วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน 2549
วันนี้เป็นวันที่ผมต้องเริ่มฝึกงานเป็นวันแรกผมตื่นขึ้นมาด้วยความทรมาน เนื่องจากเมื่อคืนผมเกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มได้แผลมาพอสมควรครับ วันนี้ผมรู้สึกไม่อยากจะไปฝึกงานเลยเพราะว่าร่างกายแย่จริงๆ กว่าผมจะกลับถึงบ้านก็ประมาณตี2 ได้ครับ แต่ผมก็ต้องตื่นและรีบอาบน้ำแต่งตัวมาเพราะว่ามันคือความรับผิดชอบของผม การฝึกงานวันแรกนี้ตัวผมเองนั้นผมไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่ครับ เพราะว่าผมคุ้นเคยกับที่นี่ดี ผมเคยมาฝึกงานที่นี่ตอนผมอยู่ปี1ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ตอนนั้นก็ไม่ได้ทำงานอะไรจริงๆ จังๆ สักเท่าไหร่งานส่วนใหญ่จะยกกล้องแบกกล้องซะมากกว่าได้ถ่ายบ้าง ความรู้อะไรก็ไม่มีครับถ้ามีก็มีน้อยมาก แต่มาในวันนี้ผมมาด้วยความมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าเรามีความรู้แล้ว ความรู้ที่ผมได้สั่งสมมาตลอด 4 ปีที่เรียน จะได้นำมาใช้จริงๆ จังๆ ก็ช่วงที่ฝึกงานนี่แหละครับ ผมเดินทางถึงที่ฝึกงานเป็นคนสุดท้าย ผมมาถึงผมก็เจอเพื่อนๆ ที่แสนดีของผมรอผมอยู่ จากนั้นผมก็พาเพื่อนๆ ขึ้นไปเพื่อที่จะนำหนังสือส่งตัวไปยื่นกับพี่นิคม (หัวหน้าหน่วยโทรทัศน์) ซึ่งพวกผมได้รอพี่นิคมถึงประมาณ 9.00 น. พี่นิคมก็ได้เดินทางมาถึงและเริ่มปฐมนิเทศน์ ตอนแรกผมคิดว่าจะปฐมนิเทศน์แบบเป็นทางการแบบว่าต้องเข้าประชุมในห้องประชุมอะไรประมาณนั้น แต่จริงๆ แล้วพี่นิคมก็ลากเก้าอี้มาตรงที่ผมและเพื่อนนั่งกัน แล้วก็เริ่มพูดให้ผมและเพื่อนฟังว่า งานหลักๆ ของที่นี่จะเน้นไปที่การถ่ายวีดีโอ และก็การตัดต่อ โดยที่จะมีงานออกแบบปกDVD VCD ด้วยเป็นงานเพิ่มเติม ซึ่งพี่นิคมได้ถามถึงความถนัดว่าพวกผมและเพื่อนนั้นถนัดและใช้โปรแกรมอะไรเป็นบ้างซึ่งในส่วนตัวของผมเองนั้นผมใช้โปรแกรมได้ 3 โปรแกรม คือ
1.โปรแกรม Adobe Premiere ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับตัดต่อวีดีโอ ซึ่งทางหน่วยโทรทัศน์ได้ใช้โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมหลักในการตัดต่องานทุกชิ้นที่ได้รับมอบหมายครับ
2.โปรแกรม Adobe Photoshop ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับตกแต่งภาพ ซึ่งทางหน่วยโทรทัศน์ได้ใช้โปรแกรมนี้ในการแต่งภาพก่อนที่จะนำไปออกแบบปกDVD และ VCD ในโปรแกรม illustrator
3. โปรแกรม Adobe illustrator ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับออกแบบงานกราฟฟิค แต่สำหรับหน่วยโทรทัศน์นั้น จะใช้สำหรับออกแบบปกDVD และ VCD เป็นหลักครับ
และเรื่องต่อไปที่สำคัญๆ เลยก็คือเรื่องเครื่องแต่งกายครับ การแต่งกายในวันนี้ผมและเพื่อนแต่งกายกันเรียบร้อยทุกระเบียบนิ้วครับดังรูป พี่นิคมได้บอกว่า การแต่งกายของที่นี่แต่งกายได้ตามสบายแต่ต้องเรียบร้อย เพราะว่างานที่พวกผมต้องไปปฏิบัติส่วนใหญ่นั้นต้องไป เจอกับหมอบ้าง พยาบาลบ้าง และผู้มีการศึกษาระดับศาสตราจารย์ ทั้งนั้น และพี่นิคมก็ได้บอกว่าถ้าเราแต่งชุดนักศึกษาก็เรียบร้อยดี แต่ว่ามันจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือในสายตาของคนที่เราร่วมงานด้วยสักเท่าไหร่ เพราะเห็นว่าพวกกำลังศึกษาอยู่อาจทำงานได้ไม่ดี การที่แต่งชุดปกติเหมือนพี่ๆ ในฝ่ายโทรทัศน์นั้นก็จะทำให้ผู้ที่ร่วมงานกับเราเกิดความมั่นใจมากขึ้น และพี่นิคมก็ได้แนะนำพี่ๆ ในหน่วยโทรทัศน์ให้ผมและเพื่อนๆ รู้จัก จากนั้นพี่นิคมก็ให้พี่ที่เป็นคนนิเทศ นั่นก็คือพี่เอ๋ครับ พี่เค้าเป็นศิษย์เก่าเทคโนฯด้วยครับ ใจดีและเป็นคนคอยแบ่งงานให้ผม และถ่ายทอดความรู้ให้ผมครับ เมื่อปฐมนิเทศน์เสร็จแล้วพี่นิคมทิ้งท้ายไว้ว่า ซึ่งทำให้ผมประทับใจมากก็คือ พวกเราที่นี่เหมือนอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว มีปัญหาอะไร หรือว่าต้องการอะไรให้บอก ผมรู้สึกดีมากเลยครับ
จากนั้นพี่เอ๋ก็มารับตัวพวกผมไปในห้องตัดต่อโทรทัศน์ ซึ่งงานส่วนใหญ่ที่ผมต้องทำนั้นก็จะอยู่ในห้องน้แหละครับ พี่เอ๋บอกว่าถ้าวันไหนมีถ่ายโทรทัศน์พี่เอ๋จะเขียนไว้ให้ที่กระดาน เพื่อบอกว่าวันนี้ผมต้องไปกับพี่ในหน่วยโทรทัศน์คนไหนและวัน-เวลาไหน สถานที่ไหน อย่างวันนี้ผมได้รับมอบหมายให้ไปถ่ายโครงการกลุ่มสัมพันธ์ผู้ป่วยสะเก็ดเงินครั้งที่2 ที่OPD ชั้น4 กับพี่ธเนศ เวลา 13.00 – 15.00 น. ในช่วงเช้ายังไม่ค่อยมีงานอะไรเท่าไหร่จะมีก็แค่พี่เอ๋สอนให้ออกแบบปกDVD และ VCD โดยใช้โปรแกรม Adobe illustrator ซึ่งการออกแบบปกนั้นก็จะนำงานที่พี่ๆ เค้าเคยได้ทำไว้แล้วมาดัดแปลง และแก้ไข เปลี่ยนสีใหม่ ซึ่งก็ยังคงสัดส่วนไว้ตามเดิมครับ เมื่อออกแบบเสร็จแล้วก็ต้อง Print ออกมา จากนั้นก็นำมาตัดด้วยเครื่องตัดกระดาษครับ งานในช่วงเช้าก็มีแค่นี้ครับ จากนั้นก็พักเที่ยง
เริ่มเข้างานช่วงบ่ายเวลา 13.00น. ช่วงบ่ายนี้ผมมีงานต้องไปถ่ายวีดีโอโครงการกลุ่มสัมพันธ์ผู้ป่วยสะเก็ดเงินครั้งที่2 ที่OPD ชั้น4 กับพี่ธเนศ เวลา 13.00 – 15.00 น. ซึ่งผมต้องไปเตรียมอุปกรณ์ก่อนเวลาครับ สักประมาณ 10 นาที อุปกรณ์ในวันนี้ไม่มีอะไรมากเพราะว่าเป็นการถ่ายแบบเป็นความลับ คือให้ตั้งกล้องจับภาพไว้เฉยๆ โดยที่ห้ามมีช่างภาพอยู่ในห้องครับ อุปกรณ์ที่เตรียมไปก็จะประกอบด้วย กล้องMini DV ขาตั้งกล้อง สาย DC หรือสายชาร์ต เพื่อที่จะกันแบตหมดครับถ้าไม่เสียบไว้แบตจะอยู่ได้ไม่นาน และก็ม้วนเทป Mini DV 90 นาที 1 ม้วนครับ หรือสายชาร์ต เพื่อที่จะกันแบตหมดครับถ้าไม่เสียบไว้แบตจะอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้วผมก็เดินทางไปกับพี่ธเนศ ไปตั้งกล้องโดยหมอที่ผมต้องไปถ่ายเค้าต้องการเก็บภาพกิจกรรมที่คนไข้ได้พูดคุยกันทั้งหมด พี่ธเนศก็บอกว่าก็ต้องหามุมที่สามารถเก็บภาพให้ได้หมด แต่อย่าไกลมากนักเพราะว่าอาจจะไม่ได้ยินสิ่งที่คนไข้สนทนากันได้ครับ เมื่อตั้งกล้องเสร็จแล้วผมกับพี่ธเนศก็กลับไปที่หน่วยโทรทัศน์ เพื่อรอเวลาถึง 15.00 น. เพื่อที่จะไปเก็บกล้องกลับหน่วยโทรทัศน์
จากนั้นผมก็ได้รับมอบหมายจากพี่เอ๋ให้ทำไตเติ้ลซึ่งกำหนดที่จะต้องเสร็จก็คือวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 ซึ่งผมได้ทำไตเติ้ลโดยใช้ โปรแกรม Adobe Premiere Pro 1.5 ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ผมคุ้นเคยดีครับ ผมก็นั่งทำไปเรื่อยๆ พอถึงเวลา15.00น. ผมก็ไปเก็บกล้อง จากนั้นก็กลับมานั่งทำไตเติ้ลต่อ ซึ่งเยอะมากครับ วันนี้ผมทำไปได้ประมาณ 20 % แล้วละมั่นใจว่าต้องเสร็จทันวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 แน่นอนครับผมนั่งทำไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาประมาณ 17.00 น. จากนั้นผมก็เดินทางไปทำงานถ่ายรูปต่อครับผม
สรุปว่าวันนี้เป็นวันที่ผมสนุก เหนื่อย และเจ็บแสบกับแผลของผม แต่ผมก็สู้สู้และก็สู้ต่อไป (ผมเริ่มสนุกกับการบันทึกแล้วสิครับ)
ปล. กว่าผมจะกลับถึงบ้านก็ประมาณตี2 ได้ครับ ทำให้ผมไม่ได้บันทึกเรื่องราวที่ผมได้ไปรับหนังสือส่งตัวเลย แต่ผมจะบันทึกย้อนหลังนะครับ
จิรอาจ สมิงชัย
ไม่มีความเห็น