nui
นาง เสาวลักษณ์ พัวพัฒนกุล

เที่ยวแบบมัวซัวที่ Dresden


       

        เช้านี้อาการแย่จริงๆ พ่นยาแล้วลุงส่งยาสองเม็ดให้กินแต่เช้า บอกว่าเมื่อคืนไอทั้งคืนกินซะจะได้มีแรงไปเที่ยว

       ไปเที่ยวเดรสเดนแบบมัวซัวเพราะฤทธิ์ยาดีกว่านอนโรงแรม ตอนทำโปรแกรมเที่ยว เดรสเดนเป็นเมืองที่อยากเที่ยวที่สุด ฉายาของเขาคือ “นครหลวงแห่งบารอค” และ “ฟลอเร้นท์แห่งลุ่มน้ำเอลเบ้” ไฉนเลยจะยอมพลาด

       Dresden เป็นเมืองหลวงของรัฐ Saxony เคยอยู่ในเยอรมันตะวันออก ติดกับเช็คและโปแลนด์ สร้างในปี ๑๒๐๖ ตรงกับสมัยล้านนาหรือเชียงแสน สถาปัตยกรรมที่เห็นเป็นเพียง ๑ ใน ๔ ของที่เคยมี เพราะถูกทำลายโดยระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ ๒ เดรสเดนเพิ่งฉลอง ๘๐๐ ปีไปเมื่อปี ๒๐๐๖

        เดินทาง ๒ ชั่วโมงเศษ ต้องนั่งรถ ๒ ต่อ เพราะพลาดเที่ยวที่วางแผนไว้ ไปถึงเกือบเที่ยง เดินจากสถานีไปไม่ไกลก็ถึงแหล่งท่องเที่ยวอยู่ริมแม่น้ำเอลเบ้

        เดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองที่เขาเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ สิ่งแรกที่เห็นคือ โบสถ์ Frauenkircher (อ่านว่า เคราเงินเคอร์เค้อ??) กลางจัตุรัสนอยมาร์ก (Neumarkt) มีจุดเด่นคือยอดโดมสูง ๙๕ เมตร มีรูปปั้นมาร์ติน ลูเธอร์ ยืนถือคัมภีร์ไบเบิ้ลอยู่หน้าโบสถ์ สร้างปี ๑๗๒๖-๑๗๔๓ แต่ถูกทำลายโดยระเบิดในปี ๑๙๔๕ ถูกกองทิ้งไว้นาน ๔๐ ปีเพราะเยอรมันตะวันออกต้องการให้เป็นอนุสรณ์แห่งสงคราม เมื่อมีการรวมประเทศจึงบูรณะในปี ๑๙๙๖ โดยผู้บริจาคเงินก้อนใหญ่ในการบูรณะคือ อังกฤษ และอเมริกา ทำพิธีเปิดเป็นทางการเมื่อปี ๒๐๐๕

       เข้าไปในโบสถ์รูปสลักและสีสันออกโทนเขียวอ่อนหวาน สวยถูกใจ ดูเหมือนจะมีพิธีอะไรสักอย่าง ถามลุงว่าเขาทำอะไร (ถามไปได้) ลุงตอบว่าจะไปรู้เรอะ ฟังภาษาเยอรมันไม่ออก

       นั่งชมความงามจนอิ่มแล้วออกเดินหาสถานที่ท่องเที่ยวตามแผน กางคู่มือเดินหาไปเรื่อย

      โผล่พ้นมุมตึกก็เจอเข้ากับ กำแพงฟอสเตนซุก (Furstenzug) ให้ตื่นตา ตะลึงพรึงเพริด เป็นกำแพงยาวกว่า ๑๐๐ เมตร ทำด้วยกระเบื้องเคลือบ ๒.๔ หมื่นชิ้นมาติดเป็นภาพกษัตริย์ ๓๕ พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ สร้างเสร็จปี ๑๙๐๖ ที่เห็นเป็นของเก่าจริงๆ เพราะไม่ถูกทำลาย เจอความงามระดับนี้มีเรอะจะไม่ยกกล้องดูนกขึ้นส่องแผ่นกระเบื้องที่คนช่างประดิษฐ์ งามแท้ๆ

      ลุงบอกว่า เราน่าจะเอาเก้าอี้พับมาจากเมืองไทยนะ จะได้กางนั่งดูให้อิ่ม...ว่าเข้าไป

          ที่อยากเห็น ๓ อย่างก็เห็นไป ๒ แล้ว เหลือพระราชวังสวิงเงอร์ (Zwinger) จริงๆ ก็อยู่ใกล้แค่นิดเดียวแต่เราไม่รู้ ไต่บันไดไปนั่งพักริมแม่น้ำเอลเบ้ใต้ซุ้มไม้เย็นสบาย อยากเอนกายนอนหลับซีกงีบ

         มองไปฟากฝั่งแม่น้ำฝั่งตรงข้าม เห็นอาคารสวยงามทึกทักเป็นวัง ชวนกันเดินข้ามสะพานชื่อ Augustus Brucke มุ่งไปทันที ไปถึงค่อนทางเอ๊ะ ทำไมไม่เหมือนในรูป ลุงบอกว่านี่มันด้านหลัง ลองอ้อมไปข้างหน้าสิ สรุปว่าเดินจนรอบตึกวนมาขึ้นสะพานกลับ พอถึงกลางสะพานมองไปเห็นความงามจึงรู้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหลายอยู่เชิงสะพานฝั่งเดียวกันทั้งหมด รวมทั้งพระราชวัง ฝั่งที่เราเดินข้ามไปเป็นเมืองใหม่ หึ..หึ...หัวเราะไม่ออกจริงๆ


ยืนพิงเสาไฟหลับอยู่ข้างถนนก็ยังได้

โรงละคร Semperoper  เดินไปซ้ายมือนิดเดียวก็ถึงวังสวิงเงอร์ที่ตามหา

ภา่พงามนี้วางอยู่ข้างประตูเข้าวัง  ชอบ ก็เลยบรรจงถ่ายมา ตัวหนังสือที่เขียนคงเกี่ยวกับภาพแหละ!!

       ความมัวซัวทำให้ไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ใดๆ  พระราชวังสวิงเงอร์จึงหมดงามไปด้วย ถ่ายรูปมานิดเดียว ใจคิดแต่อยากปูเสื่อนอนซะหน้าวังนี่ละ

        เดินก้าวขาหนักๆ ไปรอขึ้นรถกลับ ที่สถานีเจอร้านขายสินค้าปลอดสารเคมีเข้าไปซื้อกล้วยหอม ขนมปัง น้ำส้ม กินเป็นอาหารเย็นขณะรอรถกลับเบอร์ลิน

        ยังมีที่เที่ยวค้างในเบอร์ลินอีกที่คือ Topographyof Terror เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งจัดแสดง  ภาพถ่ายการจับกุมสังหารชาวยิว ในช่วงปี ๑๙๓๓ -๑๙๔๕ ที่พรรคนาซีครองอำนาจ อยากไปดูแต่โชคไม่ดีเพราะที่สถานีรถไฟ ตู้ซื้อตั๋วเกิดไม่ยอมรับธนบัตร และเราไม่มีเหรียญในกระเป๋าเลยสักแดง (เป็นบทเรียนว่าไปเที่ยวต้องเตรียมเหรียญค่ารถไฟให้มากพอ) ตู้แลกเหรียญก็ไม่มี สุดท้ายต้องเดินกลับโรงแรม ถึงโรงแรมฝนลงหนัก ก็ถือว่าดีแล้วที่ไม่ได้ไป

        อยู่เบอร์ลินครบ ๓ วันแล้ว พรุ่งนี้ (๙ พค.) จะย้ายไปเที่ยวมิวนิค.

เขียนบันทึกบนรถไฟด่วนเบอร์ลิน –มิวนิค

ศุกร์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗

อาทิตย์ที่ ๑๑ พค. ๒๕๕๗ บันทึกลง G2K ได้ที่ Fussen เนื่องจากขัดข้องเทคนิค wifi

หมายเลขบันทึก: 567798เขียนเมื่อ 12 พฤษภาคม 2014 04:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม 2014 04:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

วงการศึกษา มาเรียนรู้ที่นี่กันมากมายหลายท่านครับ

เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยอย่างมีความสุข...ขอบคุณค่ะ...

"เที่ยวให้สนุก..นะเจ้าคะ"...ยายธีค่ะ..

โบสถ์เขาสวยเชียว

น่าเที่ยวน่าชม

น่าสนุกจัง บ้านเมืองสวยงาม สะอาดมากเลย

จะติดตามตอนต่อไปครับ

ดูแลสุขภาพนะคะพี่ Nui    เดี๋ยวผู้ชม GTK  จะอดดูภาพงาม ๆ   สู้ ๆ ค่ะ

สงสัยคุณลุงจะพกยาไปเป็นกระเป๋า   ครบทุกระบบนะคะ  ^_,^

...เป็นการท่องเที่ยวที่สนุก ตื่นเต้น ครบทุกรส คุ้มค่าจริงๆกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์นะคะคุณNui...ที่แคนาดามีแต่ธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร...ช่วงนี่อากาศดีสามีบอกก็จะซื้อรถTrailer ไว้ขับเข้าไปพักในอุทยานแห่งชาติต่างๆได้หลายๆวัน...ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางออกจากโรงแรมที่พัก...แต่ยังไม่สนับสนุนให้ซื้อเพราะกลัวใช้ไม่กี่ครั้งต่อปีนะคะ...

ขอบคุณอาจารย์หมอ JJ ที่มาอ่านค่ะ

ภาพถ่าย ไม่สามารถเก็บความงามมาได้แม้ครึ่งเดียวค่ะคุณ บูรพากรณ์

พี่ใหญ่ นงนาท สนธิสุวรรณ คนเที่ยวมาเยอะแล้วนะคะ

โดยส่วนตัว บอกได้เลยว่าชอบวัดมากกว่าวังค่ะ อาจารย์ โสภณ เปียสนิท เข้าไปนั่งแล้วสุขใจมาก

บางเมืองก็สะอาดค่ะคุณพิชัย  พ.แจ่มจำรัส   อย่างมิวนิคนี่ไม่ค่อยสะอาด เจอแต่ก้นบุหรี่กับเศษขยะตามถนน

สนุกมากค่ะคุณ ยายธี แต่เหนื่อยจริงๆ ถึงโรงแรมนี่หมดสภาพทุกวัน  เหนื่อยไปสำหรับวัยขนาดเรา

ขอบคุณน้องหมอ ทพญ.ธิรัมภา ที่เป็นห่วง ป่วยวันดียวหายค่ะ

เชียร์..เชียร์ค่ะ อาจารย์ ดร. พจนา แย้มนัยนา

แล้วอาจารย์เขียนเล่าด้วยนะคะ จะตามอ่าน และแอบอิจฉาเล็กๆ ที่ได้อยู่เมืองที่ธรรมชาติสวยงาม และยังบริสุทธิ์อยู่อย่างแคนาดา

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท