง ปรับตัวเข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่ายมาก ชอบเรียนรู้สนุกสนานตามวัยเขา

เด็กชายคนนี้เป็นหลานชายแม่ดาวเองค่า เดิมทีคุณแม่เขาเลี้ยงลุกเอง แต่มีความจำเป็นต้องกลับไปทำงานเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัวอีกแรงเนาะ เด็กน้อยคนนี้เลยไม่มีผู้ดูแล คุณแม่น้องเลยมาปรึกษาและหยิบยื่นอาชีพ “คุณแม่รับจ้าง” ให้แม่ดาว

ก่อนจะตกปากรับคำเป็นการแน่นอน ต้องมีการคุยกับทางครอบครัวตัวเองก่อน คุยกับสามีและลูก ในส่วนของลูกตอนแรกนั้นไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ออกจะดีใจที่จะมีน้องเป็นของตัวเอง ทางสามีดูจะคิดเยอะ ด้วยเป็นคนรอบคอบมากเนาะ คิดไปรอบด้าน ห่วงสุขภาพกายและจิตแม่ดาว ห่วงสุขภาพจิตลูก ฯลฯ ก็เลยคุยกันมา งั้นลองเอามาเลี้ยงสักวันก่อน ช่วงทดลองงาน ส่วนตัวเองนั้นไม่เคยคิดเลยค่ะ ว่าการเลี้ยงเด็กนั้นง่าย สบาย ๆ รู้ว่ายาก แต่อยากช่วย ยังไงก็หลาน

มีการพูดคุยคร่าว ๆ เกี่ยวกับการมีน้องชาย กับลูก ว่าการมีน้องอาจจะเป็นอย่างไรได้บ้าง ทั้งดีและไม่ดี ถามความรู้สึกความคิดเห็น ปูพื้นกันก่อนจะพาน้องเข้ามาบ้าน ลูกชายแม่ดาวก็ตื่นเต้น รอคอย เรียกว่าเป็นจังหวะที่ดีด้วย เขากำลังอยากจะมีน้องเป็นของตัวเองมาก

และวันแรกที่พวกเราได้เจอกัน เป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับใจ ทุกคนเข้ากันได้เป็นอย่างดี พอน้องกลับไป ลูกชายก็คร่ำครวญคิดถึงแต่น้อง อยากให้น้องมาเร็ว ๆ เป็นอย่างนี้ไป 2 สัปดาห์ ต่อมาก็เริ่มเป็นตัวของตัวเองกันมากขึ้นฮ่าๆๆๆ เริ่มมีปากเสียง แย่งชิง ขัดใจกันหลายเรื่อง พี่ก็ไม่ยอมน้อง น้องก็ไม่ยอมพี่ ต่างฝ่ายก็ฟ้องแม่ ...ชีวิตจริงของการมีน้องกำลังเริ่มขึ้นฮ่าๆๆๆๆ

ตั้งแต่แม่ดาวมีลูกชายคนเล็ก (เฉพาะกิจ) รู้สึกว่าตัวเองเลี้ยงลูกได้เป็นธรรมชาติมากขึ้นเยอะ ไม่ได้ยุ่งกับชีวิตลูกมากนัก แต่ก็ไม่ใช่ไม่ดูแล แต่ใช้การแลดู เว้นระยะ ไม่ได้ประชิดตามติดทุกฝีก้าว ไม่ว่าเขาจะเล่นอะไร ทำอะไร ก็มักจะอยู่ในสายตาเราเสมอ เพียงแต่ไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวอะไรมากนัก หากขัดใจกันส่วนมากแม่ดาวก็นั่งดู ใครวิ่งมาฟ้องก็รับฟัง และส่วนมากก็ให้เขาจัดการปัญหาที่ขัดใจกันเอง

ทุกครั้งเวลาน้องกลับไป แม่ดาวก็จะชวนลูกคุยว่า เป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร เขาก็จะเล่าระบายให้ฟัง ว่าขัดใจกับน้องเรื่องใด แม่ดาวจะถามให้เขาคิดถึง “ข้อดีของการมีน้อง” การมีน้องมีข้อดีอย่างไร คำตอบที่ได้ คือ มีน้องแล้วก็สนุกดี ฮ่าๆๆๆๆ เสียตรงที่น้อง “ดื้อ” มาก เราเลยได้คุยกันเรื่องพัฒนาการของเด็กวัยนี้ ย้อนเล่าไปถึงสมัยเขาอายุเท่า ๆ กันนี้ เขาก็ประมาณนี้แหละ คุยกันเรื่องเด็กแต่ละคนเขาเกิดมามีนิสัยต่างกัน มีการเลี้ยงดูมาแตกต่างกัน เราต่างกัน แต่ก็มีความเหมือนกัน เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความรัก การดูแลใส่ใจ ยิ่งวัยขนาดนี้แบบนี้ ธรรมดา

เอาจริง ๆ หากเทียบกัน ลูกแม่ดาวสมัยนั้น ยิ่งกว่านี้เยอะฮ่าๆๆๆ ข้อดีของการมีลูกเลี้ยงยาก เวลาเจออะไรที่ง่ายกว่า ก็จะรู้สึก “สบาย ๆ” ถึงใคร ๆ จะว่า ซน ดื้อ ก็เถอะ การได้ทดลองมีลูกชาย 2 คน ก็ทำให้แม่ดาวได้ฝึกตนมากขึ้น ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น

มาร์คัส คือ ชื่อของน้องคนเล็ก เวลาไม่พอใจ ถูกขัดใจ เขามักจะพูดว่า “ไม่รักแล้ว” และทุกครั้งที่เขาพูดว่าไม่รักกับแม่ดาว จะบอกเขาแทบทุกครั้งว่า “ถึงมาร์คัสไม่รักแม่ แต่แม่รักมาร์คัสนะ” ยิ้มและกอด ท่าทีปึงปัง ของเด็กตัวน้อย จากทำท่าจะพยศก็อ่อนลง สลับไปมา ระหว่างบึ้ง กับ ยิ้ม คือพยายามจะเอาชนะแม่ด้วยการทำหน้าบึ้ง เสียงดังใส่ แต่แม่ก็ยังยิ้มและเย็นได้ การมีประสบการณ์มาก่อนมันดีอย่างนี้นี่เอง

เราเห็นใจเขาชัดขึ้น เข้าใจเขาได้ง่ายขึ้น เพียงแค่เรารักษาใจเราให้เป็นปกติ ไม่แกว่งตามความโกรธของเขา ตั้งแต่เลี้ยงเขามา ยังไม่มีครั้งใดที่ ปรี๊ด...ถึงจุดเดือดสักที เป็นเพราะใช้ความเข้าใจและให้อภัย มีครั้งหนึ่ง เขาโกรธมาก กัดแม่ดาวอย่างแรง ร้อง “โอ๊ย” เสียงดัง แม่ดาวบีบปากเขา เพื่อให้เขาคลาย และบอกว่า แม่เจ็บ โกรธได้ แต่กัดแม่ไม่ได้นะ เขาก็หยุด และมองหน้าถามแม่ดาวว่า “Are you happy” มาร์คัสถูกเลี้ยงมาแบบพ่อแม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ มาได้ภาษาไทยมาก ๆ ก็ตอนเข้าโรงเรียน โชคดีนะ ที่พอจะรู้เรื่องภาษาไทยมาเยอะแล้ว ไม่งั้นแม่ดาวคงสื่อสารกับหลานลำบาก ฮ่าๆๆ

เขาจะถามแทบทุกครั้งที่เขาทำผิด หรือรู้ตัวว่าทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม มาร์คัสจะเริ่มถามด้วยประโยคเดิม ๆ Are you happy? Are you sad ? Are you Angry? ถามไล่ไปและจะปิดท้ายด้วยประโยคภาษาไทย “รักไหม”

ตอนแรก ๆ ที่เขามา เขาจะไม่เคยถามว่า “รักไหม” หลัง ๆ มานี้ เขาจะถามแม่ดาวบ่อยมากว่า “รักไหม” และคำตอบที่เขาจะได้ คือ “รักครับ ไม่ว่าจะอย่างไรแม่ก็รัก” เขาก็จะยิ้มปากกว้าง และโถมตัวเขามากอดแบบดีใจสุด ๆ

คิดว่าเขาคงถูกเลี้ยงมาด้วยการเอาความรักมาขู่ หรือต่อรอง เคยได้ยินกับหูเหมือนกัน ที่เขางอแงไม่ยอมจะกลับบ้านตอนพ่อมารับ พ่อเขาก็เลยบอกว่า “แบบนี้ ป๊าไม่รักแล้ว” ไม่แปลกใจ เพราะคำพูดประโยคนี้ได้ยินกันบ่อยกับหลาย ๆ บ้าน แต่ที่บ้านนี้ไม่มีนะคะ...เราไม่ใช้ความรักมาต่อรอง ขู่เพื่อให้ลูกทำพฤติกรรมที่เหมะสม หรือทำตามใจที่เราต้องการ

สิ่งที่ทำคือ แบ่งปันความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พ่อกับแม่ของมาร์คัส ตามเวลา ตามโอกาส ตามจังหวะที่พอจะทำได้

พยายามทำให้ดีที่สุด....แล้วปล่อย ไม่คาดหวัง และอยู่กับปัจจุบัน การมีลูกเพิ่มอีก 1 คน ถึงจะเป็นเฉพาะกิจ ก็ไม่ใช่ไม่มีปัญหา คงมีบ้างที่มีความขัดใจ ขุ่นใจกัน เพราะไม่เข้าใจกันในครอบครัว หลาย ๆ เรื่องผ่านมาในชีวิต มาเพื่อทดสอบและฝึกฝนตัวเราให้ดียิ่งขึ้นว่าไหม

ตอนนี้ ถ้ามีใครถาม อยากมีลูกอีกสักคนไหม มั่นใจ...มากยิ่งขึ้นกับคำตอบเดิม คือ ไม่มีดีกว่าค่ะฮ่าๆๆๆๆๆ  

หมายเลขบันทึก: 575954เขียนเมื่อ 9 กันยายน 2014 13:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 กันยายน 2014 13:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ประสบการณ์และการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาที่ผ่านมา ทำให้เราทำได้ดีขึ้น

ลูกคนที่สอง งานง่ายขึ้น ผลลัพท์ก็ดีขึ้น

เสียดายแค่ไม่ใช้ลูกตัว

.

รู้งี้ มีขอตัวเองดีกว่า    เนาะ  55

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท