บทสาขาที่ 8.1เรื่อง ดนตรีจิตปรัชญาและมนุษย์นิยม Music, philosohy,spirit and humanism 2


สุขคือทุกข์ - ทุกข์คือทุกข์

ดูกร..ท่านสมนะโคดม...ท่านได้เที่ยวโปรดธรรมข้ามสวรรค์มาถึงถิ่นอินทรราชเจ้าซึ่งเป็นแดนพำนักของเพื่อนข้าพเจ้าเชียวหรือ

มิได้...มิได้..อาตมามิได้ล้ำเข้าโดยพละการ หากแต่ชนชาวสวรรค์ทั้งบุรุษเทพและนางฟ้าเรียกมาเพื่อแสดงธรรม

เป็นความจริงแดนสวรรค์ก็มีความสุขแสน...สารพันที่จำแนกอย่างละเอียดแล้วถึงขนาดถิ่นตาวะติงสาอันสูงสุดหามิได้...ประชาเทพทั้งหลายก็มิต้องสร้างกิจกรรมใด...มีวาสนาส่งสูงล้ำไฉนจึงยังมิรู้จักความพอดีพอควร..ยังรนหาสิ่งสุขเพิ่มมิได้ คล้ายมนุษย์ชั้นต่ำที่จมอยู่ด้วยกิเลสเกาะกินใจเป็นกษัยแรงผลักดัน

มิได้....อันชนชาวสวรรค์ทั้งบุรุษเทพและนางฟ้าน่าชื่นชมนัก...แม้กระนั้นการชอบฟังธรรมแล้วยังต้องการเป็นนิจ...ยังต้องการต่อยอดให้ถึงนิพพาน...ถือว่าไม่ต้องการความสุขเพื่อการบรรลุมรรคผลอันเกิดจากวัฏฏะสังขารในทิพย์...มีตนมีพร้อมที่จะสละความสวยงามของเรือนร่างอันมีความสุขเป็นที่ตั้งนั้นด้วยสุข – ส่วนทุกข์นั้นไม่มีและไม่ต้องการเลย...

ก็ไปโปรดมาทั้งสามโลกแล้วพระคุณเจ้าเองก็มีดีตรงไหนล่ะ...คิดว่าจะทำให้ชนทั้งสามโลกพ้นทุกข์ได้ทั้งหมดสิ้น....ครั้งที่แล้วก็ทีหนึ่งแล้ว...ข้าพเจ้าล้างเกลี้ยงเลยด้วยไฟบรรลัยกัลป์...แล้วให้ท่านองค์พรหมสร้างขึ้นมาใหม่

มิได้ท่านอภิมหาบพิธ...แล้วก็จะวนทำกลับมาใหม่อีก...ท่านอิศวรก็ต้องไม่รู้จบสิ้น...จะไปเป็นอื่นก็ไม่ได้ หยุดก็ไม่ได้...ถึงเวลาก็จะทำการล้างผลาญร่ำไป

ชะช้า....วรรคนี้ยาวหน่อยนะท่านผู้ที่รับหน้าที่เป็นพระพุทธเจ้าในโลกมนุษย์..คิดว่าข้าพเจ้าถนัดทำถ้วยหามชามแตกเป็นอย่างเดียวละหรือ...อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเห็นนรกยังไม่พัฒนา มีการลงโทษล้างชำระกันอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำใหญ่ขยายประชากรนรกขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ามนุษย์จะสร้างบาปกรรมให้มากไปถึงขนาดไหน จนขณะนี้ข้าพเจ้าปางเจ้ายมโลกก็รับภาระอยู่ไม่น้อยเลยเออ...หรือท่านองค์พรหมไม่ยอมพักผ่อนหลับนอนมัวแต่สร้างสรรพสิ่งให้บนโลกมนุษย์อยู่จนติดลม...ก็ไม่ใช่นะหรือประชากรโลกตั้งหน้าตั้งตาผลิตประชากรจนไม่มีวันหยุดพัก แต่องค์พรหมก็ให้ความมีเป็นในมนุษย์ครบทุกอย่าง แล้วพระองค์ท่านสมนะโคดมมีหน้าที่สอนรู้จักใช้ความดีให้เป็น กลับเห็นเป็นว่าชอบอย่างไหนก่อนหลังก็ใช้กันยันสุดโต่งเลย อันความดีอย่างเดียวใช้กับชาวโลกไม่ได้ ต้องใช้กลยุทธ์ของความความดีเข้าปนผสมเช่นปางหนึ่งของข้าพเจ้ามือซ้ายถือถุงเงินทองมือขวาถือไม้เรียว..เอ๊ย.ย แซ่ฟาดลงไปถ้าส่งเสียงร้องก็ใช้เงินทองยัดปาก...เออ...แต่ก็ยังวนซ้ำอยู่เป็นนิจ เห็นจะต้องส่งPathogenicE.Bora ลงไปตักเตือน

มิได้...มิได้ท่านอภิมหาบพิธชาวโลกระดับบัวใต้น้ำ..ปริ่มน้ำ..เหนือน้ำที่มีจิตเป็นบุญคุณเป็นกุศลและผู้รักษาศีลห้าก็จะพากันลำบากไปด้วยผลทางอ้อม...ควรจะต้องตรวจดูว่าพวกหนีนรกที่หลบหนีการตัดสินคดีกรรมผุดทะลุมุดตามท่อมายังโลกได้ตรงไหน

อ้าว....ควรจะไปปรึกษากับท่านองค์พรหมว่าบางอย่างก็ไม่สมควรสร้าง...ไม่น่าไปรับปากว่าต้องสร้างทุกสรรสิ่ง..โธ่เอ๋ย..แล้วท่านผู้ทรงสมนะเพศจะทำอย่างในหน้าที่ของท่านเพื่อให้มนุษย์ทุกตนสำเร็จเป็นอรหันต์...จะใช้น้ำยายี่ห้ออะไรล้างใจคน...อย่าลืมนะว่าท่านมีสัญญาครั้งนี้แค่ห้าพันปีมนุษย์เท่านั้น...ประเดี๋ยวก็จะครบถึงแล้ว

มิได้...ท่านอภิมหาบพิธก็รับหน้าที่มาเหมือนกัน ในขณะที่อาตมาก็ต่างมีหน้าที่เหมือนกันอยู่เพียงแต่อาตมามีศรีอารยะมารับช่วงต่อก็พ้นหน้าที่ไป.....Good luck…ทั้งสามโลก

คิดว่ารอดแล้วหรือลืมวัฏฏะพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์โดยมี

1.พระกุกกุสันโท

2.พระโคนาคมโน

3.พระมหากัสะโป

4.พระสมนะโคดม (องค์ปัจจุบัน)

5.พระศรีอารยะเมตรัย (องค์ต่อไป แล้ววนกลับองค์ที่ 1 ใหม่)

แล้วไง...จะทิ้งถิ่นสวรรค์อันมีความสุขอย่างนิรันดร....มาอยู่ด้วยกันไหม...แดนขององค์อินทร์เจ้านี้มีแต่สุขเหลือคณา

มิได้....สุขคือทุกข์...ทุกข์คือทุกข์

หา.....ท่านอภิมหาบรรพชิตกล่าวเช่นไร...อย่างเช่นนี้กล่าวได้นะ...คิดแล้วมองเห็นเช่นไร อะไรเป็นผลลบไปหมด....หาความกระจ่างแจ้งมิได้ (ข้าพเจ้าพูดมิได้มั่งแล้ว) มิน่าล่ะ....สมัยเป็นสิทธัตถะกุมาร มีศักดิ์ฐานะตระกูลวงษ์...มีข้าราชบริพารส่วนตัวหญิงสามพันคน ประเมินเห็นจะได้นะ มีนักรบชายอีกมากมายและยังซื่อสัตย์อย่างถวายชีวิตให้ ยกไว้เหนือหัวยิ่งกว่าชีวิตตนเอง อย่างเช่นนายฉันนะถึงขนาดเกาะหางม้าหนีตามเสด็จเข้าป่าด้วย ยังสั่งให้นายฉันนะกลับเข้าเมืองขอธุดงค์และเพียรตนเองด้วยการบำเพ็ญทุกข์กริยาเป็นไง...เกือบจะสละร่างแล้วถ้าไม่ได้นมอุ่นถาดนั้น หรือท่านจะหาความสำคัญให้กับตัวเอง...ดูลักษณะแล้วว่าไม่ใช่

มิได้....นั้นคือการศึกษา...นั้นคือทุกข์มิใช่ทางสู่มรรคผล

ก็ใช่นะท่านพระพุทธองค์ นรกคือทุกข์ โลกคือสุขและทุกข์ สวรรค์คือสุขและสวรรค์ชั้นสูงสุดนั้นหาทุกข์ไม่ได้เลย

มิได้...สวรรค์ชั้นสูงสุดนั้น ประชาเทพสัมผัสได้แต่ความเป็นสุขเป็นอย่างเดียว เกิดความติดสุข..นั่นคือทุกข์อันสาหัส..มิสามารถล่วงโพ้นสู่อรหันต์

เทวะก็คือเทวะ นักบวชก็คือนักบวช กล่าวกับท่านไม่ได้อีกแล้ว อะไร...มองเห็นเป็นผลลบไปหมด คงมีดีอะไรแน่ที่กล่าวคำว่ามิได้อยู่เช่นนี้ ก็จะขอลองฤทธิ์กับท่านซักหน่อย อยากรู้เหมือนกันว่าท่านจะมีดีเพียงใด

มิได้....มิได้...ท่านอภิมหาบพิธยอมสนับสนุนยกย่องโลกพระพุทธศาสนาดั่งเพียงนี้เชียวหรือ

จะเป็นไรไป ก็มาลองฤทธิ์กันว่าใครจะเหนือใครด้วยการเล่นซ่อนหาเอาไหม ผู้ใดถูกหาเจอ ผู้นั้นแพ้ ตามกติกานี้....

มิได้....แล้วไง..ข้าพเจ้าซ่อนตัวก่อน...แล้วท่านผู้มีพระภาคเจ้าค้นหาก็แล้วกัน.

ว่าแล้วองค์เทพอิศวรก็เสด็จออกซ่อนองค์ โดยเดินทางไกลด้วยฤทธานุภาพเหาะไปหลายๆล้านโกฏโยชน์กิโลเมตร(ไกลลิบเลยละ..ว่างั้น)ไปถึงมหรรณพ Ocean ใต้ที่พระบรรทมพำนักขององค์นารายณ์โดยการย่อพระองค์เองให้เล็กที่สุดจนองค์เทพอิศวรไปขดอยู่ในนิเวศน์ Quantum (ว่าเข้านั่น) โดยมีเทพองค์นารายณ์บรรทมทับอยู่......โห และแล้วยังมั่นใจว่าอย่างไรๆเสีย..ถ้าคิดจะปลุกองค์นารายณ์เช่นไหนอย่างไรก็ไม่ตื่นบรรทมแน่ (สวรรค์นิเวศน์แห่งความสุขที่แสนจะเซาสะบัด)

เมื่อได้เวลาอันสมควรที่กำหนดสัญญากติกาไว้ให้แก่กันแล้ว องค์พระผู้มีพุทธภาคเจ้าลุกขึ้นยืนพร้อมที่จะเดินทางค้นหา แต่แล้วกลับคิดว่า ถ้าไม่ Search ซะก่อน คงเสียเวลาค้น ก็เลยเข้านั่งทำสมาธิเปิดจิตจักษุเนตรจรดจุดศูนย์กลางสันเศียร Basic Miter รอบองค์เป็นรัศมีวงกลมขยายรัศมีวงครั้งละ 1 Atom แล้วพิจารณาค้นหาไปทุก Quantum นิเวศน์...ทำเช่นนี้และขยายรัศมีวงกว้างขึ้นเรื่อยๆดั่งกับว่า คล้ายเครื่องจับภาพ Scanner ของเรือดำน้ำ ไม่นานก็เห็นองค์เทพอิศวร (ศิวายะ) ขดอยู่ในที่ดังกล่าว ปัญหามีอยู่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อมิให้องค์เทพนารายณ์รับรู้เรื่องมิสมควรนี้

เมื่อรู้เช่นนั้นแล้วองค์พระผู้มีพุทธภาคเจ้าก็เดินทางไกลด้วยฤทธานุภาพ เหาะไปหลายๆล้านโกฏโยชน์กิโลเมตร (มีฤทธิ์ร้ายพอกัน) ห่างที่หมายหมั้นพอประมานแต่ก็ยากที่จะเข้าไป Lock ตัวพลางรำพึงว่าอาตมาจะทำอย่างไรดีเพราะองค์เทพอิศวรเสด็จซ่อนองค์อยู่นั้นธาตุแท้เป็นพลังงาน Energy เป็นเม็ดเมือกเม็ดหนึ่งในจำนวนบอกจำนวนตัวเลขของมนุษย์ชาวโลกมิได้ในหลายๆๆๆ Quantum ต่อ Atom...โห..ๆ ในเม็ดนั้นมีหน่วยวัตพลังงานศักย์และพลังงานจลจึงทำให้อิศวรเทพขดองค์อยู่เฉยๆก็ยังเลื่อนไหลไปตามกระแสทั้งสองนั้น ร่วมหักสลับล้างกัน เป็นเป้าหมายที่เคลื่อนที่ได้และยากแก่การชี้ชัด...(ร้ายจริงๆ) สักพักพระผู้มีพระภาคเจ้าก็คิดออกว่า...อาตมาต้องแปลงตัวเป็นแมงหวี่บินเข้าไปในจมูกขององค์เทพอิศวร ต่อการย่อร่างในความมีเป็นตามสถานะ...กระทำอยู่อย่างนั้นทำให้จามจนตื่นแล้วกล่าวกับผู้ทรงกำหนอฟ้าว่า

อย่ามัวทรงหลับใหลลืมตื่นอยู่เลย..ท่านอภิมหาบพิธ...อาตมาค้นหาจนพบท่านแล้ว...ขอจงกับไปสวรรค์ชั้นตาวะติงสาที่เดิมเถิด..

จะกล่าวฝ่ายองค์เทพอิศวร ทำอิดเอื้อนได้ไม่เท่าไรก็จำต้องเสด็จกลับไปตามสัญญา...แถมยังกล่าวโอ่อีกว่า...เดี๋ยวคอยชมฤทธาของข้าพเจ้าเถิดจะใช้เวลาค้นหาท่านผู้มีพระเจ้าใช้เวลาให้น้อยกว่าครึ่งหนึ่งให้ดูผลก็แล้วกัน...พระคุณท่านมีฤทธิ์เท่าไหร่ใช้ให้หมดเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ

จากนั้นองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้แปลงพระองค์เป็นแมงหวี่ขนาดเท่ากับตอนไปค้นหาองค์อิศวรเทพ แล้วซ่อนตัวตรงหน้าชามผมอ่อนกลางหน้าผากบนตาที่สามของศิวะเทพ ต่อเมื่อได้เวลาอันสมควรที่กำหนดสัญญากติกาไว้ให้แก่กันแล้ว องค์พระผู้กำหนดฟ้า (ศิวะเจ้า) ค้นหานั่งเข้าทำสมาธิ จนข้าม GalaxyไปหลายๆๆGalaxy จนนับจำนวนมิได้เพราะ....ไม่ใช้เครื่องคิดเลข แต่เมื่อคิดเป็นเวลาของมนุษย์โลกนั้นร่วม 1 ปี องค์ศิวะเจ้านั้นอ่อนล้ายิ่งนักพร้อมกับเอ่ยว่า...ท่านผู้มีพระภาคเจ้า..เจ้าขา..ข้าพระองค์ไม่อยากเล่นแบบนี้อีกแล้ว อยู่หนใดจงปรากฏให้กระจ่างเถิดท่านผู้ล้นบุญ

ฝ่ายพระพุทธเจ้าเองนั้นก็ไมค่อยจะแน่ในฤทัย ทรงนิ่งเฉยเสียปล่อยให้ร้องเรียกซ้ำอยู่อย่างนั้นเพราะว่ารู้นิสัยใจคอซึ่งกันและกัน (ต่างฝ่ายต่างอ่านกันออก) ต่อเมื่อรู้แจ้งว่าองค์อิศวรหมดลายแน่แล้วก็ขานรับว่า...อาตมาอยู่นี่... ที่ไหนล่ะท่านพุทธะ..ก็ที่หน้าชามผมอ่อนกลางหน้าผากบนตาที่สามของอภิมหาบพิธนั่นและ.

หมายเลขบันทึก: 575215เขียนเมื่อ 26 สิงหาคม 2014 22:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม 2014 18:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

นั่งทำสมาธิ .... ทำให้สงบ จิตใจสงบ  พบทาง ... ค้นหาได้แจ้ง  สว่าง  นะคะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท