จากการได้น้อมนำเอาคำสอนของพระคุณเจ้าเกี่ยวกับเรื่องของ " บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ " นำมากราบเรียนให้กับกัลยาณธรรม และมิตรสหายสหธรรมิกของลุงเหมยแล้วก็ได้รับคำกตอบว่า....เมื่อเราปฏิบัติตามบุญกิริยาวัตถุ หรือหลักแห่งการทำบุญแล้ว อยากทราบว่าจะได้อานิสงส์เป็นอย่างไร ? ... ดังนั้นอีตาลุงเหมยจึงได้ไปน้อมกราบนมัสการพระคุณเจ้าถึงเรื่องบุญกิริยาวัตถุ ก็ได้รับคำตอบว่า....เมื่อเราปฏิบัติตามหรือได้กระทำบุญต่าง ๆ ตามหลักการของบุญกิริรยาวัตถุแล้ว เราจะได้อานิสงส์ดังนี้
๒ ) เป็นที่ตั้งของโภคทรัพย์ทั้งปวง ๓ ) ผู้ให้ ย่อมได้รับความสุข ๔ ) ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รักของคนหมู่มาก ๕ ) ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีผู้อื่นไว้ได้ ๖ ) ทำให้เป็นผู้มีเสน่ห์น่านับถือ ๗ ) ทำให้เป็นที่น่าคบหาของคนดี ๘ ) ทำให้เข้ากับสังคมอื่นได้อย่างคล่องแคล่ว ๙ ) มีบุคลิกองอาจ สง่าผ่าเผย ๑๐ ) ตายไปแล้วจะได้ไปเกิดในสุคติภูมิ ๑ ) ทำให้มีความสุขกาย สุขใจ ๒ ) ทำให้เกิดโภคทรัพย์ได้ ๓ ) ทำให้สามารถใช้สอยทรัพย์นั้นได้เต็มอิ่ม โดยไม่หวาดระแวง ๔ ) ทำให้ไมต้องหวาดระแวงว่าจะมีใครมาทวงทรัพย์คืน ๕ ) ทำให้เกียรติคุณฟ้งขจรไป ทำให้ผู้อื่นเกิดความเชื่อถือ ๖ ) ทำให้ชีวิตนั้นแกล้วกล้าองอาจท่ามกลางวงชุมชน ๗ ) ทำให้เป็นคนไม่หลงลืมสติ ๘ ) ตายไปแล้วจะได้ไปเกิดในสุคติภูมิ ๒ ) มีผิวพรรณผ่องใส ๓ ) มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ๔ ) มีความจำดี และกำลังปัญญาว่องไว ๕ ) เป็นคนใจคอเยือกเย็น ๖ ) เป็นที่ชื่นชอบของผู้พบเห็น ๗ ) มีบุคลิกอันน่าศรัทธา ๘ ) เกิดในตระกูลที่ดี ๙ ) มีบุคลิกง่างาม ๑๐ ) มีมิตรสหายมาก ๑๑ ) เป็นที่เคารพยำเกรงของคนทั่วไป ๑๒ ) เป็นที่ชื่นชอบของบัณฑิต ๑๓ ) สมบูรณ์ด้วยปัจจัย ๔ ( อาหาร , เครื่องนุ่งห่ม , ที่อยู่อาศัย ,ยารักษาโรค ) ๑๔ ) ปราศจาก อกุศล ทั้งปวง ๑๕ ) ปลอดภัยจากศาตราวุธ ๑๖ ) มีอายุยืน ๑๗ ) ตายไปแล้วจะได้ไปเกิดในสุคติภูมิ เคารพนบน้อม ( คุณวุฒิ วัยวุฒิ ชาติวุฒิ ) ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑ ) เกิดในตระกูลสูง ๒ ) มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ๓ ) มีมิตรสหายดี ๔ ) ได้รับคำชมเชยอยู่เสมอ ๕ ) มีความสมบูรณ์ในทรัพย์ ๖ ) ได้พบเห็นแต่สิ่งที่ตนปรารถนา ๑ ) มีความเป็นอยู่ดี สุขกาย สุขใจ ๒ ) มีมิตรสหายมาก ๓ ) มีไหวพริบ ความจำดี ๔ ) มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง ๑ ) ไม่มีความอดยาก ยากจน ๒ ) ไมมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดกเบียน ๓ ) มีบริวารดี ๔ ) เป็นที่รักของผู้ที่พบเห็น ๕ ) มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ๖ ) มีอายุยืน ๑ ) มีสุขภาพที่สมบูรณ์ ๒ ) มีฐานะดี ๓ ) มากไปด้วยลาภสักการะ ๔ ) พบเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสบายใจ
๑ ) เกิดในตระกกูลสูง ๒ ) มีสติปัญญาดี ๓ ) มีมิตรสหายดี ๔ ) มีความเชื่อมั่นในตนเอง ๑ ) ไม่มีกลิ่นปาก ๒ ) มีฟันขาวเรียบ ๓ ) บุตรวริวาร มีความเชื่อฟัง ๔ ) มีบุคลิกสง่างาม ๕ ) มีความจำดี ๖ ) เป็นที่ไว้วางใจแก่ผู้พบเห็น ๑ ) มีปัญญาดี ๒ ) ไม่อดอยาก ๓ ) ไม่ยากจน ๔ ) มีสุขภาพร่างกายมบูรณ์ แข็งแรง ๕ ) มีบุคลิกสง่างาม ๖ ) จะได้พบเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสบายใจ ๗ ) มีฐานะและความเป็นอยู่ดี ๘ ) มีบริวารมาก ๙ ) มีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่มีชีวิตเนื่องด้วยผู้อื่น กรา่บสาธุครับ จากลุงเหมยครับ ...... คือ การให้สิ่งที่เป็นประโยชน์สุขแก่ผู้รับ ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
๑ ) เป็นที่มาของทรัพย์สมบัติทั้งหลาย ..... คือ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล ย่อมต้องได้รับ อานิสงส์ ดังนี้
.... คือ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการเจริญสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
๑ ) มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ..... คือ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ที่
..... คือ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการช่วยเหลือกิจการงานที่ชอบ
ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้..... คือ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอุทิศส่วนกุลให้แก่ผู้อื่น ( การแผ่เมตตา ) ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
....... คือ บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ
ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ..... คือ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการการฟังธรรมเทศนาย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
..... คือ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการแสดงธรรม ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
..... คือ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ถูกต้อง ตรงตามความเป็น จริง ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
ไม่มีความเห็น