มนุษย์ทุกคนเมื่อได้เกิดมาแล้ว ย่อมทำให้เกิดสิทธิตามมา ซึ่งสิทธินั้นเรียกว่า สิทธิมนุษยชน เป็น สิทธิ ที่ทุกคนมีอยู่ในฐานะเป็นมนุษย์ ทั้งสิทธิในการดำรงชีวิตอยู่ในส่วนบุคคลและสิทธิในการอยู่ร่วมกันในสังคม สิทธิในความเป็นมนุษย์นั้น มีทั้งสิทธิตามกฏหมายและสิทธิที่มีอยู่โดยไม่ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของกฏหมาย แต่เป็นสิทธิที่เกิดจากมาตรฐานเพื่อความถูกต้อง ความเป็นธรรม หรือความยุติธรรม แต่เดิมสิทธิมนุษยชนจะกล่าวถึงในชื่ออื่น เช่น สิทธิในธรรม สิทธิในธรรมชาติ เป็นต้น
สิทธิมนุษยชนจะครอบคลุมสิทธิต่างๆ ในการดำรงชีวิตของมนุษย์เพื่อให้มีชีวิตที่ดีในสังคมดังนี้
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันประเทศไทยจะได้เข้าร่วมรับรอง "ปฏิญญา สากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน" ของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศ และ บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้กำหนดเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนไว้อย่างชัดเจน แต่ในความเป็นจริง ในสังคมก็ยังคงมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้เห็นได้พบทั่วไป
ดังเช่นกรณีของน้องผักกาดหรือ ด.ญ.ผักกาด ที่เกิด ณ โรงพยาบาลแม่สอด เมื่อ พ.ศ.2549 โดยไม่มีการแจ้งเกิด จึงมิได้มี การับรองสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรของรัฐใดเลย ทำให้ประสบปัญหาความไร้รัฐ และเป็นบุคคลผู้ไร้สัญชาติ ทั้งยังเป็นผู้มีความพิการทางร่างกายมา แต่กำเนิด ไม่สามารถขยับร่างกายหรือพูดได้อย่างคนปกติ ซึ่งในความเป็นจริงน้องผักกาดมีสิทธิได้รับสัญชาติไทยตามหลักดินแดน เนื่องจากเกิดในราชอาณาจักรไทยย่อมได้รับสัญชาติไทย ตามมาตรา 7 (2) พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 [2] การที่น้องผักกาดเป็นคนไร้รัฐย่อมก่อให้เกิดปัญหา คือ ส่งผลให้น้องผักกาดไร้สิทธิในหลักประกันสุขภาพในกองทุนเพื่อบุคคลที่มีปัญหา สถานะบุคคล ทำให้น้องผักกาดไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากรัฐได้ เพราะ แม้ว่า น้องผักกกาด จะถูกบุพการีทอดทิ้งตั้งแต่แรกเกิด แต่โรงพยาบาลแม่สอดซึ่งเป็น สถานที่ ที่น้องผักเกิดเกิด ก็ไม่สามารถละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่่ได้ ซึ่งในความเป็นจริง น้องควรจะได้รับสิทธิการรับรองสถานะบุคคล ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็รการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นสิทธิที่น้องผักกาดควรจะได้รับ ดั้งนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรรีบดำเนินแก้ไข โดยการรับรองสถานะบุคคลให้น้องผักกาด ไม่เป็นคนไร้รัฐ เพื่อที่น้องผักกาดจะได้รับสิทธิในหลักประกันสุขภาพ
นิภัทร สันติสัตยพรต 5501680994
ไม่มีความเห็น