พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์ในความทรงจำ
วาทิน ศานติ สันติ
ทัศนะศึกษาของนักศึกษาปริญญาโท ไทยศึกษา รุ่น ๑๗ รามคำแหง วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๗
เขียนเมื่อ ๒ เมษายน ๒๕๕๗
เป็นครั้งที่สองในปีพ.ศ. ๒๕๕๗ ที่พวกเราชาวคณะไทยศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง ครั้งนี้เราร่วมเดินทางไปกับอาจารย์สนั่น รัตนะเพื่อศึกษางานศิลปกรรมไทยสมัยใหม่หลังจากได้รับอิทธิพลตะวันตกที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ หอศิลป์ ถนนเจ้าฟ้า และนี่ก็การมาครั้งแรกของข้าพเจ้าซึ่งยอมรับว่าตื่นเต้นเล็กน้อย
อ.สนั่น รัตนะแนะนำประวัติ ความเป็นมาขอพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์ ตั้งอยู่บนถนนเจ้าฟ้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เดิมเป็นอาคารโรงกษาปณ์ ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ ตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกยุคฟื้นฟูวิทยาการ สำหรับเป็นโรงงานผลิตเหรียญกษาปณ์ เมื่อมีการพัฒนาเครื่องจักรที่ใหญ่โตขึ้นในเวลาต่อมา จึงย้ายที่ทำการไป ณ โรงกษาปณ์ กรมศิลปากรมีโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานด้านศิลปะสมัยใหม่ จึงได้ขอใช้อาคารโรงกษาปณ์เก่านี้เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑสถานศิลปะ ซึ่งกรมธนารักษ์ได้ยินดีมอบอาคารแห่งนี้แก่กรมศิลปากร เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๗ เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่เก็บรวบรวม และจัดแสดงศิลปวัตถุทางด้านศิลปะทั้งศิลปะแบบประเพณีและศิลปะร่วมสมัยของศิลปินผู้มีชื่อ เสียงของประเทศไทย จัดแสดงภาพเขียน จิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปะประยุกต์ และงานฝีมือที่เป็นประณีตศิลป์ของศิลปินต่าง ๆ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน
เฟื้อ หริพิทักษ์ กับงานคัดลอกจิตกรรมฝาผนังวัดราชบูรณะ
ห้องแรกคือ ห้องจัดแสดงศิลปะไทยประเพณี จัดแสดงจิตรกรรมไทยประเพณีซึ่งได้รับสืบทอดมาตั้งแต่อดีตจนกลายเป็นระเบียบแบบแผน โดยมีเนื้อหาหลักที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาที่สอดแทรกด้วยเรื่องราวในวรรณคดีและวีถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย เช่น พระบฏ ของล้านนาในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๒๑ และ ในสมัยอยุธยา จิตรกรรมฝีพระหัตถ์ของ สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ภาพต้นแบบ จิตรกรรมชุดพงศาวดารประกอบโคลง ในสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ใช้ในงานพระเมรุปีพ.ศ. ๒๔๓๐ เช่นภาพ พระยาวชิรปราการพร้อมทหาร ๕ นายสู้รบกับทหารพม่า ๕๐ นายสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ พระอภัยมณีตอนสินสมุทรออกรบเท้ากุลา ภาพภาพไฟไหม้พระที่นั่งอัมรินทราภิเษก รัชกาลที่ ๑ ภาพสมเด็จพระนเรศวรรบศึกเชียงใหม่ ภาพที่อาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ คัดลอกจากวัดราชบูรณะ ความรู้นี้ผู้เขียนเกิดแรงบันดาลใจในงานวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับศิลปกรรมในงานพระเมรุ
ผ้าพระบทล้านนนา พุทธศตวรรษที่ ๒๑ กรุเจดีย์วัดดอกเงิน จ.เชียงใหม่
เราเดินลงข่างล่างเข้าสู่ ห้องจัดแสดงศิลปะไทยแบบตะวันตก จัดแสดงผลงานในแบบตะวันตกที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยศิลปินชาวตะวันตกที่เข้ามารับราชการในเมืองไทยและศิลปินไทยที่ได้ไปศึกษางานศิลปะยังต่างประเทศ ดังเช่น ผลงานของพระสรลักษณ์ลิขิต มหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เขียนโดยศิลปินชาวตะวันตก ภาพคัดลอกทิวทัศน์ ของพระสรลักษณ์ลิขิต ด้วยเทคนิคสีน้ำมัน ภาพหม่อมหลวงบัว ห้องนี้เราได้เรียนรู้เรื่องการจัดแสงสำหรับจดแสดงภาพที่ให้แสงมืดแต่สว่างที่ตัวภาพเพื่อเน้นที่ภาพเขียน หลายภาพยังมีความสวยงามราวกับวาดไม่นานมานี้
ภาพร่างของขรัว อินโข่ง ในกรอบรูป
ในชั้นเดียวกัน เป็นห้องเฉลิมพระเกียรติ จัดแสดงภาพเขียนฝีพระหัตถ์ของพระมหากษัตริย์ เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสชื่นชมในพระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปกรรม ดังเช่นผลงานภาพฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
ห้องจัดแสดงศิลปะไทยแบบตะวันตก
ห้องจัดแสดงศิลปกรรมตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ – ปัจจุบัน จัดแสดงศิลปกรรม เริ่มตั้งแต่ยุคของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบบประชาธิปไตย ส่งผลให้รัฐบาลมีบทบาทในการสนับสนุนและอุปถัมภ์ศิลปกรรมแขนงต่างๆแทนราชสำนัก ดังเช่น ผลงานของ ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ที่เป็นงานปั้นในการสอบเข้าเป็นช่างปั้นของสยาม, เฟื้อ หริพิทักษ์ , มีเซียม ยิบอินซอย, เขียน ยิ้มศิริ งานขลุยทิพย์อันเลื่องชื่อ งานขี่ม้าส่งเมือง, จำรัส เกียรติ , อังคาร กัลยาณพงศ์, ชลูด นิ่มเสมอ, ประสงค์ ปัทมนุช, งานมาลีแรกแย้มของ แสวงมั่งมี เป็นต้น ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความคิดสร้างสรรค์ ได้ปรากฏสถาบันทางศิลปะและกลุ่มศิลปินมากมาย ศิลปินล้วนมีอิสรภาพในเรื่องแนวความคิดและความเชื่อส่วนบุคคล มีรูปแบบ เทคนิควิธีการทางศิลปะที่มีความแตกต่างและหลากหลายยิ่งขึ้น ในห้องนี้ได้จัดแสดงผลงานของศิลปินแห่งชาติและศิลปินที่มีชื่อเสียงหลายท่าน
มาลีแรกแย้ม ของแสวง สังฆ์มั่งมี สำริด
อ.ศิลป์ พีระศรี ปั้นรูปเหมือน สมด็จฯ กรมพระยานิริศรานุวัติวงศ์
ขลุ่ยทิพย์ เขียนยิ้มศิริ
ห้องจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน อยู่ด้านในสุด ใช้จัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน ในวันที่ชาวคณะไปนั้นจัดภาพเขียนของ เฟื้อ หริพิทักษ์ นับตั้งตาสมัยแรกที่ท่านเป็นนักเรียนกับอาจารย์ศิลป์ พีรศรี งานที่ไปเรียนต่างประเทศ งานเขียนที่อินเดีย และงานคัดลอกงานจิตกรรมไทยเช่นที่วัดราชบูรณะ นับเป็นงานเขียนชิ้นสำคัญที่ทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับจิตกรรมไทยสมัยต้นอยุธยา
ห้องจัดแสดงงานคัดลอกงานจิตกรรมของ เฟื้อ หริพิทักษ์
ลายเซ็นต์ของเฟื้อ หริพิทักษ์ และ อังคาร กัลป์ยาณพงศ์ ในการคัดลอกงานจิตกรรมฝาผนัง
ที่ข้าพเจ้าชอบที่สุดเห็นจะเป็นงานจิตกรรมบนแผ่นไม้วัดรวกบางบำหรุที่ยังคงความสวยงามไว้ได้ แต่งานชิ้นนี้นับวันที่จะลบเลือนไปตามการเวลา หากลบไปหมดก็คงจะเป็นที่น่าเสียดายยิ่ง และท้ายที่สุดคืองานแสดงภาพเขียนศิลปกรรมแบบจีนซึ่งเขียนรูปม้า นกกระเรียน ช้าง วิถีชีวิต ทิวทัศน์ ที่มีความสวยงามตามแบบอุดมคติของจีน
จิตกรรมบนแผ่นไม้วัดรวกบางบำหรุ
งานเขียนรูปแบบจีนในส่วนจัดแสดงงานหมุนเวียน
ออกมานอกห้องเราเราก็เห็นหอเก็บน้ำซึ่งทุกคนมองออกพร้อมกันว่าเหมือนหอไอเฟลที่ฝรั่งเศสชอบกล ด้านนอกจัดสวนสวยงามผนวกกับงานศิลปกรรมร่วมสมัยทำให้หวนคิดไปถึงอดีตอันรุ่งเรืองของไทยที่ยังไม่วุ่นวายเช่นในปัจจุบัน
หอเก็บน้ำซึ่งทุกคนมองออกพร้อมกันว่าเหมือนหอไอเฟล
พวกเราพักกินข้างกลางวันที่โรงอาหารริมน้ำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชมกำแพงเมืองที่ทางมิหาวิทยาจำลองขึ้นมาเพื่อแดสงถึงประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ชมหอสมุดใต้ดินริมน้ำ ที่ความชื้นสร้างปัญหาให้กับหนังสือเสมอมา
ตอนบ่ายไปเที่ยวชมหอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นการนเสนอศิลปนิพนธ์ของนักศึกษาเกี่ยวกับการจัดวาง นับว่าเป็นความโชคดีของพวกเรา
และสุดท้ายเราก็ไปจบทริปกันที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ ชมงานสถาปัตยกรรม ประติมากรรมแบบจีนพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ ๓ ชมจารึกวัดโพธิ์ จิตกรรมในวิหารพระพุทธไสยยาสน์
นับว่าเป็นทริปที่เดินเหนื่อยที่สุดแต่ก็สนุกและได้ความรู้มากที่สุด และจะประทับใจไม่ลืมเลือน
ชาวคณะไทยศึกษา รุ่น ๑๗ รามคำแหง ถ่ายรูปรวมกับอาจารย์สนั่น รัตนะ ที่วัดโพธิ์
ไม่มีความเห็น