วัดกับวัง เป็นสองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในอดีต สะท้อนศิลปะวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ วังเป็นศูนย์อำนาจ วัด เป็นศูนย์จิตใจ ประวัติศาสตร์ยุโรปบางช่วงวัดมีอำนาจมาก
วันนี้เป้าหมายหลักอยู่ที่วังซานซูซี่ Schloss Sanssouci กับวัด Berliner Dom
เช้าตรู่ออกจากโรงแรมไปเดินเล่นที่
สงสัยว่า ทหารหนุ่ม ๒ นาย (อเมริกันหนึ่งกับรัสเซียหนึ่ง) เป็นใคร ทำไมจึงมีรูปใหญ่อยู่จุดนี้ แต่ยังไม่ได้หาคำตอบ
วันนี้ออกไปเที่ยว
ตัววังเป็นตึกชั้นเดียวทอดยาวบนเนินสูง เดินไปด้านหลังจัดสวนลดหลั่นเป็นชั้น (เห็นแล้วคิดถึงพระตำหนักดอยตุง) พื้นราบล่างสุดมีน้ำพุใหญ่ กับสวนสวยโดยรอบ มองจากพื้นราบกลับขึ้นไปก็สวยงามดี แต่ตัววังดูธรรมดาๆ
ให้มาดูวัง ลุงแกมาดูเป็ด
เดินเล่นชมสวน ส่องกล้องชมความงามของรูปปั้น (กับแว่บไปส่องดูหนุ่มฝรั่งเป็นครั้วคราว) นั่งฟังเสียงนก เสียงน้ำไหล ถ่ายรูปจนอิ่ม เจอเด็กๆ มาทัศนศึกษาหลายกลุ่ม ชอบจริงๆ วิธีเรียนแบบนี้
ได้เวลากลับขึ้นไปรอคิวเข้าชมวัง ทางเข้าแจก Audio Guide ส่วนตัว กดฟังทีละห้องมี ๑๒ ห้อง ไม่มีอะไรน่าตื่นตา สวยไม่สมกับที่เราคาดหวัง เวลาไปชมวังต่างๆ ในยุโรปเคยสงสัยทำไมกษัตริย์นอนเตียงเล็กจิ๊ดเดียว ได้คำตอบว่า มันหนาวไง เตียงเล็กๆ นี่ละอุ่นดี
ชอบสาวน้อยคนนี้ มาเที่ยวกับพ่อ งอนอะไรกันไม่รู้
เขียนแผนเที่ยวไว้หลายที่ใน
กลับเบอร์ลินทำตามความตั้งใจเมื่อวานว่าจะตะกายขึ้น Berliner Dom ให้ได้ ก่อนเข้าก็เดินชมความงามรอบๆ อีกหน รำคาญตากับเจ้า
Berliner Dom เป็นโบสถ์โปรเตสแตนท์ งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเรอเนซองท์ผสมบารอค มียอดโดม ๕ ยอด ยอดกลางสูง ๑๑๔ เมตร สร้างครั้งแรกในศตวรรษ ๑๕ มีการสร้างโบสถ์ทับของเดิมปี ๑๘๙๔ -๑๙๐๕ หลังที่เห็นนี้บูรณะใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒
จ่ายเข้าเข้าชม ๗ ยูโร ผ่านประตูแรกเข้าไปเจอโถงใหญ่ของโบสถ์ งดงามมาก แสงแดดอ่อนส่องมาหลังแท่นบูชาเป็นสีทองอร่าม ดูน่าเลื่อมใส ในห้องเงียบกริบแม้คนจะมาก เราหาที่นั่งสงบๆ ส่องชมความงามทุกจุดจนทั่ว ก่อนออกเดินขึ้นบันไดไปช่วงกลางอาคารเพื่อชมพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวการบูรณะโดมก่อนถึงคราผจญภัยจริงๆ คือเดินขึ้นบันไดแคบๆ วนขึ้นสู่ยอด แอบทำตัวลีบๆ ให้วัยละอ่อนทั้งหลายพุ่งทะยานขึ้นไปก่อน แล้วสองลุงป้าก็ตะกายขึ้นไปจนถึงยอดโดมจนได้
ลูกกลมๆ ยอดแหลมนั่นคือ Berlin Tower ค่าขึ้นแพงชะมัด (แต่ไม่ได้ตังค์เรา อ..อิ..)
ทางเดินรอบโดมใหญ่กว้างพอควงแขนเดินได้สองคน ชมทิวทัศน์เบื้องล่างบ้าง ถ่ายรูปบ้าง ยืนอ้อยสร้อยนานก็เกรงใจคนอื่นๆ เดี๋ยวจะนินทาว่าแก่แล้วไม่เจียม
ขาลงเดินไปชั้นใต้ดิน เป็นห้องเก็บโลงศพกษัตริย์?? (ไม่มีความรู้ตรงนี้) น่าจะใช่เพราะเห็นมีมงกุฎวางบนโลง ดูไม่น่ากลัว แต่น่าเกรงขามมากกว่า
ออกจากBerliner Dom ด้วยความอาลัยจนลุงค่อนว่านอนที่นี่ซะเลยมั๊ย พรุ่งนี้ค่อยกลับ
ไปเยี่ยมชม Holocaust ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่ชาวเยอรมันสร้างอุทิศแก่ชาวยิวที่ถูกฮิตเลอร์กับพลพรรคนาซีฆ่าตายมากกว่า ๖ ล้านคน สถาปนิกชาวอเมริกันชื่อ Peter Eisenman ช่างคิดออกแบบเป็นแท่งคอนกรีตจำนวนมากตั้งเรียงสูง ต่ำ เต็มลานกว้าง รวม ๒๑๗๗ แท่ง
ตอนไปถึง แสงแดดอ่อนยามเย็น ส่องมายังลานแท่นหิน บรรยากาศชวนเศร้าเมื่อรำลึกถึงชาวยิวบริสุทธิ์ถูกฆ่าราวกับพวกเขาไม่ใช่คน คนเยอรมันรุ่นหลังๆ คงจะเสียใจไม่น้อยที่บรรพบุรุษของพวกเขาทำสิ่งนี้ อนุสรณ์สถานแห่งนี้คือความพยายามไถ่บาป
ตอนนั่งชมพระอาทิตย์ตก ณ ที่นี้ รำลึกถึงหนังหลายๆ เรื่อง ที่บอกเล่าการฆ่านี้ สองเรื่องที่นึกถึงคือ ชินเลอร์ลิส (เรื่องจริงของนักธุรกิจเยอรมันที่พยายามช่วยเหลือชาวยิวให้รอดพ้นจากการกวาดต้อนไปฆ่าได้จำนวนหนึ่ง – มีทัวร์พาไปตามรอยเรื่องจริงนี้ด้วย) กับ Life is Beautiful หนังขันๆ ขื่นๆ ของสองพ่อลูกชาวยิว ที่เราจะยิ้มทั้งน้ำตากับความรักของพ่อที่พยายามปกป้องลูกจากความโหดร้าย – หนังดีระดับรางวัลทั้งสองเรื่อง กลับเมืองไทยจะรีบหามาดูซ้ำอีกครั้ง)
เราปิดการท่องเที่ยววันนี้ที่ ประตูบรันเด็นบูร์ก (Brundenburg Tor) ตั้งอยู่กลางจัตุรัสปารีเซอร์ (Pariser Plaz) ประตูนี้เป็นสัญลักษณ์ของการรวมชาติเยอรมัน
เฮ้อ..เมื่อยจัง กลับไปนอนดีกว่า
ก่อนตะกายขึ้นเตียงแบบน้ำไม่อาบ ลุงบอกว่าไหนลองให้คะแนนวัดกะวังสิ รีบตอบ ให้วัดเต็มสิบค้า..Good Night นะลุง.
เขียนบันทึกบนรถไฟด่วนเบอร์ลิน –มิวนิค
เมื่อ ศุกร์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗
อาทิตย์ที่ ๑๑ พค. ๒๕๕๗ บันทึกลง G2K ได้ที่ Fussen เนื่องจากขัดข้องเทคนิค wifi
อิ่มตาอิ่มใจจริงๆค่ะ...
ชอบสาวน้อยคนนี้...น่ารักจัง
สวย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ค้า
ขำ ๆ คนหนึ่งดูเป็ด คนหนึ่งดูหนุ่ม ^_,^
...ตามมาชมวัดกับวัง...สวยงามมากๆค่ะ ...ภาพทหารที่ Check Point Charlie เป็นจุดผ่านแดนระหว่าง ส่วนที่ขึ้นกับโซเวียต กับส่วนที่ขึ้นกับ สหรัฐฯ ภาพทหาร บนเสาที่เห็นมี 2 ด้าน ด้านที่มองไปทางฝั่งของโซเวียต เป็นรูปทหารอเมริกัน ส่วนด้านที่มองไปทางฝั่งที่ขึ้นกับอเมริกา เป็นรูปทหารโซเวียต ประมาณว่าคอยจ้องมองคุมสถานะการณ์นะคะ
ขอบคุณพี่ใหญ่ นงนาท สนธิสุวรรณ ค่ะ
ชอบมากเช่นกันค่ะคุณพิชัย พ.แจ่มจำรัส ตามดูซะเพลิน งอนพ่อได้น่ารักมาก
ขอบคุณค่ะน้องหมอ ทพญ.ธิรัมภา ที่เข้ามาขำ ฮ่า..ฮ่า..
ขอบคุณอาจารย์ ดร. พจนา แย้มนัยนา ที่มาให้ความรู้ค่ะ สงสัยต่อไปว่า สองหนุ่มนั่นต้องมีความหมายอะไรสักอย่าง จึงได้ขึ้นภาพไว้ตลอดกาลเช่นนี้
ขอบคุณพี่ kanchana muangyai นะคะ
หาโอกาสไปเที่ยวสิคะ
งดงามมากค่ะ เกาะติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวของลุงกับป้า เหมือนกับได้ตามไปเที่ยวด้วยเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่นุ้ย