การเนรเทศ[1] หมายความว่า การเคลื่อนย้ายคนต่างด้าวให้ออกจากประเทศ โดยอาศัยมาตรการหรือคำสั่งจากฝ่ายปกครองด้วยเหตุผลเพราะว่าการพำนักอาศัยของคนต่างด้าวจะขัดต่อสันติภาพ (หรือความสงบสุข) มีพฤติการณ์ที่ขัดต่อความมั่นคงหรือความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัย และสวัสดิการสาธารณะของรัฐซึ่งโดยหลักแล้ว รัฐจะต้องอ้าง “เหตุ” เพื่อการเนรเทศคนต่างด้าวเสมอ โดยอาจมีหลายเหตุดังที่กล่าวไปข้างต้นผลในทางกฎหมายของคนต่างด้าวที่ต้องคำสั่งให้เนรเทศมีอยู่สองประการคือ บุคคลผู้นั้นจะต้องออกนอกราชอาณาจักรไทย และบุคคลผู้นั้นจะเข้ามาในประเทศไทยไม่ได้อีกต่อไป
“ ถือเป็นข่าวใหญ่โตไม่น้อย เมื่อศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) มีคำสั่งเนรเทศ สาธิต เซกัล ประธานหอการค้าไทย-อินเดีย และประธานกลุ่มนักธุรกิจสีลมออกจากประเทศไทย หลังจากที่ สาธิต เซกัล มีชื่อเป็นแกนนำ กปปส. และขึ้นเวทีคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เพื่อขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรโดยคำสั่งของ ศรส. เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 ได้กล่าวว่า สาธิต เซกัล แกนนำ กปปส. และเป็นบุคคลต่างด้าว ได้ร่วมกระทำผิดในข้อหาต่าง ๆ และถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งข้อไปแล้ว ทาง ศรส. จึงแจ้งให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการเนรเทศนายสาธิตออกจากประเทศไทยโดยด่วน”[2]
จากข้อเท็จจริงพบว่า สาเหตุที่ทำให้นายสาธิต เซกัลป์ โดนเนรเทศ มีสาเหตุมาจากการที่นายสาธิต เซกัลป์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย แสดงความคิดเห็นทางการเมือง วิจารณ์การทำงานของคณะรัฐบาล แม้นายสาธิต เซกัลป์ จะเป็นคนต่างด้าว แต่นายสาธิต เซกัลป์ ก็มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น vpjk’vnlitmk’dkig,nv’
เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550[3] มาตรา 45 บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น
การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัว หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน
จากมาตราดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าบุคคลทุกคนย่อมได้รับการคุ้มครองให้มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้ แม้ว่าจะมิใช่คนสัญชาติไทยก็ได้รับการคุ้มครองให้มีเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็นได้ การรับรองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นนั้น นอกจากจะรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ยังได้รับรองไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองอีกด้วย
ข้อ 19 แห่งปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน[4] บัญญัติว่า ทุกคนมีสิทธิในอิสรภาพแห่งความเห็นและการแสดงออก ทั้งนี้ สิทธินี้รวมถึงอิสรภาพที่จะถือเอาความเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง และที่จะแสวงหา รับและส่งข้อมูลข่าวสารและข้อคิดผ่านสื่อใดและโดยไม่คํานึงถึงพรมแดน
ข้อ 19 แห่งกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง[5] บัญญัติว่า
1.บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะถือเอาความเห็นใดก็ได้โดยปราศจากการแทรกแซง
2.บุคคลทุกคนมีสิทธิในเสรีภาพในเสรีภาพแห่งการแสดงออก สิทธินี้รวมถึงเสรีภาพที่จะแสวงหา รับและกระจายข่าวและความคิดเห็นทุกรูปแบบโดยไม่คำนึงถึงพรมแดน ทั้งนี้ไม่ว่าด้วยวาจาเป็นลายลักษณ์อักษร หรือการตีพิมพ์ ในรูปของศิลปะหรือโดยอาศัยสื่อประการอื่นตามที่ประสงค์
เมื่อพิจารณาจากหลัก ข้างต้นแล้ว จะพบว่าบุคคลทุกคลมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง อย่างอิสระ ถึงแม้ตนเองมิใช่บุคคลที่มีสัญชาติของชาตินั้นๆ ดังนั้นการที่ นายสาธิต เซกัลป์ โดนเนรเทศ มีสาเหตุมาจากการที่นายสาธิต เซกัลป์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย แสดงความคิดเห็นทางการเมือง วิจารณ์การทำงานของคณะรัฐบาล จึงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ของ นายสาธิต เซกัลป์
[1] การเนรเทศ http://prachatai.com/journal/2014/03/52267
[2] เนื้อหาของข่าว http://hilight.kapook.com/view/97452
[3] รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550, http://www.ombudsman.go.th/10/documents/law/Constitution2550.pdf
[4] ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน,http://www.mfa.go.th/humanrights/images/stories/udhrt.pdf
[5] กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง,http://www.oknation.net/blog/print.php?id=30040
ไม่มีความเห็น