ชินกาลมาลีปกรณ์​เรื่องอติทูรนิทาน (สุภัชชา พันเลิศพาณิชย์)


ชินกาลมาลีปกรณ์เรื่องอติทูรนิทาน (สุภัชชา   พันเลิศพาณิชย์)

บัดนี้จะได้เล่าเรื่องอติทูรนิทาน (เรื่องไกลสุด) ต่อไป

พระคันถรจนาจารย์ประพันธ์ไว้เป็นคาถาว่า

สพฺพภโทฺร สพฺพผุลฺโล รตโนสภขนฺธโก

มานิภทฺร ปทุโม จ อุสโภ จ อสํเขยฺโย

ขนฺธุตฺตโม สพฺพผาโล นวโมติ ปวุจฺจติฯ

แปลว่า

ท่านกล่าวถึงอสงไขย ๙ อย่าง คือ สัพพภัททอสงไขย ๑ สัพพผุลละอสงไขย ๑ รตนะอสงไขย ๑ อุสภขันธกะอสงไขย ๑ ขันธุตตมะอสงไขย ๑ สัพพผาละอสงไขย ๑

อสงไขยเหล่านี้ พระโพธิสัตว์ของเราจุติจากเทวโลกในสัพพภัททอสงไขย ถัดจากปุณฑริกอสงไขย ทรงอุบัติในราชตรนะกูลนครธัญญวดี ในกัปชื่อสารมัณฑกกัป ซึ่งในกัปนี้มีพระพุทธ ๔ พระองค์ ต่อจากชาตินั้นมาอีกชาติหนึ่ง ได้ทรงบังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ บำเพ็ญพระราชจริยานุวัตรของพระเจ้าจักรพรรดิครบถ้วน พระองค์เป็นพระธรรมราชาตั้งอยู่ในธรรม มีมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นขอบเขต เป็นผู้ทรงชัย ทรงเป็นพระอาจารย์ผู้แนะนำสั่งสอนราษฎรทั่วชนบท พร้อมบูรณ์ไปด้วยแก้ว ๗ ประการ ทรงชนะแผ่นดินอันมีมหาสมุทรเป็นขอบเขตนี้ โดยไม่ใช้อาชญา และไม่ใช้ศัสตราวุธ แต่ทรงชนะโดยธรรม ทรงปกครองโดยยุติธรรม เสวยสมบัติจักรพรรดิในทวีปทั้ง ๔ (ชมพูทวีป อมรโคยานทวีป อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีป)

ครั้งนั้นพระตถาคตปุราณศากยมุนี(พระศากยมุนีองค์ก่อน) บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขย แสนกัปมาแล้ว ได้ตรัสเป็นพระพุทธอุบัติขึ้นมาในโลก พระองค์ครองฆราวาสอยู่ ๕ooo ปี เห็นนิมิต ๔ อย่าง เสด็จออกมหาภิเนษกรณ์(ออกบวช) ทรงกระทำความเพียรอยู่ ๘ เดือน จึงตรัสรู้ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเทศนาธรรมจักร ด้วยธรรมานุภาพแห่งธรรมจักรนั้น แผ่นดินใหญ่ไหว จักรรัตนะขอพระเจ้าจักรพรรดิก็พลอยสั่นสะเทือนไปด้วย

พระราชาจักรพรรดิ ตรัสถามโหรทั้งหลาย โหรกราบทูลว่า จักรรัตนะสั่นสะเทือนครั้งนี้ เป็นด้วยพุทธานุภาพ อันตรายจะมีแก่พระองค์หามิได้ พระเจ้าจักรพรรดิทรงสดับพุทธคุณที่พวกโหรเหล่านั้นทูลพรรณนาหลายอย่างหลายประการ ทรงปีติโสมนัส ตรัสถามโหรว่า เดี๋ยวนี้พระองค์ประทับอยู่ที่ไหน โหรทูลว่า เดี๋ยวนี้พระผู้มีพระภาคอาศัยนครธัญญวดีประทับอยู่ในอุทยานชื่อมิคาจิรวัน พระองค์ทรงสดับคำทูลของโหรแล้ว เสด็จออกไปด้วยความสง่าของพระเจ้าจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยทหารมีกระบวนแถวยาว ๑๒ โยชน์(๑๙๒ก.ม.) เสด็จเข้าสู่อุทยานมิคาจิรวัน ทอดพระเนตรเห็นพระตถาคตประทับนั่งบนพุทธอาสนอันตบแต่งไว้แล้ว ทรงยอบพระองค์ลงแทบพระบาทของพระศาสดา ทอดพระเนตรเห็นพุทธสิริหาที่เปรียบมิได้ จึงตรัสสรรเสริญพระพุทธคุณมีประการต่างๆ แล้วทรงคิดอย่างนี้ว่า ในอนาคตภายหน้า ขอให้เราได้ตรัสรู้ แล้วให้ผู้อื่นตรัสรู้ด้วย ขอให้เราพ้นจากกิเลส แล้วให้ผู้อื่นพ้นด้วย ขอให้เราข้ามสังสารวัฏ แล้วให้ผู้อื่นข้ามได้ด้วย เหมือนพระศากยมุนีโดดมพระองค์นี้เถิด แล้วทรงถวายสหัสสทาน คือ ทานสิ่งของอย่างละ ๑ooo แก่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธประมุข แล้วเปล่างพระวาจาแสดงความปรารถนาว่า ขอให้ข้าพเจ้าได้ตรัสเป็นพระพุทธมีชื่อว่า โดดม ในอนาคตเหมือนพระพุทธทรงพระนามว่า โดดม ในปัจจุบันนี้เถิดฯ

พระศาสดาทรงสดับคำปรารถนานั้นแล้ว ทรงส่งอนาคตังสญาณ (ญาณหยั่งรู้ในอนาคต) ไปสำรวจดู ทรงพบว่า ในอนาคตล่วงไปอีก ๑๓ อสงไชยแสนกัป มีกัปหนึ่งชื่อภัททกัป ซึ่งมีพระพุทธ ๕ พระองค์ พระราชาจักรพรรดิองค์นี้ จักได้ตรัสเป็นพระพุทธทรงพระนามว่า โดดม เหมือนชื่อของตถาคต จึงตรัสว่า ขอถวายพระพร ถ้ากระนั้นขอให้มหาบพิตรบำเพ็ญพุทธการกธรรม(ธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเถิด)

พระโพธิสัตว์ แม้จะได้พบเห็นพระศาสดาในชาตินี้ก็จริง แต่ยังไม่บริบูรณ์ด้วยธรรมสโมธานมีบรรพชาเป็นต้น จึงยังไม่ได้รับพยากรณ์ในสำนักพระพุทธปุราณศากยมุนีโดดม เมื่อได้ทรงสดับพุทธวาจานั้นแล้ว ปลื้มปิติดั่งว่าจะตรัสเป็นพระพุทธในวันพรุ่งนี้ จึงสละราชสมบัติจักรพรรดิทั้งหมดแล้ว ทรงผนวชในพระพุทธศาสนา ครั้นสิ้นพระชนมายุ ก็ไปบังเกิดในพรหมโลก

อนึ่งในสัพพภัทรอสงไขยนั้นเอง มีพระพุทธอื่นๆ เสด็นอุบัติขึ้นมาถึง ๔๙ooo พระองค์ ต่อจากนั้นก็มาถึงสัพพผุลละอสงไขย ในอสงไขยนี้มีพระพุทธเสด็จอุบัติขึ้นมาถึง ๖oooo พระองค์ ต่อจากนั้นก็มาถึงสัพพรตนะอสงไขย ในอสงไขยนี้มีพระพุทธเสด็จอุบัติขึ้นมาถึง ๗ooo (ในต้นฉบับใบลานเดิมว่า สตฺตติสหสฺสา แปลว่า ๗oooo) พระองค์ ต่อจากนั้นก็มาถึงอุสภขันธกะอสงไขย ในอสงไขยนี้ มีพระพุทธเดส็จอุบัติขึ้นมาถึง ๘oooo พระองค์ ต่อจากนั้นก็มาถึงมานิภัทรอสงไขย ในอสงไขยนี้มีพระพุทธอุบติขึ้นมา ๙oooo พระองค์ ต่อจากนั้นมาปทุมอสงไขยในอสงไขยนี้มีพระพุทธอุบติขึ้นมา ๒oooo พระองค์ ต่อจากนั้นก็มาถึงอุสภะอสงไขย ในอสงไขยนี้มีพระพุทธอุบติขึ้นมา ๑oooo พระองค์ ต่อจากนั้นก็มาถึงขันธุตตมะอสงไขย ในอสงไขยนี้มีพระพุทธอุบติขึ้นมา ๕ooo พระองค์ (บ้างก็ว่า ๗ooo) พระองค์ ต่อจากนั้นก็มาถึงสัพพผาละอสงไขย ในอสงไขยนี้มีพระพุทธอุบติขึ้นมา ๒ooo พระองค์ การปรารถนาโดยแสดงออกทางวาจาได้แก่พระโพธิสัตว์ซึ่งกระทำอธิการในสำนักพระพุทธทั้งหลายเหล่านั้น พระโพธิสัตว์ของเราทั้งหลาย ได้กระทำอธิการในสำนักของพระพุทธจำนวน ๓๘๗ooo พระองค์ มีพระปุราณศากยมุนีเป็นต้น ในอสงไขยทั้ง ๙ ชื่อว่าได้กระทำการปรารถนาโดยแสดงออกทางวาจาดั่งนี้แล

กาลแห่งพระโพธิสัตว์แสดงความปรารถนาด้วยวาจา ในเรื่องอติทูรนิทาน

จบบริบูรณ์ ด้วยประการฉันี้

เรื่องเปล่งวาจาจบ

หมายเลขบันทึก: 569548เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2014 22:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 มิถุนายน 2014 22:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

กระต่ายไม่ประสงค์ทำเป็นไฟล์ PDFเพราะอยากเผยแพร่พุทธศาสนาและมิประสงค์ที่จะหวงแหนในสิ่งตัวตนเองได้พิมพ์เนื้อหาชินกาลมาลีปกรณ์ใหม่ด้วยเหตุเพราะกระต่าย รักและศรัทธา ชื่นชอบชินกาลมาลีปกรณ์เป็นพิเศษจนมิอาจหาเหตุผลให้ตัวเองได้ว่าเพราะเหตุใดที่ชอบอ่านหนังสือเล่มนี้โดยไม่รู้เบื่อต้องขขออบพระคุณพระรัตปัญญาเถระที่ทำให้ปัญญาอันน้อยนิดได้เพิ่มพูนด้วยแสงแห่งพระธรรม..แม้นมีผู้ใดต้องการที่จะเผยแพร่ต่อขออนุโมทนาบุญยิ่ง...ด้วยตัวใจที่นับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ...สุภัชชา พันเลิศพาณิชย์....

เพ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท