ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ช่วงตอนเย็น ๆ ในตอนแรกย่านัด
กับลุงภัครว่า...จะออกไปหาอะไรกินกันข้างนอก...แต่แล้วย่าก็เห็น
Line ของแม่อ้อม Line มาบอกย่าว่า...ฟ้าตัวร้อนจัดตั้งแต่เช้า
จะพาไปหาหมอที่คลีนิกก่อน...สักเกือบ ๒๐ นาที แม่อ้อมก็ Line
มาบอกย่าว่า...หมอบอกว่า...น่าจะไวรัสลงกระเพาะ...เพราะอาการ
ตัวร้อนมีไข้ ประมาณ ๓๙ ตั้งแต่เช้า นอนซมทั้งวัน ไม่ยอมกินนม
ไม่กินข้าว นอนทั้งวัน...หมอแนะนำว่า ควรไปโรงพยาบาลเพื่อให้
น้ำเกลือ...แต่ฟ้าครามได้ฉีดยามาแล้ว ๑ เข็ม...ปกติหนูเมื่อฉีดยา
แล้ว หนูจะมีอาการดีขึ้น ตัวจะไม่ร้อน...แต่นี่กลับมีไข้สูงขึ้น
ย่าขับรถยนต์ไปรับหนูมานอนที่บ้านที่พิษณุโลกกันก่อน เพื่อดู
อาการจากที่ฉีดยาไปแล้ว ๑ เข็มที่คลีนิก...
แต่อาการตัวร้อนของหนูก็ไม่ทุเลา กลับตัวร้อนจัด เช็ดตัวก็แล้ว
หนูก็ไม่ดีขึ้น แถมที่หัวใจหนูเต้นแรงและดังมาก...ทำเอาย่ากับ
แม่อ้อมใจคอไม่ดี...ย่าจึงชวนแม่อ้อมพาหนูมาที่โรงพยาบาล
พิษณุเวชกัน ประมาณตี ๑ กว่า ๆ...พอมาถึงโรงพยาบาล ก็มีเด็ก ๆ
ที่มีอาการเช่นเดียวกับหนูอีก ๒ คน มีอาการคล้าย ๆ กับฟ้าคราม
สุดท้าย หนูก็ถูกให้นอนที่โรงพยาบาล...แต่ห้องของเด็กไม่มี
จึงได้ไปนอนที่ห้องของผู้ใหญ่ เตียงก็เป็นเตียงของผู้ใหญ่
เพราะชั้นเด็กที่ป่วยเต็มไม่มีเตียงว่าง...หนูได้นอนชั้น ๓ เป็นชั้น
ที่หนูได้คลอดตอนแรกเกิด...ราคาห้อง ๒,๔๕๐ บาท ย่าก็ยอม
เพราะไม่ต้องการให้หนูทรมาน...หนูตัวร้อนจัด พยาบาลใช้ผ้า
ซึ่งเหมือน ๆ กับจะมีน้ำอมกับผ้ามาก จนเหมือนกับจะเช็ดตัวหนู
ด้วยการอาบเสียมากกว่า...พยาบาลบอกย่าว่า...ให้เด็กหนาวดีกว่า
เด็กชัก เพราะจะไม่ดีต่อสมองของเด็ก...ย่าเห็นพยาบาลเช็ดตัว
ของหนู ทำให้ย่านึกถึงตอนลุงภัครและพ่อเพรียงในตอนเด็ก ๆ
ลูกชายของย่าสองคน ไม่เคยมีอาการเหมือนหนู ไม่มีอาการ
ตัวร้อนจัดเช่นหนู มีบ้าง แต่ก็ไม่มากเช่นนี้...
ยามที่หนูตัวร้อนจัด หนูจะไม่กินนม ไม่พูด นอนนิ่ง หน้าเซียว ๆ
หนูนอนโรงพยาบาลได้ ๓ คืน รวมทั้งคืนที่เข้าไปพักด้วย
หนูถูกฉีดยาแก้อักเสบ ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้หวัด เพราะสรุปว่า
หนูเป็นไวรัสลงกระเพาะเช่นหมอที่คลีนิกบอก...ตรวจเลือด
ดูทุกโรค หนูไม่มีอาการโรคไข้หวัด ๒๐๐๙ ฯลฯ แต่สุดท้าย...
หนูเป็นไวรัสลงกระเพาะ เพราะหนูอาเจียรด้วย...ย่าเห็นแล้ว
สงสารหนูเลยล่ะ...ในตอนแรกที่พยาบาล Lock มือหนูเพื่อ
จะได้แทงเข้มเพื่อให้น้ำเกลือกับฉีดยา แล้วก็ดามด้วยผ้าไว้
เพื่อไม่ให้หนูเจ็บหลายครั้ง คืนแรกหนูถูกให้น้ำเกลือ ๑ ถุง
กว่าจะหมดก็ปามาอีกตอนเย็น ๆ ของอีกวันหนึ่ง...ย่าสังเกต
เห็นหนูว่าจะมีอาการอย่างไรเมื่อพยาบาลแทงเข็ม หนูร้องนิดหนึ่ง
ไม่มาก...ย่าถามว่ากลัวไหม? หนูตอบว่า ไม่กลัว พร้อม ๆ กับ
ดูที่พยาบาลแทงเข็ม...ย่าบอกว่า "นี่ไง ที่บอกว่าจะเป็นหมอ
ก็ต้องทำได้แบบนี้" หนูพยักหน้ารับตอบกับย่า...
ในช่วงที่ต้องดามมือไว้ หนูก็ซุกซน ขึ้น - ลง เตียง แบบไม่กลัว
พร้อม ๆ กับประคองข้างที่แทงเข็มยากับเข็มน้ำเกลือไว้...
ช่วงที่ป่วยอยู่โรงพยาบาล หนูบอกย่าว่า...คิดถึงพ่อเพรียงกับ
ปู่เร อยากกลับบ้าน บางคราวก็นั่งข้าง ๆ หน้าต่าง มองไปที่
จอดรถของย่าที่จอดไว้ ว่าคันไหนรถย่า เมื่อไรจะได้กลับบ้าน
ย่าเห็นอาการแล้วก็สงสารหนูจัง!!! งานนี้ หมดค่าใช้จ่าย
ไป ๑๓,๘๑๙ บาท เล่นเอาตัวเบาไปเลยล่ะ...
ย่าเขียนไว้ เพื่อให้หนูได้อ่านยามที่หนูโตขึ้นว่า...นี่คือ
ประวัติของหนูที่ครั้งหนึ่งหนูต้องมานอนโรงพยาบาล
เหมือนตอนที่ลุงภัครเป็นเด็กตอนอายุได้ ๗ วัน ก็มาเข้า
ที่โรงพยาบาลพิษณุเวชเช่นกันเนื่องจากปอดบวม
สำหรับพ่อเพรียง เป็นเด็กแข็งแรง ไม่เคยเข้าโรงพยาบาล
เช่นลุงภัครกับหนูเลย...สำหรับวันนี้ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๗
ครบอายุหนู ๓ ขวบ ๑ เดือน พอดี...
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
บุษยมาศ แสงเงิน
๓ สิงหาคม ๒๕๕๗
กว่าจะได้เข้าห้องกันก็ปาเข้าไปตี ๒ ครึ่ง
นี่คือ ภาพเหตุการณ์ที่หนูป่วยเป็นไวรัสลงกระเพาะ
ระหว่างวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ - ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗
สายใยใดเล่าจะเท่า..."สายใยรัก" ระหวางพ่อเพรียงกับหนู
หนูบ่นว่า...คิดถึงพ่อเพรียงกับปู่เร จนพ่อเพรียงต้องขับรถมอเตอร์ไซด์
เข้ามาหาหนูที่โรงพยาบาลทุกวัน...ความสุขที่หนูได้เห็นพ่อเพรียง
ดูมาดการนอนของหนู...ดีใจและสุขใจที่อยู่กับพ่อเพรียง...
ลุงภัครมาเยี่ยมหนูทุกวัน...เพราะช่วงนี้ลุงภัครกลับมาอยู่กับย่าที่บ้านแล้ว
ได้เพื่อนเล่น หนูก็อารมณ์ดี สดชื่่นขึ้นทันตาเห็น...พอตกกลางคืน
อาการตัวร้อนก็รุม ๆ อีก...
ติดจังกับผ้าเน่าผืนนี้...เวลาจะนอนก็ขอให้เอามาพันตัวหนู
ถามหาแต่ผ้าของฟ้าฯ คริ ๆ ๆ
(เด็ก ๆ ชอบติดผ้ากันนิ...อิอิ)...
หมออนุญาตให้หนูกลับบ้านได้แล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้า...นั่งมองออกไป
นอกหน้าต่าง...หนูอยากกลับบ้าน...หนูออกจากโรงพยาบาล
วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยย่าขอลางาน ๑ วัน เพื่อไปเคลียร์
เรื่องค่าใช้จ่ายของหนู...
ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุก ๆ ท่านค่ะ