ผู้ประกอบธุรกิจต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนด้วยหรือ

ผู้ประกอบธุรกิจต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนด้วยหรือ

ในปัจจุบันในยุคที่การประกอบธุรกิจต่างๆมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ย่อมมีปัจจัยต่างๆมากมายที่ผู้ประกอบการจำต้องคำนึงถึงในการประกอบธุรกิจ ซึ่งมีอยู่หลากหลายด้วยกันอย่างเช่น ผลกำไร ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ ผลประกอบการในระยะยาว เป็นต้นแต่สิ่งหนึ่งซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญซึ่งผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงอยู่เสมอนั่นคือ เรื่องของสิทธิมนุษยชน เพราะหากผู้ประกอบการไม่คำนึงถึงเรื่องนี้แล้ว อาจจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย หรือแม้กระทั่งการกระทำจะไม่ผิดกฎหมายแต่หากมีการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ขัดแย้งต่อความรู้สึกของผู้คนทั่วไป ก็อาจจะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อรายได้ในการประกอบการได้ ซึ่งในบทความนี้ จะขอหยิบยกเรื่องของ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ซึ่งผู้ประกอบการจำต้องคำนึงถึงขึ้นมาพิจารณา

แม้ว่าในปัจจุบันจะได้มีการออกกฎหมายต่างๆหลายๆฉบับเพื่อให้ผู้ประกอบการในภาคเอกชนปฏิบัติตาม เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในเบื้องต้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีอีกหลายกรณีที่มีการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งผู้ประกอบการได้กระทำลง แต่ก็ไม่ได้มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้ สิ่งที่ขวางกั้นมิให้ผู้ประกอบการกระทำในสิ่งที่ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนก็มีแต่เพียง สิ่งที่เรียกว่า “จริยธรรมของผู้ประกอบการ” เท่านั้น ซึ่งก็อาจจะมีความแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของกิจการที่ทำ แต่สิ่งนึ่งที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกรายต้องคำนึงถึงคือเรื่องของ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” เพราะนอกจากจะเป็นหลักพื้นฐานสำคัญในเรื่องของจริยะธรรมของผู้ประกอบการแล้ว ยังเป็นหลักการพื้นฐานในเรื่องของสิทธิมนุษยชนที่ ทั่วโลกให้การยอมรับ ว่ามนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือมีความเท่าเทียมเป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกันทุกผู้คน แม้ว่าจะมีความแตกต่างทางกายภาพ ศาสนา เชื้อชาติ สีผิว ก็ตาม

แต่ก็ยังมีในหลายกรณีที่ผู้ประกอบการมุ่งเน้นถึงเรื่องของผลกำไร จนมิได้คำนึงถึงเรื่องของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งในที่นี้ขอยกตัวอย่าง โฆษณาชิ้นหนึ่งของบริษัท ผลิตภัณฑ์เสริมความงามโดยจะขอใช้ชื่อย่อว่า OP ซึ่งโฆษณาชิ้นนี้ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขาวงในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการที่ผู้ประกอบการมุ่งเน้นที่จะทำให้โฆษณาของตนมีความน่าสนใจ เพื่อดึงดูดความสนใจของสาธาณะมาก โดยมิได้คำนึงถึงเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เลย โดยเนื้อหามีอยู่ว่า มีผู้หญิงท่านหนึ่ง “เป็นสิว” ที่ใบหน้า ซึ่งผู้คนในโฆษณาก็ได้แสดงกริยารังเกียจคนที่เป็นสิวผู้นี้ ในขนาดที่ว่าไม่ยอมตักอาหารร่วมด้วยในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง และตราหน้าว่าเป็นคน “สกปรก” ซึ่งโฆษณานี้เลยเถิดไปถึงขั้นที่ว่า มีการพูดจาเสมือนว่าเป็นศาลตัดสินให้คนที่เป็นสิวคนนี้ เป็นคนสกปรก และต้องแปลกแยกไปอยู่ในคุก… ซึ่งทางบริษัท OP ชี้แจงในตอนท้ายว่าโฆษณานี้ทำมาจากความรู้สึกจริงของบุคคลที่เคยเป็นสิวหนัก

จากที่ได้กล่าวมาในเบื้องต้น ทำให้ข้าพเจ้าเกิดประเด็นคำถามขึ้นมากมาย อย่างเช่นว่า “คนเป็นสิวเป็นคนสกแรกเสมอไปหรือ?” ซึ่งคำตอบนั้นก็คงจะตอบได้ไม่ยากเลยว่า “ไม่จริง” เพราะปัจจัยในการเกิดสิวนั้นมีอยู่อย่างมากมาย อาทิเช่น กรรมพันธุ์ ฮอโมนส์ สภาพแวดล้อม เป็นต้น มิจำเป็นว่าเป็คนสกปรกจึงเกิดสิว แต่ในโฆษณาข้างต้นของบริษัท OP เป็นเสมือนการ กล่าวหาว่าคนที่เป็นสิวเป็นคน “สกปรก” ซึ่งอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆที่หลายคนมองข้าม แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงกดลด ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่เกิดจากความมุ่งหวังในการแสวงหาผลกำไรของผู้ประกอบการ และเชื่อว่ามีผู้ชมไม่น้อยที่อาจจะไม่มีวิจารณญาณ “เชื่อ” ตามสื่อโฆษณาที่ได้รับชม และทัศนะคติต่อคนที่มีสิวย่อมเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องเล็กๆที่อาจจะบานปลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ในอนาคต

อ้างอิง

ความหมายของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แหล่งที่มา: http://www.ongkarn-leio.org/knonwlege.php สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฦษภาคม 2557

จริยธรรมของผู้ประกอบการ แหล่งที่มา: http://www.nanosoft.co.th/maktip32.htm สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฦษภาคม 2557

เกลียดโฆษณารักษาสิวของ OP มาก แหล่งที่มา: http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2010/09/A9689573/A9689573.html สืบค้นเมื่อวันที่ 13พฦษภาคม 2557

จริยะรรมในการประกอบอาชีพ แหล่งที่มา: http://project.phpwindthai.net/read-ethics-work.html สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฦษภาคม 2557