ถ้าเรานีกถึงประเทศแอฟริกา แต่ก่อนสิ่งแรกที่เกิดขึ้นในมโนภาพคือการเห็นผู้คนผิวดำ ร่างกายบึกบึนน่าเกรงขาม แต่กลับเป็นทาสที่ทำงานอย่างหนัก เห็นเด็กๆถอดเสื้อวิ่งเล่นฝุ่นตลบในสนามดิน มีรอยยิ้มที่เห็นแต่ฟันขาวๆ ความเป็นอยู่ก็เรียบง่ายจนมองเหมือนคนไม่ศิวิไลซ์ แต่ปัจจุบัน แอฟริกาคือประเทศที่เป็นเจ้าภาพฟุตลอลโลก คนผิวดำมากมายที่มีเชื้อสายแอฟริกัน กลับเป็นผู้นำของประเทศหลายคน และมีคนผิวขาวเป็นพลเมือง
แต่ก่อนที่คนแอฟริกาจะมีสิทธิเสรีภาพเช่นทุกวันนี้ เขาถูกปกครองด้วยคนผิวขาวชาวยุโรป ที่มีเพียง 8 %ของประเทศมาก่อน ซึ่งคนเหล่านี้มีอิทธิพลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทำตัวเหมือนเจ้าของประเทศ เป็นพลเมืองต่าชั้นกับคนผิวดำ ซึ่งคล้ายกับอาณานิคมอื่นๆของอังกฤษ มีผู้บันทึกไว้ว่า
( ภาพจาก Bloggang ของคุณ alei )
"คนผิวสีในแอฟริกาใต้ช่วงนั้น ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งไม่สามารถใช้สาธารณูปโภค เช่น รถเมล์ โรงเรียน ชายหาดหรือแม้กระทั่งม้านั่งในสวนสาธารณะ ร่วมกับคนผิวขาวได้ คนผิวสีถูกจำกัดเขตที่อยู่อาศัยและถึงขนาดต้องมีสมุดประจำตัวเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ทุกครั้งที่พบหน้า"
ยิ่งหลังสงครามโลกครั้งที่สองถึงกับมีกฎหมายในการเหยียดสีผิวอย่างเข้มข้นชัดเจน และคนผิวดำแม้จะเป็นคนพื้นเมืองมาแต่ต้น กลับมีสถานะที่ต่ำสุด การดูถูก ข่มเหง เหยียดหยามเหมือนพลเมืองชั้นสอง ทำให้คนผิวดำบังเกิดความกดดันอย่างมาก และเนลสัน แมนเดลล่า ก็เป็นคนหนึ่ง ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยความรุนแรง ทั้งเกลียดชังและโกรธแค้น แต่ที่สุดพวกเขาก็พ่ายแพ้รัฐบาล ที่ปราบปรามอย่างรุนแรงเช่นกัน มีการล้มตายเป็นจำนวนมาก ที่สุดเหล่าแกนนำก้ถูกนำไปกักขังลืม โดยเฉพาะเนลสัน ถูกขังที่บนเกาะร็อบเบนเกาะเรือนจำนอกชายฝั่งเมืองเคปทาวน์ เป็นเวลานานถึง 27 ปี
( ภาพจากwww.ibtmes.com)
การถูกคุมขังอย่างยาวนานนั้น เนลสันยังศึกษาหาความรู้จนจบปริญญาตรีทางด้านกฎหมายจากสหรัฐ โดยการเรียนทางไกล แต่สิ่งหนึ่งที่เนลสันได้รับและมีคุณค่าต่อชีวิตในเวลาต่อมาของเขาก็คือ การได้มีเวลาคิดทบทวนการต่อสู้ที่ผ่านมา ความรุนแรงมีแต่จะสูญเสีย และเมื่อมีฝ่ายหนึ่งชนะ ก็จะสร้างรอยแผลแห่งความเจ็บปวดให้ผู้แพ้ และคนผืวดำอย่างพวกเขา ก็พ่ายแพ้เสมอ การหายุทธวิธีอื่นที่สันติสงบ ก็คือการสร้างความสมานฉันท์ต่อกัน
ในระหว่างติดคุกนั้น ชื่อเสียงของเนลสัน ก็กระฉ่อนไปทั่ว ในนามของนักต่อสู้เรื่องผิวสี และเป็นที่นับถือของขอคนแอฟริกันผิวดำทุกคน ยังไม่มีใครลืมวีรกรรมของเนสันเลย โดยเฉพาะการกดดันรัฐบาลและนานาชาติของเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเขาที่ชื่อโอลิเวอร์ แทมโบ ภายใต้คำขวัญ "Free Nelson Mandela!"
"Free Nelson Mandela!" จะเป็นตัวผลักดันให้เกิดกระแสเรียกร้องอิสรภาพให้แก่เนลสันที่ถูกจำคุกตลอดชีวิตได้อย่างไร นักโทษจำคุกที่ตลอดเวลา เต็มไปด้วยการเตรียมพร้อม มีกำลังใจ และความหวังเสมอ แม้จะได้รับการปฏิบัติ เท่านักโทษชั้นต่ำสุดก็ตาม
จะขอเล่าไว้ในบันทึกต่อไปนะคะ
สนใจเรื่องนี้ จะรออ่าน ขอยคุณนะคะที่เล่า
สวัสดีค่ะคุณnui
จะตั้งใจเขียนนะคะ
ชอบเรื่องราวของท่านมากๆค่ะ