“งาน.... คือคุณค่าของชีวิตผม”


         มีผู้ป่วยชายไทยท่านหนึ่ง  อายุ 63 ปี  ศาสนาพุทธ  อาชีพข้าราชการบำนาญ (อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง)  แต่เนื่องจากท่านมีความสามารถในงานที่ทำและมีตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ดร. โบราณคดี  ท่านจึงได้เป็นอาจารย์พิเศษ/ที่ปรึกษาของนักศึกษาปริญญาเอก  ท่านป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายที่มีการลุกลามไปยังกระดูก  หัวไหล่  อาจารย์จัน(นามสมมติ)  พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง  ถูกส่งตัวมารับการฉายรังสี  เป็นเวลา 5 วัน

           วันนี้เป็นวันแรกที่อาจารย์จันมารับการฉายรังสี  ฉันได้สังเกตเห็นพยาบาลที่มาด้วย  มีท่าทีเกร็งๆ  เงียบไม่ค่อยพูดจา  ส่วนภรรยา  และลูกสาวก็ดูเศร้าๆ  บรรยายกาศดูอึมครึม  ฉันได้หาโอกาสเข้าไปสร้างสัมพันธภาพและทักทาย

สวัสดีค่ะ  พยาบาลชื่อกานดาวศรี  เป็นพยาบาลประจำที่ห้องฉายแสง”  ฉันเข้าไปทักทายและสร้างสัมพันธภาพ

สวัสดีครับ  ผมอาจารย์จัน”  อาจารย์จันตอบ

“ถ้าอาจารย์ต้องการความช่วยเหลืออะไร  บอกได้นะค่ะ  ยินดีค่ะ”  ฉันนำสนทนาต่อ

“ขอบคุณครับ   ผมต้องรีบรักษาให้เสร็จเพราะมีงานรออยู่”  อาจารย์จันตอบ

“ขอโทษนะค่ะ  อาจารย์พอจะบอกได้ไหม  ว่างานที่รออยู่นั้นเป็นงานอะไรค่ะ”  ฉันถามเพื่อประเมินว่า  งานนั้นคงมีความสำคัญต่ออาจารย์มาก

“ได้ครับงานเป็นประธานที่ปรึกษาของนักศึกษาปริญญาเอก 10 คน   เกี่ยวกับงานด้านโบราณคดี  พรุ่งนี้ทีมนักศึกษาทั้ง 10ค น จะมาเยี่ยมผม”   อาจารย์จันตอบอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

“โอโห้!   อาจารย์ต้องมีความรู้ความสามารถมาก  ถึงได้เป็นที่ปรึกษาของนักศึกษาป.เอก  ไม่ใช่ว่าจะเป็นกันง่ายๆ”   ฉันแสดงความชื่นชมพร้อมยกนิ้วให้

“ครับ  ผมรักและทุ่มเทกับงานด้านโบราณคดีมาก  บางครั้งไปฝังตัวเพื่อศึกษาอยู่ในชุมชนนั้นหลายปีทั่วประเทศไทย  บางชุมชนเป็นชนบทห่างไกลความเจริญ  มีทั้งชุมชนไทยพุทธ  ไทยมุสลิม  และทำวิจัยตีพิมพ์เผยแพร่ไม่ต่ำกว่า  30  ฉบับ  พรุ่งนี้ผมจะนำตัวอย่างวิจัยที่ตีผมมาให้  1ฉบับ”  อาจารย์เล่าให้ฟังถึงงานอย่างภาคภูมิใจ  และแสดงความตั้งใจที่จะนำผลงานมาให้

“ขอบคุณค่ะ  ฟังแล้วรู้สึกชื่นชมแทนคนทั้งประเทศที่มีคนระดับศาสตราดร. มันสมองของประเทศทำงานทุ่มเทและเสียสละตัวเองลงไปค้นคว้า/ทำงานในแหล่งที่ทุรกันดาร”  ฉันแสดงความชื่นชมพร้อมยกมือไหว้

“แต่นั้นแหละเท่าที่ทราบว่าการเรียนปริญญาเอกนั้นงานหนัก  เพราะมีน้องสาวและเพื่อนๆที่เรียน ป.เอก  บางคนบอกงานหนักแทบบ้าฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงงานประธานที่ปรึกษาป.เอก 10 คน  ว่าจะหนักแค่ไหน  ตอนนี้เป็นห่วงสุขภาพของอาจารย์ต้องการให้อาจารย์ปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ที่โรงพยาบาลเอกชนก่อนว่า  ควรรับงานนี้ดีไหมค่ะ”  ฉันแสดงและเสนอความคิดเห็น

“ขอบคุณครับ  ผมจะกลับไปปรึกษาเย็นนี้เลย  เพราะพรุ่งนี้เช้านักศึกษาป.เอก 10 คน  จะมาเยี่ยมและมาฟังคำตอบจากผมว่าจะเป็นประธานที่ปรึกษาไหม”  อาจารย์จันตอบ

             หลังจากการพูดคุยครั้งนี้ฉันประเมินว่าอาจารย์จันยังไม่ทราบพยากรณ์และความรุนแรงของโรค  จึงวางแผนจะรับงานเป็นประธานที่ปรึกษานักศึกษา ป.เอก  และสภาพภรรยาและลูกสาวอยู่ในภาวะ anxiety   โดยเฉพาะลูกสาวจะไปแอบร้องไห้ที่นอกหน่วยบ่อยๆ  น้องพยาบาลรพ.เอกชนบอกฉันว่า  “เนื่องจากอาจารย์เป็น  case VIP  และเป็นคนมีบุคลิกเงียบ  จึงไม่กล้าเข้าไปพูดคุยด้วย  แต่ก็แปลกใจที่พี่คุยกับอาจารย์อย่างสนิทสนม”

              รุ่งเช้าอาจารย์มาฉายรังสี  พอเจอหน้าฉันอาจารย์ยกมือไหว้พร้อมทั้งยื่นวิจัยที่ตีพิมพ์ 1 ฉบับ  ฉันเองแทบยกมือไหว้ตอบไม่ทัน

“ขอบคุณครับ  สำหรับคำแนะนำผมได้คุยกับอาจารย์แพทย์เจ้าของไข้แล้ว  ตกลงว่าผมไม่รับงานเป็นประธานที่ปรึกษานักศึกษา ป.เอก

“อาจารย์รู้สึกอย่างไรบ้างที่ไม่สามารถรับงานนี้ค่ะ”  ฉันถามเพื่อประเมินความรู้สึก

ตอนนี้ผมวางใจเรื่องงานแล้วครับ  ถึงแม้ว่างาน.... คือคุณค่าของชีวิตผม  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากขอความช่วยเหลือ...”  อาจารย์จันตอบด้วยเสียงเศร้าๆ

“ยินดีค่ะ  อาจารย์จะให้ช่วยอะไรค่ะ”   ฉันตอบ

“คือผมมีลูก 3 คน  คนโตเป็นผู้หญิงและคนสุดท้องเป็นผู้ชายจบดร.ทั้ง 2 คน  ผมไม่ห่วงแต่ผมห่วงลูกสาวคนที่  2 ที่มาด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะเรียนจบ ป. โท แต่เธอมีจิตใจที่ไม่เข้มแข็งและติดผมมาก  ช่วยดูแลลูกสาวคนนี้และภรรยาผม”  อาจารย์จันพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

ได้ค่ะ  และขอบคุณอาจารย์อย่างมากที่ไว้วางใจให้โอกาสพยาบาลคนนี้ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือดูแลครอบครัวและได้เรียนรู้ชีวิตของอาจารย์ที่แบบอย่างที่ดีของคนที่ทำงานทุ่มเท  เสียสละ”   ฉันตอบด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ

             หลังจากนั้นประมาณ  6 เดือน  อาจารย์จันก็เสียชีวิตอย่างสงบ

              เรื่่องนี้ฉันประเมินทางจิตวิญญาณของอาจารย์จัน  ได้จากการสังเกตในระหว่างพูดคุย ว่าเวลาอาจารย์จันพูดถึงเรื่องงาน  สายตา  น้ำเสียงที่แสดงความภาคภูมิใจ  และฉันเคารพให้คุณค่าต่องานของอาจารย์จัน  จึงทำให้เกืดความไว้วางใจและมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน

หมายเลขบันทึก: 574313เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2014 20:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม 2014 20:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เป็นตัวอย่างที่ดีของจิตวิญญาณในประเด็นที่ไม่ใช่เรื่องศาสนา ซึ่งมีความสำคัญมาก

ขอบคุณค่ะ

         คนทั่วไปมักเข้าใจว่าจิตวิญญาณเป็นเรื่องของศาสนาอย่างเดียว  บางครั้งทำให้ขาดการประเมินจิตวิญญาณทางด้านอื่นๆ  เคยมีคุณลุงที่ป่วยใน ICU ไม่รู้สึกตัว พยาบาลและญาติหวังดีเอาเทปธรรมะไปเปิดให้ฟัง  ปรากฎว่ากระสับกระส่ายเพิ่มขึ้น  สุดท้ายมาทราบข่าวว่าคุณลุงเพิ่งทะเลาะกับเจ้าอาวาสที่วัดเมื่อสัปดาห์ก่อนเข้ารพ. เนื่องจากเอาวัวไปกินหญ้าที่วัด  สุดท้ายมาสงบกับเพลงสุนทราภรณ์

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท