ผู้ประกอบธุรกิจในปัจจุบันสังคมได้มีการพัฒนาจากในอดีตไปมาก กล่าวคือในสมัยก่อนบุคคลอยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัยกัน หากมีความจำเป็นหรือต้องการสิ่งของเครื่องใช้ใดก็จะใช้การเเลกเปลี่ยนสิ่งของต่อกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในการใช้เงินตราเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้น อีกทั้งกระเเสโลกาภิวัฒน์ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกๆด้าน ทั้งทางเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจ และความต้องการของแต่ละคนก็เริ่มมากขึ้นตามมา จึงก่อให้เกิดการแสวงหาผลกำไรหรือผลประโยชน์เกิดขึ้น จนกลายมาเป็นสังคมธุรกิจ สังคมลักษณะนี้จะยึดถือผู้บริโภคว่ามีความต้องการสินค้าหรือบริการแบบใด โดยผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจซึ่งเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตก็จะผลิตสินค้าออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และในการค้าจึงจำเป็นจะต้องมีการแข่งขันกันระหว่างผู้ประกอบการหลายราย เพื่อดึงดูดความสนใจให้ผู้บริโภคหันมาสนใจในสินค้าของตน ซึ่งการที่จะทำให้สินค้าเป็นที่สนใจได้นั้นต้องอาศัยการโฆษณาแก่ผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เกิดการโฆษณาที่อาจมีการนำเรื่องสีผิว เพศ และชาติพันธ์ุเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของคนบางกลุ่มได้ โดยผู้ซึ่งจัดทำโฆษณาอาจไม่ได้มีวัตถุประสงค์ไปในทางนั้น แต่ผลลัพธืที่ออกมาเนื่องจากการมองข้ามในจุดเล็กๆ อาจนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งและความไม่พอใจในสังคมได้
อย่างไรก็ดี ในด้านของผู้ประกอบการ หรือผู้ที่ประกอบธุรกิจต่างๆ ต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนด้วย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการจ้างแรงงาน กระบวนการผลิต ตลอดจนการโฆษณาเผยแพร่สินค้า ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนใด ผู้ประกอบการหรือผู้ประกอบธุรกิจ ต้องใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการ เพื่อมิให้ไปส่งผลเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้หนึ่งผู้ใด เพราะสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของทุกคน ที่ต้องให้ความเคารพ มิใช่เป็นเรื่องของผู้หนึ่งผู้ใดแต่เพียงผู้เดียว
ไม่มีความเห็น