คุณว่า!! มะนาวเป็นแคงเกอร์ต้องใช้แต่เคมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นหรือ?


ปัญหาเรื่องมะนาวนั้นส่วนใหญ่ก็จะมีการพูดคุยกันมาช้านาน ในเรื่องเดิมๆตั้งแต่รุ่นปู่ย่าครูบาอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นการทำนอกฤดู มะนาวหน้าแล้ง โรครากเน่าโคนเน่า โรคดอกผลร่วง โรคแคงเกอร์ หลักๆก็จะอยู่ประมาณนี้ โดยเฉพาะเรื่องโรคแคงเกอร์นั้น ถือเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ของชาวสวนมะนาว ใครชูประเด็นเป็นผู้รู้เป็นกูรูก็จะมีผู้ให้ความสนใจล้อมหน้าล้อมหลังและฟังกันอย่างตั้งอกตั้งใจ เพราะเซียนมะนาวทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าหรือหน้าเฟส (facebook) ต่างก็ยังไม่มีใครสามารถดูแลแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต่างก็จ้องมองหาสิ่งดีๆเทคนิคเคล็ดลัพธ์จากที่ต่างๆมาปรับประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับสวนของตนเองด้วยกันทั้งนั้น

เนื่องด้วยแคงเกอร์เป็นโรคที่รักษาได้ยากมีความสลับซับซ้อนไปตามฤดูกาล ในช่วงที่ความชื้นแฉะของฝน แบคทีเรียแซนโธโมแนส ก็จะแบ่งตัวขยายเซลล์ออกมาทำลายทั้งกิ่ง ก้าน ใบ และสามารถอยู่อาศัยได้ทั่งพื้นที่ผิวด้านหน้าและยังสามารถหลบซ่อนอาศัยอยู่ภายในเนื้อเยื่อเซลล์ของเปลือกและใบได้ด้วยเช่นกันเมื่อเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมและเริ่มเปลี่ยนจากเซลล์สู่สปอร์เพื่อให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายหรือไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเขา

เมื่อเชื้อโรคแคงเกอร์สามารถจะหลบซ่อนอาศัยอยู่ภายเนื้อเยื่อของเปลือกหรือตามตามกิ่งก้านของมะนาวหรือส้มได้ การดูแลรักษาที่จะให้สำเร็จลุล่วงไปในคราวเดียวนั้นคงเป็นได้ยาก โดยเฉพาะการใช้สารเคมีนานาชนิดที่ส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้าไม่ยั่งยืน สังเกตุได้จากสวนส้มสวนมะนาวที่กระจัดกระจายขยับขยายย้ายพื้นที่ปลูกไปมากต่อมาก ตั้งแต่บางมด มารังสิต ไปนครสวรรค์ยันกำแพงเพชร แต่ส่วนใหญ่ก็หมดลมหมดแรงไปกับการรักษาโรคแคงเกอร์โรครากเน่าโคนเน่าที่ยิ่งใช้วิธีการใช้สารเคมีที่เป็นพิษฆ่าและทำลายสิ่งมีชีวิตทุกชนิดหรือทำลายระบบนิเวศน์ทุกสิ่งสรรพ สุดท้ายเมื่อต้นมะนาวหรือส้มอ่อนแอ สภาวะอากาศที่เหมาะสมเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรคเกิดขึ้นมาอีกก็เข้าสู่โหมดวงจรโรคระบาดเช่นเคย ยิ่งมีการใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีกำจัดเชื้อราโรคพืชซ้ำอีกก็ยิ่งทำให้ต้นมะนาวอ่อนแอ ระบบนิเวศน์โทรม ไม่มีางเป็นไปได้เลยที่ในระยะยาวจะช่วยให้สวนส้มสวนมะนาวจะเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืน

การแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมสำหรับภาคการเกษตรนั้นแตกต่างจากสาขาอาชีพอื่นๆ ใช่ว่าจะมีเงินซื้อแล้วกำหนดกฎเกณฑ์ตั้งเป้าหมายได้ตามใจชอบเหมือนสร้างบ้านสร้างตึก เพราะอาชีพเกษตรกรรมนั้นต้องอิงกับปัจจัยในหลายด้าน และต้องอยู่ภายใต้สภาวะของกฎธรรมชาติไม่ว่าจะหนาว ฝน ร้อนแห้ง ชื้น แฉะ โรคแมลง เพลี้ย หนอน ราและไร ฯลฯ ฉะนั้นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโรคแคงเกอร์จะต้องทำแบบบูรณาการ คือต้องดูดินให้เหมาะสม ดินไม่เป็นกรดหรือด่างจัดเกินไป (ค่าที่เหมาะสม 5.8-6.3) หยุดการใช้สารพิษทุกชนิดลงไปทำลายไส้เดือนจุลินทรีย์แมงมุมตัวห้ำตัวเบียนและระบบนิเวศน์ หมั่นเติมอินทรีย์วัตถุให้แก่ดินอย่างสม่ำเสมอ ให้ปุ๋ยหรืออาหารที่ครบถ้วนทั้งธาตุหลักธาตุรองธาตุเสริม สร้างความแข็งแกร่งเสริมภูมิต้านทานด้วยกลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟ (Silicon In Agriculture ;Fort Lauderdale, Florida USA 1999).

ถ้าสามารถปฏิบัติหรือกระทำตามได้เท่านี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือพืชถึงแม้จะมีสภาพร่างกายหรือสภาพต้นที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้วก็ตามแต่เมื่อเจ็บป่วยก็ต้องใช้ยารักษา แต่ยางที่รักษาแล้วไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมนั้น ในส้มกับมะนาวที่เป็นแคงเกอร์ก็ขอแนะนำให้ใช้จุลินทรีย์บีเอสพลายแก้ว (Bacillus SubthilisPlaikaew) (เห็ดไทย ๒๕๔๗ ; สมาคมนักวิจัยและเพาะเห็ดแห่งประเทศไทย) ในอัตรา 100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่นให้เปียกชุ่มโชกทั้งใต้ใบบนใบคล้ายอาบน้ำหรือฝนตก เพียงสัปดาห์ละครั้ง ก็สามารถทำให้โรคแคงเกอร์แห้งโหยโรยราอันตรธานหายหปจากต้นส้มและมะนาวของเราแล้วล่ะครับ บางท่านอาจจะอยากให้ประหยัดต้นทุนก็ทำการหมักขยายเชื้อบีเอสพลายแก้ว 5 กรัมกับมะพร้าวอ่อน นมยูเฮชทีหรือพาสเจอร์ไรส์ในอัตรา 1 ผล 1กล่องหรือโดยประมาณ 200 ซี.ซี. หมักทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมงแล้วนำไปเติมในน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่น. บางท่านอาจจะเสริมด้วยน้ำด่างจากขี้เถ้า, น้ำปูนใส, น้ำปูนขาวหรือโปติเกส (น้ำด่างโพแทสเซียมซิลิเกตุก็ได้นะครับ) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบแคงเกอร์ได้ดียิ่งขึ้นโดยไม่ต้องหันกลับไปหาสารเคมีที่เป็นอันตรายอีกต่อไปครับ

มนตรี บุญจรัส

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com

หมายเลขบันทึก: 566762เขียนเมื่อ 25 เมษายน 2014 18:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน 2014 18:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท