พ่อแม่จำเป็นต้องเรียนรู้ต่อเนื่อง
เพื่อมีทักษะในการเลี้ยงดูลูกในแต่ละวัยได้ถูกทางและเท่าทัน
การเรียนรู้เรื่องสำคัญพิเศษนี้ ควรเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเองตามอัธยาศัย ตามกำลังปัญญา
เปิดกว้างให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ทุกฐานะ ทุกระดับการศึกษา
ได้เข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะสม ง่าย ใกล้ตัว ทั่วถึง ไม่แพง ฯลฯ
วิชาที่เรียนสามารถเรียนตามลำดับวัยของลูกและความสนใจของพ่อแม่ในขณะนั้น
ในการนี้ควรมีครู(กระบวนกร)หลายรูปแบบเป็นผู้ให้คำปรึกษา(อ่านเพิ่มเติมเรื่องกระบวนกรโรงเรียนพ่อแม่ที่นี่)
บุคลากรทางการแพทย์สายแม่และเด็กโดยเฉพาะกุมารแพทย์ใกล้ชิดและเป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่เด็กมาก
เพียงแต่บุคลากรเหล่านี้ไม่มีเวลามากพอที่จะช่วยเหลือพ่อแม่ได้ทันและเพียงพอต่อความต้องการ</p><p>โรงเรียนพ่อแม่ในฝันของผู้เขียนจึงควรมีสื่อ เครื่องมือ วิธีการ ที่ใช้ง่าย เบาแรง ตอบทุกปัญหาที่พบบ่อยๆได้
ใช้เรียนรู้ด้วยตนเองหรือมีกระบวนกรช่วยเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอ
สื่อนี้ควรได้มาตรฐานและไม่มีโฆษณาแอบแฝง รวมทั้งถูกปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ
กระบวนกร ผู้จัดห้องเรียนทั้งในโรงพยาบาลหรือในโรงเรียน ทั้งภาครัฐและเอกชน
ควรได้รับการเสริมพลังอย่างต่อเนื่องจากองค์กรไม่แสวงหากำไร ที่มีงบสนับสนุนตามสมควร
การสนับสนุนให้ พ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูเข้าถึงแหล่งเรียนรู้และความรู้จำเป็นต้องทำอย่างเป็นระบบ
ระยะแรกพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูเด็กได้รับการเสริมพลังให้อยากเรียนรู้
ต่อมามีมาตรการบางอย่างกระตุ้นให้อยากเรียนรู้
และในที่สุดอาจมีวิธีการบางอย่างบังคับให้ผู้เลี้ยงดูทุกคนต้องเข้าเรียน
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นต่อเด็กและเยาวชนได้มีโอกาสเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ แข็งแรง เก่งดี และมีความสุขต่อไป
โรงเรียนพ่อแม่(ใหม่)ในฝันของผู้เขียนมีกรอบความคิดเท่านี้
ท่านล่ะ ฝันไว้อย่างไร? ไปร่วมแลกเปลี่ยนกันในวันประชุม ที่ศูนย์เรียนรู้นะครับ
...เป็นความฝันที่สวยงามมากนะคะ...ฝันให้ไกล ไปให้ถึง...ชื่นชมและเป็นกำลังใจค่ะ
ขอให้สิ่งดี ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้จริง ๆ และเติบโต แพร่กระจายไปถ้วนทั่วค่า
ขอบคุณ อ.พจนา,แม่ดีดี
มีโอกาสไปร่วมกันผลักดัน เวทีวันที่๑๒ รออยู่ครับ