ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย
มนุษย์คนหนึ่ง ย่อมต้องมีสิทธิ เสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เหมือนกับมนุษย์คนอื่นทั่วทั้งโลก ไม่ว่าเขาจะเป็นเพศใด เชื้อชาติใด ศาสนาใดก็ตาม คนเข้าเมืองเป็นผิดกฎหมายก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองก็ตาม ดังนั้น คนเข้าเมืองผิดกฎหมายย่อมมีสิทธิ เสรีภาพ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับคนอื่นทั่วๆไป
สิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ม.4 บัญญัติว่า
“ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล ย่อมได้รับความคุ้มครอง”
ตัวอย่างกรณีศึกษาของน้องนิก หรือนายนิวัฒน์ จันทร์คำ ในเรื่องการรับรองสิทธิเสรีภาพให้กับคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย เพื่อให้เขามีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะสิทธิในการศึกษา
น้องนิก หรือนายนิวัฒน์ จันทร์คำ อายุราว 19ปี ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เขายังไม่ได้รับการรับรองสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรของรัฐใดเลย น้องนิกจึงเป็นคนไร้รัฐโดยสิ้นเชิง น้องนิกเข้ามาในประเทศไทยเมื่ออายุประมาณ3-4ขวบซึ่งมาอาศัยอยู่กับป้าที่จังหวัดตรัง มารดาของน้องนิกเป็นคนไทยลื้อไร้รัฐไร้สัญชาติ ในเวลาที่เดินทางเข้าประเทศไทย บิดามารดาและน้องนิกไม่มีหนังสือเดินทางหรือได้รับการตรวจลงตราใดๆทั้งสิ้น ทั้งสามคนจึงเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่สามารถดำเนินคดีกับน้องนิกได้ เนื่องจากน้องนิกยังไม่มีเจตนาในการเข้าเมืองผิดกฎหมาย เพราะขณะที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย น้องนิกอายุเพียง3-4 ปีเท่านั้น ได้แต่เพียงติดสอยห้อยตามพ่อแม่ ยังไม่มีเจตนาในการกระทำความผิดแต่อย่างใด
เมื่อน้องนิกอาศัยอยู่ได้สักระยะหนึ่ง คุณป้าก็ได้นำน้องนิกเข้าโรงเรียน ในขณะนั้นคุณป้ากลัวว่าโรงเรียนจะไม่รับน้องนิกเข้าศึกษา จึงได้นำเอกสารประจำตัวของลูกชายของคุณป้ามาใช้แทน สุดท้ายน้องนิกก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียน
แต่แม้ว่าคุณป้าจะไม่ได้ใช้เอกสารของลูกชายของคุณป้าแสดงตัวเป็นน้องนิกในการเข้าศึกษา แม้ว่าน้องนิกจะไม่มีเอกสารแสดงตัวใดๆเลยก็ตาม น้องนิกผู้ซึ่งเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมายก็ยังมีสิทธิในการศึกษา อ้างอิงจากปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 26 (1) บัญญัติว่า
“ทุกคนมีสิทธิในการศึกษา การศึกษาจะต้องให้เปล่าอย่างน้อยในขั้นประถมศึกษาและขั้นพื้นฐาน การศึกษาระดับประถมจะต้องเป็นภาคบังคับ การศึกษาด้านวิชาการและวิชาชีพจะต้องเปิดเป็นการทั่วไป และการศึกษาระดับสูงขึ้นไปจะต้องเข้าถึงได้อย่างเสมอภาคสําหรับทุกคนบนพื้นฐานของคุณสมบัติความเหมาะสม”
แม้ว่าเขาไม่มีรัฐ ไม่มีสัญชาติใดๆ เขาก็สามารถเข้าถึงสิทธิในการศึกษาได้ นอกจากปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นกฎฆมายระหว่างประเทศแล้ว กฎหมายภายในประเทศก็ยังรับรองสิทธิในการศึกษาด้วยเช่นกันดังที่บัญญัติไว้ใน ม.10 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552
“การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ”
ผู้ทรงสิทธิตามพรบ.นี้เป็นบุคคล ใครก็ตามที่เป็นมนุษย์ก็ย่อมเป็นผู้ทรงสิทธิตามพรบ.นี้ ไม่ว่าจะมีรัฐมีสัญชาติหรือไม่ก็ตาม ดังนั้น ไม่ว่าน้องนิกจะไร้รัฐไร้สัญชาติหรือไม่ ผู้อำนวยการสถานศึกษาก็ต้องจัดให้น้องนิกได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี โดยให้ครูจัดทำเอกสารแสดงตนให้ ถ้าผู้อำนวยการสถานศึกษาไม่ยอมรับน้องนิกเข้าศึกษา ผู้อำนวยการอาจถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต ตามม.157 ประมวลกฎหมายอาญาได้
ดังนั้น คนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะมีรัฐมีสัญชาติหรือไม่ก็ตาม เขาก็จะได้รับสิทธิในการศึกษา เพื่อให้เขาพัฒนาคุณภาพชีวิต และดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การที่คนเข้าเมืองผิดกฎหมายจะมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์นั้น รัฐต้องรับรองสิทธิให้ เช่น สิทธิในการศึกษา สำหรับตัวน้องนิก ไม่ว่าจะมีรัฐมีสัญชาติหรือไม่ เขาก็ยังคงจะได้รับสิทธินี้ เพื่อให้เขาซึ่งเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมายมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตตนเองและสังคมต่อไปได้
ขอบคุณเรื่องดี
ฝากความระลึกถึงอาจารย์แหววด้วยครับ