นิยามของความรัก


นิยาม...ของความรัก

ปลายพู่กัน

ไม่รู้หรอกว่ามัน คืออะไรรู้แค่ว่าปลื้มบุรุษผู้นี้เหลือเกิน ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า ไหล่กว้างอบอุ่น เวลาที่เดินตามหลัง แผงหลังกว้างบังแดดฝนได้เป็นอย่างดี ผมสีดำขลับถูกตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบแสดงว่าเป็นคนที่พิถีพิถันเกี่ยวกับผมเป็นอย่างดี คิ้วหนาดกดำอย่างกะปลิงเกาะชอบขมวดเข้าหากันเวลาที่สงสัย นัยน์ตาชวนฝันขนตายาวงอนเป็นแผงน่าอิจฉาเหมือนถูกสรรสร้างงอนยาวอ่อนช้อยเวลาที่กระพริบตาแต่ละที นัยน์ตาวิบวับน่าหลงใหลเสียจริง รับกับจมูกที่โด่งเป็นสันได้รูปยิ่งมองก็ยิ่งเพลินเสียยิ่งนัก ฝีมือปากไม่หนาจนเกินไปขยับขึ้นลงเวลาเจรจามันช่างน่ารักเป็นนักหนา “มะนาวๆ ตื่นๆ หลับในหรือไง” อุ๊ย!!! ฉันสะดุ้งตามแรงเขย่า “เฮ้ย!!! นายมาจับเนื้อต้องตัวฉันทำไม ฉันเป็นมวยนะ เดี๊ย ต่อยเลย” เขายักไหล่ก่อนตอบ “อยากถูกตัวเธอตายละ เนี่ยจับไปตะกี้จะคันหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” เขาพูดไม่ทันจบประโยคฉันก็ซัดโครมทันที ร่างนั้นเซทันที “โอ้ย พลังช้างสารหรือไง แม่คุณ เล่นแรงตลอด ก็เห็นเดินตาลอยเลยปลุกยังจะมาทำร้าย รู้งี้ปล่อยให้เดินชนรถตายซะ ก็ดี โอ้ย เจ็บมือหนักเป็นบ้า” เขาบ่นพึมพำ “เรื่องของฉัน” ฉันตวาดกลับไป แต่ฝ่ายนั้นชะโงกหน้ามาใกล้ “อุ๊ยๆๆ หน้าแดงทำไม ฝันกลางวันถึงใครหรา มะนาวสาวทอม ฮ่าๆๆๆ” อีตาบ้ามาว่าเรา เอ? แต่ตั้งตะกี้เราคิดถึงเขานี่น่า บ้าๆๆ ไม่คิดไม่คิด “ไม่ได้ฝันโว้ย แค่คิดอะไรเพลินๆ” เขายื่นหน้าล้อเลียนอีก “คิดถึงฉันหรือเปล่าว๊า?” ฉันเขินจัดทุบให้อีกอัก “ไอ้บ้าฉันจะคิดถึงแกทำไม ไปไกลๆ เลย ไอ้โย่ง” เขาแลบลิ้นล้อเลียน “แบร่ๆๆๆ” แล้วก็วิ่งขายาวๆ ไปเพราะกลัวจะโดนทุบอีก นพเดินมาทันพอดีจึงทักว่า “น่านๆ หยอกกันอีกแล้ว พุฒ แกจะแกล้งมะนาวมันทำไมว่ะ ยังไงมันก็ไม่เปลี่ยนใจจากทอม มาชอบแกหรอกน่า” ฉันชักโมโห “ไอ้นพ แกก็อีกคนเดี๊ยเหอะ” นพยักคิ้วล้อเลียน “ก็มันเรื่องจริงนี่น่า ทอมสาวมะนาว” ฉันเลยวิ่งไล่เตะทั้งสองคนเลยทีนี้

บ้านเราสามคนอยู่ใกล้ๆ กันมาเรียนพร้อมกัน และเรียนในคณะเดียวกันห้องเดียวกันและมักทะเลาะกันเป็นประจำเพราะ ไอ้เจ้าสองคนนี้ชอบล้อว่าฉันเป็นทอมนั่นเอง ฉันคิดว่าฉันไม่ได้เป็นนะแค่ตัดผมสั้น นิสัยห้าวๆ โมโหร้ายนิด เอะอะต่อย เอะอะต่อย ก็เท่านั้นฉันแค่ไม่ใช่คนที่จะนั่งเรียบร้อยถักนิตติ้งใส่กระโปรงยาวลากดิน หรือสั้นจู๋เสมอหูอย่างใคร ฉันไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้เหมือนใคร ฉันควรเป็นตัวของตัวเองเป็นอันว่าดีที่สุด แต่นายโย่งเพื่อนที่ฉันสนิทมาแต่เด็กนี่ซิ ชอบล้อว่าฉันเป็นทอมตลอดมิหนำซ้ำ ยังเชียร์ให้จีบสาวอยู่บ่อยๆ เจ้านพก็ใช่ย่อยล้อเลียนพอกัน ฉันอยากจะเตะก้านซักคนละทีซะเหลือเกิน ( ถ้าเตะถึงนะ ) “นี่ๆ มะนาววันนี้เย็นๆ เดินกลับบ้านคนเดียวนะ เรากะพุฒจะสังสรรค์กันหน่อย” พุฒมองที่ฉันแล้วพูดว่า “เฮ้ย! อย่ามาเหมาข้าดิ นพข้าไม่ว่างต้องรีบทำรายงาน” นพหัวเราะ หึ ๆๆ ในลำคอ “น่านะ พุฒไปเป็นเพื่อนหน่อย รายงานส่งตั้งอาทิตย์หน้าแกจะขยันไปไหนนักหนาว่ะ” พุฒเบ้ปาก “ไม่ แกก็รู้ข้าไม่ชอบเที่ยวกลางคืน อีกอย่างไปกะรุ่นพี่จะสนุกอะไร ไม่ดีกว่าถ้าแกอยากไปก็ตามสบาย ฉันกลับบ้านกะไอ้ทอมนี่เอง” น่านไม่วายจิกเล็กๆ “ไอ้โย่ง แกไปกะไอ้นพเลย ปากเสียตลอด” พุฒหัวเราะปากกว้าง “เออๆ ขอโทษ มะนาวคนสวย” ฉันค้อน “ไม่ต้องเลย ตบหัวแล้วลูบหลัง” แต่แอบดีใจที่ไม่ต้องเดินกลับบ้านคนเดียว พุฒหรือไอ้โย่งจะคอยเป็นห่วงเป็นใยตลอดไม่เคยทิ้งให้ต้องเดินคนเดียวสักครั้ง นายอย่ามาทำดีกับฉันได้ไหมใจมันคิดนะแก ว่าพลางคราวนี้นายโย่งลงทุนจูงมือฉันเดินออกไปทันที “เฮ้ย มาฉุดมือจูงแขนฉันทำไม ฉันเดินเองได้ ปล่อยเลยไอ้โย่ง” พุฒหาได้ฟังไม่จูงมือมะนาวก้าวยาวๆ ไปทันที “มาเถอะน่า ฉันหิวแล้ว” มะนาวกระตุกแขนพุฒเบาๆ “เดี๋ยวๆ นายว่าอะไรนะ นายหิวแล้วทำไมไมไปกะนายนพล่ะ มาฉุดกระชากลากถูฉันทำไม” พุฒหันมามองหน้ามะนาวแล้วยิ้มล้อๆ “มาน่า อย่าเพิ่งชวนทะเลาะ ยัยทอมอารมณ์ร้อน” อีกแล้วทุกทีเลย ซิน่าไม่กวนฉันจะเป็นอย่างไร “ก็ได้ ปล่อยแขนฉันซะทีลากอยู่ได้” พุฒยิ้มพลางชวนนั่งกินไอศกรีมที่ร้านเล็กๆ ริมถนน ก่อนถึงบ้านนั่นเอง “นี่มะนาว เราไม่ทะเลาะกันสักวันได้มั้ย ฉันแค่อยากคุยด้วยก็แค่นั้น” ฉันทำหน้าฉงน “เอาน่า กินไรสั่งเลยเดี๋ยวเราเลี้ยงเอง ถ้าไม่สั่งเดี๋ยวเราสั่งให้เอง รสเดิมนะเราจำได้” หืม จำได้ด้วย “ขอบใจนะ ที่จำได้นายจำได้ด้วยรึ นึกว่านายไม่เคยสนใจ จ้องแต่จะว่าฉันซะอีก” พุฒอมยิ้ม ทำตาเจ้าเล่ห์ล้อเลียน ฉันค้อนให้ทันที “นี่ๆ เราชอบให้มะนาวทำท่าแบบนี้บ่อยๆ นะ ดูเป็นผู้หญิงดี” ห๊ะ อะไรนะนายกำลังบอกอะไรฉัน “อะไรของนาย บ้าไปใหญ่แหระ เดี๋ยว ชกเลย” พุฒก็ยังยิ้มหน้าระรื่นใส่ “ไม่เห็นจะกลัวเลย มะนาวจ๋าๆๆๆ” ดูซิยังจะมาแกล้งลากเสียงยาวใส่อีก นายจะแกล้งฉันไปถึงไหนหรือว่านายรู้ว่าฉันชอบปลื้มนาย โอ้ย!! ไม่นะ นายต้องไม่รู้ เอ? หรือรู้ ฉันได้แต่นั่งหลบสายตาคมนั่นๆ

เมื่อนั่งกินไอศกรีมเรียบร้อยพุฒยังชวนมะนาวกินของอย่างอื่นอีกแต่มะนาวบอก เดี๋ยวจะกลับดึก “ก็ได้ๆ กลับก็กลับ” “ดีมาก ไอ้โย่ง” มะนาวลุกขึ้นตบไหล่แล้วเดินนำหน้าไปทันที พุฒก้าวช้าเดินตามพลางบ่นขึ้นมาว่า “นี่มะนาว อะไรที่บ้านหายเหรอ ห๊ะ แกจะรีบไหนเนี่ย เดี๋ยวก็ถึงแล้วบ้านไม่หนีไปไหนหรอก ไอ้ทอมเอ๊ย” ฉันหยุดเดินแบบกะทันหันเป็นเหตุให้คนขายาวบางคนชนโครมเข้าอย่างจัง “โอ้ย จะหยุดจะเดินให้สัญญาณหน่อยได้ไหม ไอ้นี่นิ” “นี่ไอ้โย่ง เมื่อไรแกจะหยุดพูดห๊า ไอ้บ้าว่าฉันอยู่ได้ แล้วอยากคุยดีๆ ใครที่ไหนจะคุยดีๆ กะแกได้เนี่ย ปากร้ายอย่างกะผู้หญิง จู้จี้ ขี้บ่น ก็เป็นที่หนึ่ง พอใจมั้ย” แทนที่จะโกรธกลับหัวเราะชอบใจ “ฮ่าๆๆๆๆๆ แกพูดจายาวๆ แบบนี้กะเขาเป็นด้วยรึเนี่ย ฉันแค่อยากเดินคุยกะแกนานๆ ก่อนถึงบ้านก็เท่านั้นเอง และที่สำคัญฉันก็ไม่ได้อยากทะเลาะกะแกด้วย แต่ไม่รู้เป็นไงอดแหย่แกไม่ได้สักทีซิ” ไอ้โย่งบ้า นี่แกจะบอกอะไรฉัน ฉันเขินนะ นี่เราคิดไปเองหรือเปล่านะ โย่งจะบอกอะไรเป็นนัยๆ กับเราหรือเปล่า “อะไร แกมีไร จะคุยกับฉันว่ามา ฉันจะฟัง คุยมาดีๆ นะ ไม่งั้นโดนชกแน่นอน” พุฒยิ้มจนตาหยี “เปล่านี่ ฉันก็แค่อยากให้เราคุยกันดีๆ ก็เท่านั้นเอง ฉันชอบเวลาที่เราคุยกันดีๆ ไม่ทะเลาะกัน” แต่เท่าที่จำได้ นายกะนพกวนประสาทจนฉันสติแตกทุกครั้งนี่น่า “ก็นายกวนประสาทฉันนี่” “ใครบอกล่ะ ฉันหยอกเล่นเท่านั้นเอง มะนาวคิดมากไปเอง” “ย่ะ แล้วนี่มาเดินใกล้ๆ ทำไมไปไกลๆ เลย ชิ้วๆๆ” พุฒหัวเราะ ปากกว้างใส่พร้อมกับยีหัวของฉันเบาๆ “แหมๆ แม่คนเนื้อหอม ใกล้ก็ไม่ได้” เราต่างหัวเราะพร้อมกัน เดินกลับบ้านอย่างมีความสุขบางครั้งก็ไล่ทุบเพราะหมั่นไส้ที่ พุฒชอบพูดเย้าแหย่นั่นเอง

นับวันความสนิทสนมของเรายิ่งทวีคูณจนนพเพื่อนอีกคนในกลุ่มเหมือนเป็นส่วนเกินไปเลยทีเดียว “นี่แกสองคน ชักจะสนิทกันเกินไปนะ ฉันว่า แกสองคนเหมือนแฟนกันมากกว่า แต่ถ้าเป็นแฟนกันได้ก็ดีนะ มะนาวจะได้โดนเลิกล้อว่าเป็นสาวห้าว ฮ่าๆๆๆๆ” เราทั้งสองมองกัน พร้อมทั้งยิ้มแหยๆ ให้แก่กัน “ก็ดีนะซิ ฉันชอบ” พุฒกล่าว พลางยักคิ้วให้ฉัน “เนาะๆ มะนาวเนาะ” ฉันเขินมาก “จะบ้ารึ แก เราเป็นเพื่อนกันนะ สาวกแกก็เยอะ ฉันโดนตบตายพอดี” แต่แอบดีใจ อิ อิ อิ นั่นมันความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้นานมาล่ะ แต่ไม่เคยเผยให้ใครรู้ได้ “แต่ฉันคิดว่านะ มะนาวมันคงไม่ชอบแกหรอกพุฒ ดูแล้วมะนาวมันคงจะเป็นสาวแบบนี้ยาวว่ะ” พร้อมทั้งปรายสายมาที่มะนาวนิดหน่อย “ทำไมมาว่า แบบนี้ย่ะ นพ ฉันไม่ได้ผิดเพศนะแก” นพหัวเราะปากกว้าง “งั้นแกก็มีแฟนที่เป็นผู้ชายสักทีดิ เนี่ยถ้าแกหาได้นะ ฉันเลิกล้อทันทีเลยอ่ะ นาว” หนอยเราจะไปอุปโลกน์ที่ไหนมาได้ทันล่ะ ก็ไอ้คนที่เราชอบมันก็ยืนโย่งอยู่ข้างๆ นี่ เฮ้อ!!! ฉันถอนใจยาวไป “ฮ่าๆๆๆ ถอนใจดังขนาดนี้ไม่มีชัวร์ ไม่ก็หาไม่ได้ชัวร์” ฉันมองหน้าเจ้านพอย่างขัดใจและจี้ใจดำ “นพ อย่าไปยั่วมะนาวมากเลย ไปเรียนกันเถอะ” พุฒตัดบท ดีจังไม่งั้นเห็นทีว่าฉันจะแย่เป็นแน่แท้ “ป่ะๆ แยกย้ายกันไปเรียนดีกว่า ไอ้บ้านพ ไปเรียนดิ” ฉันได้ทีเลยไล่ นพทันที “ไม่ต้องมาไล่เลยแก แหมๆ ไปเรียนดีกว่า” พวกเราทั้งสามคนเรียนห้องเดียวกัน วิชาเดียวกันอีกจึงไม่แปลกที่จะเข้าเรียนพร้อมๆ กัน แต่บางวิชา นพก็แยกไปเรียนต่างหากเพราะลงเรียนไม่เหมือนกันแต่มะนาวกับพุฒเลือกเรียนอักษรเหมือนกันดังนั้นทุกรายวิชาจึงเหมือนกันหมด จึงเรียนและเห็นหน้ากันทุกเวลา

สายป่านเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนที่ค่อนข้างสนิทกะมะนาว แต่ที่สายป่านมาสนิทด้วย เพราะอยากรู้จักพุฒและให้มะนาวเป็นแม่สื่อให้ด้วยมะนาวอึดอัดใจแต่ก็รับปากออกไป เพราะกลัวจะเสียเพื่อน แต่มะนาวไม่รู้จะบอกพุฒอย่างไร เพราะทุกครั้งที่สายป่านพูดจาชื่นชมถึงพุฒมะนาวกลับรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก ยิ่งตอนที่สายป่านพูดคุยกับพุฒอย่างสนิทสนมมะนาวจะรู้สึกหงุดหงิดและพาลนพอย่างหาสาเหตุไม่ได้ จนนพเองก็งง กับพฤติกรรมของมะนาว มะนาวแยกตัวออกจากลุ่มจากที่เคยสนิท กลับบ้านพร้อมกันทุกๆ วัน มะนาวก็อ้างติดงานบ้าง ไปกับเพื่อนผู้หญิงบ้างจนนพสงสัย ส่วนพุฒนั้นพอจะทราบถึงการตีตัวออกห่างของมะนาวอยู่บ้าง วันหนึ่งนพมีโอกาสได้นั่งเรียนข้างๆ มะนาวจึงพูดลอยๆ ขึ้นว่า “เดี๋ยวนี้งานเยอะเนาะ ไม่มีเวลาให้ฉันเลยนะ ยุ่งตลอด” มะนาวก็นั่งนิ่งไม่โต้ตอบเหมือนทุกครั้ง นพยิ่งสงสัยในความเปลี่ยนไปของเพื่อนสาว ที่นิ่งไม่โต้ตอบเพราะว่ามะนาวกำลังตกในภวังค์ของความคิดว่า เราทำถูกแล้วใช่มั้ยที่ทำแบบนี้ ทำร้ายตัวเองแบบนี้ เมื่อนพทักมาอีกรอบจึงสะดุ้งตกใจ “อะไรของแก นพ คนกำลังตั้งใจเรียน” นพมองอย่างสงสัย “ตั้งใจเรียนบ้าอะไร อาจารย์ยังไม่เข้าเลยนะ” “เหรอ ฉันกำลังคิดเรื่องรายงานนะ ทำไมแกมีไร” นพนิ่วหน้ามองในความเปลี่ยนแปลงนั้น “แกเปลี่ยนไปจริงๆ ด้วยนาว แกไม่ใช่สาวห้าว ฉันว่าแกแปลกๆ นะ แกมีไรหรือปล่าว ฉันขอโทษที่แหย่แกเล่นบ่อยๆ” มะนาวพยักหน้ารับทราบแล้วก็นิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อืม” นพเกาหัวอย่างต้องการคำตอบ มะนาวเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ตั้งแต่มีสายป่านเข้ามา เอ? หรือว่ามะนาวแอบชอบไอ้พุฒ หว่า นพครุ่นคิด ดูแล้วไอ้พุฒเองก็มีใจนี่น่า เราต้องช่วยเพื่อนนพคิดหาทางช่วยให้เพื่อนกลับมาสนิทกันเหมือนเมื่อก่อนทันที

นพรีบส่งข้อความไปหาพุฒทันที “พุฒฉันมีเรื่องจะคุยกะแกหน่อย ลงมาที่ใต้อาคารหน่อยว่ะ” พุฒอ่านข้อความแล้วตอบกลับมาว่า “ได้ๆ รอแป๊บ” ไม่นานนักพุฒก็เดินลงมา “แกมีไร นพ” นพมองหน้าพุฒนิ่งๆ ไม่ตอบ “อ้าว เฮ้ย ว่าไงฉันถามให้ตอบจะมาจ้องหน้าทำไม” นพทำหน้าจริงจังก่อนถามว่า “ไอ้พุฒ ถามจริงๆ ตอบตรง แกชอบไอ้นาวมั้ย” พุฒถอนใจ “แล้วจะมีประโยชน์อะไร เพราะมะนาวไม่เคยสนใจฉันเลย แถมตอนนี้ยังเป็นแม่สื่อให้สายป่านอีกตะหาก”นพยิ้มพราย “แสดงว่าแกยอมรับว่าชอบไอ้นาว ไอ้พุฒบ้าเอ๊ย แล้วทำไมไม่บอกมันไปว่าแกชอบมัน ไม่ได้ชอบยัยสายป่านนั่น ทำให้มันยุ่งยาก ซับซ้อนทำไมเนี่ย ไอ้บ้า” นพตีโพยตีพาย พุฒเองได้แต่ถอนใจเบาๆ นั่นซิ ฉันยอมทำตามทำไม “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน คิดแค่ไม่อยากขัดใจนาวแค่นั้นเอง เขาเองคงไม่ได้ชอบข้าหรอกไม่งั้นจะยอมเป็นแม่สื่อรึ” นพมองหน้าพุฒแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าไอ้นาวมันก็ชอบแกนะ พุฒ แต่ฉันก็ไม่เข้าใจทำไมมันยอมเป็นแม่สื่อให้ยัยสายป่าน ฉันว่าเรื่องนี้มันต้องเคลียร์นะ” พุฒครุ่นคิดถึงคำพูดของนพ

แต่ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าคำพูดทุกคำที่คุยกันนั้น มะนาวได้ยินทั้งหมดเพราะ มะนาวเดินลงมาทำธุระข้างล่างเผอิญเห็นทั้งสองเหมือนเถียงอะไรกันอยู่เลยหยุดฟังที่มุมตึกใกล้ๆ กับที่พุฒและนพสนทนากัน มะนาวตกใจมากที่รู้ว่าพุฒชอบตนเองไม่ใช่ สายป่านแล้วเธอจะทำอย่างไรดีวันนี้สายป่านก็มาปรึกษาเรื่องพุฒอีกว่า ชวนไปไหนพุฒก็ไม่ไป แถมยังเฉยชายังกะท่อนไม้ ถามคำตอบคำ ต้องทำอย่างไรดี เฮ้อ!!! งานเข้าแม่สื่ออย่างเราเสียแล้วซิ มะนาวดีใจที่พุฒก็ชอบเธอแต่ก็เสียใจที่เพื่อนอย่างสายป่านจะต้องเสียใจ มะนาวเดินผละจากมุมตึกช้าๆ ครุ่นคิดว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร พอดีสายป่านเข้ามาทัก “อ้าวไปไหนมา มะนาวอาจารย์เข้าสอนแล้วนะ” มะนาวได้แต่ตอบไปว่า “อ้อ เราไปห้องน้ำมา ปวดหัวนิดหน่อย วันนี้เราคงให้คำปรึกษาอะไรไม่ได้เราจะกลับบ้านล่ะ สายป่าน” พูดจบมะนาวก็เดินลิ่วไปทันทีปล่อยให้สายป่านยืนงงๆ “เขาเป็นอะไรของเขา เมื่อเช้ายังดีๆ อยู่เลยนี่น่า” พอดีกับพุฒเดินมาพร้อมกับนพเช่นกัน “พุฒๆ เจอพอดีเลยมะนาวปวดหัว กลับบ้านแล้วอ่ะ ไม่รู้เป็นอะไร” พุฒตกใจและเป็นห่วงมะนาววิ่งออกไปทันที สายป่านจะตามนพจึงดึงแขนไว้แล้วบอกว่า “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า สายป่าน เดี๋ยวไอ้พุฒมันก็ดูแลมะนาวเองแหละ ป่ะๆ ขึ้นเรียนกัน” สายป่านทำหน้าไม่เข้าใจกับสิ่งที่นพพูด “เอาน่า เดี๋ยวเราอธิบายให้ฟัง ตามเรามาก่อน” เมื่อนั่งในห้องเรียนนพจึงชวนสายป่านคุย “สายป่านเราถามอะไรหน่อยซิ ถ้าเพื่อนรักของเราชอบกัน แต่เราก็ชอบเพื่อนคนนั้นด้วย สายป่านจะทำอย่างไร” สายป่านเหมือนจะรับรู้สารนั้น จึงก้มหน้านิ่งปล่อยให้น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา “หมายความว่า ทุกอย่างที่ป่านทำไปทำร้ายเพื่อนของป่านเองหรือเนี่ย ป่านอยากขอโทษมะนาว ขอโทษพุฒ ป่านไม่รู้มาก่อนเลย” แม้ว่าในใจลึกๆ ของสายป่านจะเสียใจมากมายเพียงใด แต่ถ้าสิ่งที่เธอทำมันทำให้ต้องเสียเพื่อน เพื่อนเป็นทุกข์เพราะการกระทำของเธอ เธอก็ไม่อาจที่จะรับความสุขนั้นได้ เพราะมันเป็นความสุขเพียงข้างเดียวแต่ทำร้ายเพื่อนถึงสองคน สายป่านขอถอยออกมาเองดีกว่า

ในเย็นวันนั้นหลังเลิกเรียนสายป่านตรงไปหามะนาวที่บ้านทันที สายป่านพบป้าน้อยซึ่งเป็นป้าที่คอยดูแลมะนาวและเลี้ยงดูมาตั้งแต่เยาว์วัย “มาหาไอ้นาวเหรอ อยู่หลังบ้านแน่ะกำลังให้อาหารปลา ตามสบายนะหนู” สายป่านไหว้ขอบคุณ แล้วคิดว่าจะเริ่มต้นพูดกับมะนาวอย่างไรดี “มะนาว เราขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” มะนาวสะดุ้ง ที่เห็นสายป่าน “เอิ่ม เรื่องพุฒเดี๋ยวเราคุยให้ป่าน ป่านทำใจให้สบายเถอะ” สายป่านน้ำตาคลอแล้วตอบไปว่า “ไม่ต้องแล้วมะนาว ป่านขอโทษนะ ที่ทำร้ายมะนาวโดยไม่รู้ตัว ป่านขอโทษจริงๆ ตอนนี้ป่านเข้าใจเรื่องพุฒกะมะนาวดีแล้ว” มะนาวตกใจ “ไม่นะ ป่าน...ป่านเข้าใจผิดแล้ว” มะนาวละล่ำละลักตอบออกไป “มะนาวอย่าพยายามเลย มะนาวควรจะรู้ใจตัวเองมากกว่าใครนะ พุฒเป็นคนดี ที่สำคัญพุฒเขาชอบมะนาวไม่ได้ชอบป่านเลยนะ” มะนาวได้ฟังแล้วน้ำตาคลอสวมกอดสายป่านสะอื้นฮักๆ “ไม่มีใครรู้ใจเราเองได้ดีเท่าตัวเรานะ มะนาว ป่านพูดได้แค่นี้ ที่เหลือมะนาวรู้นะว่าต้องทำอย่างไร ป่านเอาใจช่วยนะ” สายป่านยิ้มให้มะนาวอย่างจริงใจสบายใจที่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง “ขอบใจนะ ป่าน นาวดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับป่านนะ ขอบใจทุกอย่างที่ทำเพื่อนาว” ทั้งสองให้อาหารปลาคุยกันอย่างมีความสุข ป้าน้อยตะโกนเรียกทั้งสองสาวให้ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน หลังจากนั้นสายป่านจึงขอตัวกลับเพราะจะดึกมากไป มะนาวเดินมาส่งที่หน้าบ้านเจอนพที่เดินมาพอดี นพเลยอาสาไปส่งสายป่านเองมะนาวไม่ต้องห่วงเพื่อนสาว แต่ก่อนที่สายป่านจะเดินไปยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า “อย่าลืมนะ นาว ไม่มีใครรู้ใจเราดีเท่าตัวเราเองหรอกนะ อย่าปิดกั้นความรู้ตัวเองอีกเลย เชื่อป่านนะ” มะนาวพยักหน้าอายๆ นพทำหน้าล้อเลียนอีก “ดีๆ ฉันว่าดีเลยถ้าแกจะค้นพบตัวเองซะทีนะ มะนาวคนสวย ฮ่าๆๆๆ” มะนาวเขินแทบจะเตะเข้าให้ ดีที่นพรู้ตัวรีบชวนสายป่านเดินไปก่อน

จากเหตุการณ์นั้นผ่านไปถึงรุ่งเช้า มะนาวก็รีบเดินไปรอรถที่เดิมแต่ต้องตกใจเมื่อเจอพุฒที่เดินมาดักหน้า “เราเดินด้วยนะ” พุฒเอ่ยขึ้น มะนาวพยักหน้ารับ “อืม ถนนตั้งกว้างจะเดินก็ตามใจนายซิ” พุฒเดินคู่ข้างๆ “แต่เราอยากเดินข้างนาวนี่ ได้ไหม อย่าไล่เราไปหาใครอีกเลยนะ ขอร้อง เราไม่ได้อยากมีใคร ไม่อยากเดินข้างใคร ไม่อยากไปกินข้าวฟังเพลงกะใคร แต่เราอยากไปกะนาวคนเดียว” พุฒพูดยาว แต่ชัดทุกถ้อยทุกคำไม่รอให้มะนาวตอบ “ตกลงเราคบกันนะ มะนาว” มะนาวเขินหน้าแดงเดินเร็วขึ้น “บ้า ใครตกลงกะนายห๊ะ ไอ้โย่ง” พุฒยิ้มเพราะมะนาวไม่ได้ปฏิเสธ “ก็ตกลงกะไอ้โย่งนี่แหละ” มะนาวชกทีแขนทันทีแก้เขิน พุฒรีบโมเม “ตามนี้นะ นาว” มะนาวอมยิ้มเขินเป็นที่สุด “อืม....” คนบ้ามาพูดอะไรกลางถนนหนทาง แต่จะว่าไปวันนี้อากาศดีมากเลยนะมีหมอกบางๆ เกาะที่ยอดเขาที่ทอดตัวออกไป ลมพัดฉิวเย็นๆ แสงแดดอ่อนทอประกายลงมา ความรักมันดีแบบนี้นี่เองจะมองไปทางไหนก็อบอวลไปด้วยความสุข หมดกันกับภาพของสาวทอมที่รักษามานานปี หมดไปเพราะไอ้โย่งแท้ๆ เลยแต่เราก็ไม่ต้องแอบมองไหล่กว้างๆ นั่นอีกแล้วคราวนี้จะมองตรงๆ เลย “มะนาวจ้องเราทำไม” มะนาวอมยิ้ม “รู้ไหมว่า เราแอบมองไหล่กว้างๆ แกมาตลอดเลยนะ” พุฒยิ้มตอบ “นั่นไง คิดไม่ดีกับเรามาตั้งนานก็ไม่บอก”

พุฒเย้าแหย่มะนาวอย่างมีความสุข นี่เป็นเพียงก้าวแรกของนิยามของความรักของหนุ่มสาว ยังมีอะไรอีกมากมายรอทดสอบอยู่ข้างหน้า จะอย่างไรก็ตามขอให้เข้มแข็งก้าวผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปอย่างมั่นคงนะ สาวทอมหนุ่มโย่ง.....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท