ในสังคมของการกำกับดูแลนั้น มีมาตรฐานหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นพิ้นฐานของการทำงาน คือ การรักษาความลับและการแสดงความไม่มีส่วนได้เสีย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นกลางในการกำกับดูแล และเป็นหลักประกันของการเป็นอิสระในการทำงานที่ปราศจากอคติ ทั้งปวง และยังทำให้เกิดความเชื่อใจจากผู้ที่เกี่ยวข้องหรือมีส่วนเกี่ยวข้องว่าข้อมูลที่ให้แก่หน่วยงานที่กำกับดูแลนั้น จะไม่รั่วไหลไปเพื่อประโยชน์อื่นใด ดังนั้นจึงถือว่าเป็นกฏเหล็กเลยที่เดียว ที่นักกำกับดูแลจำเป็นต้องยึดถือในการรักษาความลับและการแสดงไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ให้เป็นเสมือนหัวใจของการทำงานทุกครั้ง
การแสดงความไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นหลักสำคัญที่มุ่งหมายให้การกำกับดูแลปราศจากอคติทั้งมวล เป็นหลักประกันของความเป็นกลาง ทำให้ทราบและพิจารณาความเป็นกลางของผู้ให้ความเห็นได้อย่างชัดเจน การแสดงความไม่มีส่วนได้ส่วนเสียนี้ จำเป็นต้องแสดงส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ในทางทฤษฎีโดยทั่วไปแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการกำกับดูแลควรเป็นผู้ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยสิ้นเชิงไม่ว่าทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่อย่างไรก็ตามในการกำกับดูแลบางสาขาหรือบางผลิตภัณฑ์ ที่มีความจำกัดในบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ หรือจำเป็นที่ต้องใช้องค์ความรู้ที่ถือเป็นนวัตกรรมที่ก้าวหน้ามาก จะพบอุปสรรคของการสรรหาผู้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยสิ้นเชิงทั้งทางตรงและะทางอ้อม ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากสำหรับการกำกับดูแลในสาขาดังกล่าว ในการบริหารจัดการการไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการกำกับดูแลจะต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง ส่วนการมีส่วนได้ส่วนเสียทางอ้อมนั้นอาจจำเป็นต้องพิจารณาเป็นรายกรณี ขึ้นอยู่กับองค์คณะหรือขั้นตอนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการกำกับดูแล ซึ่งการมีส่วนได้ส่วนเสียทางอ้อมนี้ย่อมจะลดทอน คุณค่าของความเห็นทางวิชาการลงไปมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับบริบท ณ เวลา นั้น ๆ
สนใจ อ่านต่อ คลิ๊กที่นี่เลย ครับ
สำหรับนักศึกษาฝึกงาน
ดังนั้นในการฝึกงาน นักศึกษาจึงควรเรียนรู้หลักการของการรักษาความลับและการแสดงความไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
โดยนักศึกษาโปรดศึกษาและทำความเข้าใจ เอกสารการแสดงส่วนได้ส่วนเสีย และการรักษาความลับ ตามไฟล์ที่แนบ
ทั้งนี้ ก่อนเข้าฝึกงาน จะมีขั้นตอนให้ นักศึกษาลงนามในเอกสารดังกล่าว
ไม่มีความเห็น