“อัศจรรย์ ..........”


              ผู้ป่วยชายไทย  อายุ  61ปี  ศาสนาพุทธ  อาชีพรับราชการ (อาจารย์วิศวกรในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง)  ป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังระยะสุดท้ายมีการแพร่กระจายไปกระดูกและปอด)  รักษาโดยการผ่าตัด   ฉายรังสี  และเคมีบำบัด

              ฉันได้รู้จักและมีโอกาสดูแลอาจารย์เอก (นามสมมติผู้ป่วย) เมื่อประมาณ  3  ปี   ก่อนอาจารย์เอกมาฉายรังสี   ฉะนั้นสัมพันธภาพระหว่างฉัน    แพทย์รังสีรักษาและอาจารย์เอกจึงแน่นแฟ้น  มีหลายๆเรื่องที่อาจารย์เอกไม่เคยเล่าให้ใครฟังแต่จะมาเล่าให้ฉันฟังในบางครั้งอาจารย์เอกจะเป็นที่ปรึกษา  เช่น   เรื่องการเรียนวิศวกรรมของลูกสาว   เรื่องธรรมะ เป็นต้น

              วันหนึ่งพี่สาวอาจารย์เอก  คุณนี (นามสมมติ)โทรมาบอกว่า  “อาจารย์เอกอาการไม่ค่อยดี   นอนอยู่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งต่างอำเภอ”   ฉันจึงตัดสินใจเดินทางไปเยี่ยมทันที   อาจารย์เอกรู้สึกตัวดี  อ่อนเพลียมาก   หายใจเหนื่อย  On O2  ทาง cannular 3L/min

              “สวัสดีค่ะ    อาจารย์เป็นอย่างไรบ้างค่ะ”   ฉันเข้าไปทักทายพร้อมยกมือไหว้

               “ช่วย     ช่วยผมด้วย..........”   อาจารย์เอกร้องไห้จนตัวสั่น

               เป็นภาพที่ฉันรู้สึกสะเทือนใจมากเพราะมีแม่ อายุ  90  ปี  พี่สาวนั่งอยู่ข้างๆ  และที่ผ่านมาฉันเห็นภาพของอาจารย์เอกที่เข้มแข็ง  อ่อนโยน   ใจดี   และคุยสนุกมีสาระข้อคิดดี

                “อาจารย์จะให้ช่วยอะไรค่ะ”   ฉันถาม

               “ผมแบกทุกข์มา  20 กว่าปี   ที่ทุกข์หนักในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา   และสิ่งต้องการให้ช่วยคือ

               1. ให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากชีวิตผม (ภรรยาที่แยกทางมาประมาณ20 กว่าเพิ่งกลับมาดูได้ไม่ถึงเดือนและมีความคิดที่จะยื้อชีวิตอาจารย์โดยการใส่ท่อช่วยหายใจเมื่อหายใจเองไม่ได้ปั๊มหัวใจเมื่อหัวใจหยุดเต้น)

               2. ทรัพย์สินที่มีอยู่มอบให้แม่และพี่สาว

               3. ไม่ต้องการให้ยื้อชีวิตเมื่อเข้าสู่วาระสุดท้ายและต้องการเสียชีวิตที่บ้านอย่างสงบ”อาจารย์เอกพูดไปด้วยเสียงเครือและน้ำตาคลอเป้า"   อาจารย์เอกตอบด้วยเสียงสั่นเครือ

               “ได้ค่ะ ”   ฉันตอบ

                 หลังจากการพูดคุยในวันนั้นฉันนำปัญหาทั้งหมดมาปรึกษาอาจารย์เต็มศักดิ์ในฐานะแพทย์ที่ทำงานด้าน  palliative   และอาจารย์แพทย์เจ้าของไข้ว่า  “ ควรทำอย่างไรดี”

                  อาจารย์ทั้ง  2  ท่าน  ให้ข้อคิดเห็นดังนี้คือ

                  “ประเด็นแรก  ให้เอาภรรยาออกไปจากชีวิตของอาจารย์เอกนั้นจัดการไม่ยากถ้าสมองและหัวใจต้องการ  บอกรปภ./ตำรวจ ไม่ยาก   ให้ฉันกลับไปถามอาจารย์เอกว่าสมองหรือหัวใจต้องการ   ถ้าสมองต้องการก็ไม่ควรทำฉันกลับหาอาจารย์เอกอีกครั้งหนึ่งในที่สุดสมองต้องการแต่หัวใจไม่ต้องการ”

                  “ประเด็นที่สอง   ทรัพย์สินที่มีอยู่มอบให้แม่และพี่สาวให้ปรึกษาทนาย”

                  “ประเด็นที่สาม   ไม่ต้องการให้ยื้อชีวิตเมื่อเข้าสู่วาระสุดท้าย   ให้ทำหนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในวาระสุดท้าย   ส่วนเรื่องการไปเสียชีวิตที่บ้านอย่างสงบจะต้องมีการวางแผนจำหน่ายและประชุมครอบครัวเพื่อเตรียมคนดูแล.....สถานที่/อุปกรณ์และติดต่อเครือข่ายโรงพยาบาลใกล้บ้าน”

                   ในที่สุดเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้    อาจารย์แพทย์เจ้าของไข้จึงรับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล

                   ก่อนเสียชีวิต 5 วันอาจารย์เอกต้องการไปไหว้สมเด็จเตี่ย (กรมหลวงชุมพร) ที่สงขลา   ไปดูสะพานเปรมฯที่เคยงานก่อสร้าง (เกาะยอสงขลา)   ไปดูสถานที่ตนเองเคยออกแบบลานพระรูปรัชกาลที่ 6  (โรงเรียนมหาวชิราวุธ)   ไปเยี่ยมขวานฟ้าหน้าดำ(สุนัขที่เลี้ยงไว้ที่บ้านสงขลา)  

                   วันนั้นเป็นวันที่3 มกราคม2555เป็นวันที่เราพาอาจารย์เอกไปสงขลา โดยมีอาจารย์แพทย์เจ้าของไข้แพทย์ ฉัน  และครอบครัวของอาจารย์เอก  ฉันในฐานะพยาบาลเตรียมเรื่องอุปกรณ์  เช่นถัง  O2   เครื่องวัดค่า O2เ   ครื่องวัดสัญญาณชีพ   เป็นต้น  และติดต่อพยาบาลเครือข่าย    ถ้ามีเหตุฉุกเฉินสามารถเข้าโรงพยาบาลสงขลาได้ทันที

                    ภาพอาจารย์เอกวันนั้นดูมีความสุขมาก   ยิ้มตลอดเวลา   เล่าเรื่องราวของสถานที่แต่ละแห่งอย่างภาคภูมิใจ   เมื่อกลับมาถึงหอผู้ป่วยอาจารย์เอกยกมือชูสองนิ้วบอกพยาบาลที่หอผู้ป่วยว่า    “อัศจรรย์”  

                   หลังจากนั้น   5  วัน  อาจารย์เอกก็ไปเสียชีวิตที่บ้านอย่างสงบ  และอบอุ่นท่ามกลางครอบครัว   แพทย์   พยาบาล

                    ขอบคุณบทเรียนทรงคุณค่า

                   “บทเรียนนี้ซับซ้อนยุ่งเหยิงวุ่นวายซ่อนเงื่อนพวกเราทุกคนร่วมมือกันทำงานเป็นทีมช่วยกันคลายปมและสานใหม่อย่างสวยงามอย่างที่ผู้ป่วยต้องการและสอนให้มองต่างมุม...เป็นความงดงามของการแบ่งปัน/เอื้ออาทรและการจากไปอย่างสงบสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์” .........จากพยาบาล

                    ขอบคุณครับที่ได้มาสอนคนอย่างผมให้เป็นหมอ   และเป็นคนที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น   ขอบคุณที่เชื่อใจในคนอย่างผมจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตผมรู้ว่าระหว่างการเดินทางเราช่วยกันเตือนสติของกันและกัน   จนสุดท้ายเราทั้งสองคนได้เดินทางจนถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดของธรรมะ   นั่นคือความเป็นธรรมชาติซึ่งเกิดจากการมีสติรับรู้พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยปัญญาและดับทุกอย่างลงด้วยเหตุผล....สุดท้ายผมรู้ได้ในลมหายใจสุดท้ายของคุณว่า  ใบโพธิ์ของคุณโดนปลดเปลื้องออกจากหัวใจอย่างสมบูรณ์และขอบคุณที่ช่วยปลดเปลื้องใบโพธิ์ของผมด้วยเช่นกัน..”

                                                                                                             รักและเคารพเสมอไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

                                                                                 (สุดท้ายแล้วการดูแลรักษาผู้ป่วยคือการเยียวยาและพัฒนาหัวใจตนเอง...)

หมายเลขบันทึก: 572974เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2014 19:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 กรกฎาคม 2014 19:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

มีดอกไม้มาฝากให้กำลังใจกันและกันเจ้าค่ะ...

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท