หนัง Third Person : รักสามเส้าของคนไร้สัจจะและพร่องจริยธรรม
หนังดูยากเรื่องนี้เล่าเรื่องของชายหญิงสามคู่ที่แต่ละคนก็มีปมปัญหาของตัวเองอยู่เดิม เมื่อมี “มือที่สาม” เข้ามาเกี่ยวเรื่องก็ยิ่งซับซ้อนสะท้อนความไร้สัจจะและพร่องจริยธรรมของคนในสังคมเมือง
หนังจงใจสร้างตัวละครให้เป็นตัวแทนจาก ๓ เมืองใหญ่ คือ นิวยอร์ค โรม และ ปารีส
นักเขียนชาย (Liam Neeson) เคยได้รางวัลพูลิตเซอร์ที่กำลังจะอับแสงเพราะโรงพิมพ์ปฏิเสธต้นฉบับล่าสุด มีปัญหาหนักหน่วงกับเมีย (Kim Basinger) หลังลูกชายวัยน่ารักเสียชีวิตในสระน้ำที่บ้านตัวเอง และเมียจับได้ว่าไปมีสัมพันธ์กับสาวสวยไฮโซ (Olivia Wilde) ที่มีปมส่วนตัวกับพ่อ
หนุ่มหน้าจืด (Adrien Brody) พ่อของลูกสาว ๗ ขวบที่เลิกกับเมีย?? กับสาวอิตาเลียน (Moran Atias) แม่ลูกติดที่กำลังดิ้นสุดฤทธิ์เพื่อหาเงินมาไถ่ตัวลูกจากอดีตสามี
สาวแม่บ้านโรงแรม (Mila Kunis) ต่อสู้เพื่อแย่งสิทธิการเลี้ยงดูลูกชายกับ อดีตสามีศิลปิน (James Franco) คนรวยผู้ไร้สัจจะที่มีแฟนสาวคนใหม่สวยและดี??
หนังขนดาราดังมาเต็มจอ ดึงดูดคอหนังอย่างฉันให้เข้าไปดู
พลอทเรื่องทั้ง ๓ แยกขาดจากกัน แต่เอามาเล่าไว้ในหนังเรื่องเดียวกัน หลอกให้คนดูลุ้นว่าเมื่อไหร่จะขมวดมาบรรจบกัน แต่ไม่ใช่ ทุกพลอทมีจุดคลี่คลายของตัวเองที่มีทั้ง จบสะใจ จบสุข และ จบเศร้า
นักเขียนชาย มีแนวโน้มจะเฉดหัวสาวสวยไฮโซร่านสวาททิ้งหลังเก็บเกี่ยวเรื่องราวฉาวโฉ่มาใส่ในนวนิยายประจานสังคมแล้วกลับไปอยู่กับเมีย เริ่มครอบครัวอีกครั้ง จบสะใจ
หนุ่มหน้าจืด ที่ทำท่าจะไม่ซื่อในตอนแรกแต่กลับเทใจรัก ทุ่มเงินหมดตัวเพื่อช่วยเหลือสาวอิตาเลียน ให้ได้พบหน้าลูกสาวอีกครั้ง หนังไม่ยอมเผยให้คนดูเห็นตัวเด็กหญิง แต่ทิ้งให้เป็นปริศนาว่าเด็กมีตัวตนหรือไม่ หรือเขาถูกหลอกให้เอาเงินมาทุ่มเพื่อพิสูจน์รัก จบสุข
สาวแม่บ้านโรงแรม แม่ผู้น่าสงสาร ความจนทำให้เธอไม่สามารถได้สิทธิดูแลลูกชาย แถมยังถูกสามีรวยแต่ใจดำไร้สัจจะหลอกให้สารภาพว่าเธอทำร้ายลูกจริงหรือไม่แล้วจะให้พบหน้าลูก แต่เขากลับทำตรงกันข้ามคือลากตัวเธอออกไปจากห้องขณะที่เธอดิ้นรนร้องขอความเมตตาต่อหน้าลูกชายตัวน้อย การกระทำครั้งนี้สร้างบาดแผลแก่ลูกชาย เด็กน้อยให้บทเรียนที่สำคัญแก่พ่อ เป็นการจบที่แสนเศร้า
พลอททั้งสามเรื่องดีมาก สะท้อนความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของคนเมืองใหญ่ แต่วิธีเล่าเรื่องยังกระท่อนกระแท่น ขาดๆ แต่ไม่เกิน บทและภาพแต่ละช็อทคลุมเครือมุ่งหวังให้คนดูติดตาม และคิดตาม รอบที่ไปดูมีคนขี้รำคาญดูไปครึ่งเรื่องแล้วก็ยังงุนงงสงสัยเดินออกไปจากโรงซะ ๒ คน (ในโรงมีคนดูไม่เกิน ๒๐ คน)
ชอบนะ หนังเรื่องนี้ ครึ่งเรื่องหลังถ้าเอามารื้อแล้วตัดต่อใหม่ ขยายความฉากท้ายๆ สักนิด พอให้คนดูได้มีเวลาลำดับความคิด จะเป็นหนังดีทีเดียว
สรุปความคิดได้ว่า สังคมเมืองใหญ่ใจคอคนช่างไร้สัจจะและพร่องจริยธรรม.
เสาร์ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๗
บันทึกส่งท้าย
- Third Person ยังฉายที่ สกาล่า และ ลิโด้ ย่านสยามสแควร์ วันเสาร์ที่ไปดูเป็นวันแรกที่ฉาย คาดว่าอยู่ไม่นาน
- ออกจากโรง เดินเข้าโรงเดิมดูต่ออีกเรื่อง เป็นหนังสารคดีเรื่อง “Deepsea Challenge” ของ เจมส์ คาเมรอน (ผู้กำกับหนัง ไททานิค , อวตาร ฯลฯ) ทำฝันวัยเด็กให้เป็นจริงด้วยการทุ่มเงินสร้างยานดำน้ำลงใต้ทะเลได้ลึกที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยทำได้ หนังน่าผิดหวัง
- แปลกแต่จริง ชายหนุ่มที่นั่งแถวหน้าฉันแกเล่นไลน์ไปดูหนังไป แสงสว่างจากจอมือถือที่ติดๆ ดับๆรบกวนสายตาทำให้คลื่นไส้แทบอาเจียน แต่อดทนนั่งดูจนจบ.
.................................
ความเห็น (12)
หนังน่าสนใจดีนะครับ
ยังไม่มีโอกาสได้ดูเรื่องนี้เลยครับ
ขอบคุณพี่มากๆครับ
-สวัสดีครับพี่หมอ
-หนังน่าดู.นะครับ
-พี่หมอนี่คอหนังเลยนะครับเนี่ย...อิๆ
-ผมนี่เข้าไร่ตลอด อิๆ
ไม่ได้ดูหนังโรงมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วจ้ะ ก็คงนับตั้งแต่ มีโทรทัศน์เป็นของตัวเองน่ะแหละจ้ะ
ดูหนัง ดูละคร ได้แง่คิดชีวิตนานารูปแบบนะคะ...ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ
ขอบคุณอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง ค่ะ อาจารย์คงไม่ค่อยมีเวลานะคะ
เข้าไร่ก็เพลิดเพลินและมีประโยชน์นะน้องเพชร เพชรน้ำหนึ่ง ได้เขียนบันทึกมาให้พวกพี่อ่านไง
ทำแบบน้องเพชรดีกว่าเพราะตังค์ไม่เสียแล้วได้ออกกำลังกายด้วยสิ
สงสัยไปโรงหนังไม่เป็นแล้วนะ น้องครู คุณมะเดื่อ แวะมาอ่านพี่เล่าเรื่องหนังละกัน
ใช่ค่ะพี่ใหญ่ นงนาท สนธิสุวรรณ ถ้าดูให้ดีดูให้เป็น หนังให้ข้อคิดดีๆ เยอะมาก คนโบราณถึงบอกว่า "ดูหนังดูละคร แล้วย้อนดูตัว" ไงคะ
ยินดีค่ะน้อง ทิมดาบ
ขอบคุณค่ะ คุณ 
เพ็ญศรี(นก) ที่แวะมาอ่าน