ช่วงสงกรานต์ พี่สาวคนเล็กมาเยี่ยมแม่ที่มน. วันนั้น ๑๕ เมษายน พาไปซื้อของที่วัดใหญ่ พอกลับมา น้ำมันหมด เลยแวะไปเติมน้ำมันที่ปั้ม ESSO (เติม ๙๐๐ บาท รูดบัตรโลตัส จ่ายจริง ลดไปร้อยละ ๒ คือ ๑๘ บาท) ซึ่งอยู่ติดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๑๗ ห่างจากประตู ๑ มน. ๒ กม. และห่างจากเมืองพิษณุโลก ๑๔ กม.
แต่ถ้าเลี้ยวขวาย้อนศรจากปั๊ม มาทางที่จะมาหมู่บ้านคลองหนองเหล็ก หมู่ ๙ แล้วมาเลี้ยวซ้ายตรงหมู่บ้าน จะมาเข้าทางประตู ๓ ของมน. (ประตูของมน. มีวิธีให้หมายเลขคือ ถ้าหันหน้าเข้าทางมน. ประตู้ทางเข้าปรกติเป็นประตู ๑ ต่อไปทางขวามือเป็นประตู ๒ และนับเวียนไปทางขวาเรื่อยๆ จะมีทั้งหมด ๕ ประตูที่รถยนต์ผ่านเข้าออกได้ แต่จะมีประตูที่ ๖ สำหรับมอเตอร์ไซด์และจักรยาน) ถนนช่วงลาดยางแต่ก็ขรุขระ ยาวประมาณ ๑.๒ กม. เท่านั้น
พอเลี้ยวออกจากปั็ม มาเลี้ยวขวาอีกทีผ่านทางถนนเล็กๆ ห่างจากถนนใหญ่ไม่ถึง ๑๑ เมตร มีรังนกกระจาบ อยู่บนต้นไม้ ๒ ต้น นับรวมกันได้ไม่ต่ำกว่า ๖๐ รัง ซึ่งพี่สาวก็ไม่เคยพบแบบนี้ และบีแมนก็ไม่เคยเห็น พี่สาวบอกให้ถ่ายภาพเอาไว้ แต่ช่วงนั้นไม่ได้นำกล้องถ่ายรูปติดไป
ตอนสายของวันรุ่งขึ้น (๑๖ เมษายน ๒๕๕๗) หลังจากพี่สาวกลับไปแล้ว จึงออกไปบันทึกภาพ คัดสรรนำมาฝากให้ได้ชมกันดังนี้
พี่สาวบอกว่า นี่เป็นคติสอนใจว่า "นกน้อยยังรู้จักทำรังแต่พอตัว" แล้วก็มาอยู่รวมกัน หลายรังโดยไม่ทะเลาะกัน รังใครรังมัน เมื่อเทียบกับคนเราที่ไม่รู้จักพอ น่าจะต้องอับอายขายหน้านก..อิอิ
หมายเหตุ พอดีค้น Keyword คำว่า "นกกระจาบ" แล้วไปเห็นบันทึกที่ถ่ายภาพในมุมที่สวยกว่าใน gotoknow ก็เลย นำมาใส่ไว้ในบันทึกที่เกี่ยวข้อง (หรือคลิกที่นี่) ท่านใดสนใจก็ไปเยี่ยมเยียนท่านเจ้าของบันทึกกันเลยครับ
โชคดีจังที่ได้เห็น..ภาพ..รังนก..ขอบพระ.คุณคั่ะ
ขอบพระคุณมากครับอาจารย์ ที่นำภาพสวยๆมาให้ชม นอกจากจะทำให้เกิดรื่นรมย์จิตใจกับธรรมชาติแล้ว สิ่งนี้มันทำให้เกิดแนวคิดดีๆได้อีก ผมนึกถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเลย ที่พระองค์ตรัสว่า อย่าได้ก้มหน้าก้มตาทำงานจนไม่เคยสังเกตเห็นนก ต้นไม้ ดอกไม้และปุยเมฆ
สิ่งเหล่านี้ได้ให้คุณประโยชน์กับเราจริงๆครับ