เปิดลิ้นชักแห่งความทรงจำ


ปิดลิ้นชักแห่งความทรงจำ.... ร่มเกล้ารุ่นแฟ๊ป(รุ่น 13)

สบายดีหรือเปล่า ข่าวคราวไม่เคยรู้ สืบดูเธอไม่อยู่แอบดูแวะมองหา หายไปเลยไม่เคยหวนคืนมา หายไปนานกับกาลเวลา สบายดีหรือเปล่าเพื่อนเราไปถึงไหนอาจเจอพบเพื่อนใหม่ ถูกใจเหมือนในฝัน เพราะเวลาที่พาเราพบกันแล้วเวลาก็พาเราจากกัน..... จะโทรก็ไม่โทรมา............. ไม่มีแม้เวลาจะบอกลาเพื่อนเก่า หากจะลืมกันไป ไม่เป็นไรเพื่อนเรา แค่อยากเห็นเธอโชคดี..............นี่คือบทเพลงแห่งความทรงจำสุดท้ายสำหรับพวกเราร่มเกล้ารุ่นแฟ๊ป กับ 3ปีแห่งความรักความผูกพัน ความพากเพียรและร่วมเรียนเขียนอ่านในสถาบันร่มเกล้าแห่งนี้ หากจะย้อนเวลากลับไปเมื่อ 22 ปีที่แล้วในวันนั้นทุกคนต่างก็ใจหายที่จะต้องเดินออกไปจากสถาบันแห่งนี้ แต่เราต่างก็เข้าใจว่าเราจากกันเพื่อวันใหม่ที่ดี เพื่ออนาคตที่เราต่างก็วาดหวังไว้ เราสัญญากันไว้ว่าเราจะต้องกลับมาพบกัน...และจะเก็บความทรงจำดีดีทุกเรื่องราวทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน 1/1 2/1 และ 3/1ให้ยาวนานตลอดไป วันนี้พวกเรากลับมาแล้วกลับมาเยี่ยมบ้านที่พวกเราจากไปนาน บ้านหลังแรกที่หล่อหลอมชีวิตทางการศึกษา เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้โลกกว้าง  ภาพความทรงจำเก่าๆค่อยๆชัดเจนขึ้น เหมือนความทรงจำที่เก็บไว้เป็นอย่างดีในลิ้นชักเพราะถ้าพูดถึงและลองนั่งหลับตา เราจะรู้เลยว่าไม่เคยลืมเรื่องราวดีดีที่ร่มเกล้า ต้องขอลิขสิทธิ์ประโยคนี้จากหนังเรื่องแฟนฉัน เพราะมันใช่เลย ครูประจำชั้นคนแรกของเราคือครูกรกมล อุตรศาสตร์ พวกเรามีทั้งหมด 33 ชีวิต มารวมตัวกัน ณ ห้อง 1/1  เพื่อนผู้หญิงที่ผู้เขียนได้รู้จักคนแรกคือ ติ๋ม มณีพงษ์ พรหมเชษฐาเอกลักษณ์ที่จำได้แม่นยำคือพูดเก่ง ยิ้มเก่ง มนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม และอีกคนที่มองแล้วสะดุดตาคือพรดารา อัคฮาดศรีซึ่งเธอมีชื่อเล่นที่ไม่เหมือนใครคือติ๊กตี๋ ติ๊กตี๋ถือว่าเป็นคนที่สวยที่สุดในห้องหรือจะว่าสวยที่สุดในรุ่นก็ว่าได้ ส่วนสาวมาดห้าวที่ต่อมาก็ได้กลายเป็นเพื่อนที่สนิทในกลุ่มคือ จุลพร ลีนาลาด เพื่อนๆจะรู้จักเธอดีเพราะสอบทีไรก็เล่นท๊อปทุกที ส่วนสาวอีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือวราภรณ์ คนนี้ถือว่าเป็นสาวเจ้าเสน่ห์มีหนุ่มๆ ตามจีบชนิดที่ว่าหัวใจไม่เคยว่าง ส่วนอีกคนที่เป็นที่จับตามองเวลาสอบเก็บคะแนนหรือสอบกลางเทอมก็คือลักษณ์ มัลลิดา ถิ่นตองโขบ เพื่อนๆที่เอ่ยชื่อไปแล้วนั้นล้วนแล้วแต่หัว curve ทั้งนั้นค่ะ อ่อ..มีอีกคนที่ยังไม่ได้กล่าวถึงคนนี้นีเขาถนัดแนวฟุดฟุดฟอไฟ ถ้าถึงคาบวิชาภาษาต่างประเทศก็ต้องยกให้จารุณี ผาใต้ในช่วงที่เราเรียน ม.1 มีอาจารย์อาสาสมัครจากต่างประเทศชื่ออาจารย์รู๊ทพวกเราเลยโชคดีที่ได้เรียนรู้จากเจ้าของภาษาเลยทีเดียว ส่วนผู้เขียนก็เอาเป็นว่าไม่ตกcurve ก็พอ ส่วนชายหนุ่มที่น่าจับตามองก็คงไม่พ้น สมเด็จ ไชยวงศ์คต  สมชาย โยมเงิน ประชา  พิมพ์นนท์  ธีระพล   เครือคำ ศรีทอง แสนนาวา ส่วนระวี ศรีคำมุลเมื่อสมัย 20ปีที่แล้วนั้นการเรียนคืองานรอง  งานหลักของเขาคือซ้อมดนตรี กับ จีบสาว .....ขออนุญาตเผาเพื่อนหน่อยนะ ครูระวีคงไม่ว่า และสาวที่เธอตามจีบล้วนแล้วแต่สวยขั้นดาวโรงเรียนทั้งนั้นและเอกลักษณ์ที่จดจำได้ง่ายก็คือตัวโตที่สุดในห้อง ส่วนฝีมือการเล่นดนตรีก็ถือว่าเขามาพร้อมกับพรสวรรค์และมีหัวใจที่รักในเสียงเพลงและเสียงดนตรีจริงๆ

                ในช่วง ม.1 พวกเราต่างก็คร่ำเคร่งกับการเรียนแต่พอขึ้น ม.2 เริ่มrelaxขึ้นเรียนไปสนุกสนานไป โดยเฉพาะเรียนวิชาสังคมกับครูอรพิน เรียนวิชาสังคมแต่เหมือนเรียนวิชาหัวเราะบำบัดเพราะเป็นวิชาที่มีแต่เสียงหัวเราะ อ่อ! ลืมเล่าความเป็นมาของชื่อรุ่นว่าทำไมพวกเราถึงเป็นรุ่นแฟ๊ป ครูกอบเกียรติเป็นคนตั้งให้ค่ะ เพราะมีอยู่วันหนึ่งครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ แต่สอนไปสอนมากลายเป็นเข้าเรื่องความเป็นมาของผงซักฟอก ว่าเมื่อก่อนแฟ๊ปเป็นยี่ห้อแรกของผงซักฟอก พอบอกให้ไปซื้อผงซักฟอกทั้งๆที่เป็นยี่ห้ออื่นก็บอกว่า ซื้อแฟ๊บให้หน่อย เอาบรีสนะพูดไปพูดมา “เอ้าพวกเราก็เป็นรุ่นแฟ๊ปเลยดีมั๊ย  ” แหละนี่คือที่มาของร่มเกล้ารุ่นแฟ๊บของพวกเรา  พอถึง ม. 3เราทุกคนต่างก็เตรียมพร้อมและคร่ำเคร่งกับการเรียนอีกครั้งเพราะใกล้จะจบแล้วและหลายคนก็เตรียมสอบเข้าสกลราช ส่วนหลายคนก็เรียนต่อที่ร่มเกล้าจนจบม.6แต่ก่อนจบพวกเราก็ได้มีโอกาสไปเข้าค่ายยุวกาชาดที่เขื่อนน้ำพุงส่วนหนุ่มๆก็ไปเข้าค่ายที่ค่ายลูกเสือนาอ้อย ค่ายยุวกาชาดนี้นี่เองที่สร้างความประทับใจให้กับพวกเราทุกคน และหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้รับจากค่ายผู้เขียนยังได้นำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตการทำงานจนถึงปัจจุบันเพลงที่ครูสุวิมล พาเราร้องในช่วงที่ออกค่ายกลายเป็นเพลงประจำของค่ายสร้างเสริมพลังชีวิตผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งและผู้ดูแลของทีมนำทางคลินิกกุมารเวชกรรม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นในปัจจุบันโดยเฉพาะเพลงนี้.......... รอฉันรอเธออยู่แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด เธอจะมาเธอจะมาเมื่อใด นัดฉันไว้ทำไมไม่มา ฉันเป็นห่วงฉันเป็นห่วงตัวเธอให้ฉันเก้อชะเง้อคอยหา นัดไว้ทำไมไม่มา โอ้เธอจ๋าอย่าช้าเร็วหน่อย รีบหน่อย รีบหน่อยเร่งหน่อย เร่งหน่อยเร่งหน่อย...........นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำดีดีที่ร่มเกล้าที่ผู้เขียนหยิบยกขึ้นมาเล่าสู่กันฟัง ยังมีเรื่องราวความประทับใจอีกมากมายที่ยังไม่ได้กล่าวถึง เพื่อนๆที่ถูกเอ่ยชื่อในข้างต้นแล้วนั้นปัจจุบันยังไปมาหาสู่นัดพบกันทานข้าวในยามเทศกาลและช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างต่อเนื่อง และต่างก็ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและครอบครัวแต่บางส่วนก็เงียบหายไปไม่ได้เจอกันเลยตลอดระยะเวลา 22 ปีที่จากกัน มณีพงษ์ รับราชการเป็นพยาบาลวิชาชีพอยู่ที่โรงพยาบาลสกลนคร กับพรดาราซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อครั้งที่ 2 เป็นจิตกิตมณีอยู่ที่โรงพยาบาลสกลนครเช่นกัน จุลพร ทำอาชีพธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ มัลลิดา รับราชการเป็นพยาบาลวิชาชีพอยู่ที่โรงพยาบาลโคกศรีสุพรรณ จารุณี เป็นไปตามที่เราคาดคิดคือเธอเลือกที่จะเดินตามฝันของตัวเอง โดยได้แต่งงานกับสามีชาวเยอรมัน ตอนนี้พำนักอยู่ที่ประเทศเยอรมันนี วราภรณ์ทราบมาว่าแต่งงานกับชาวกรุงเทพและทำงานอยู่ที่นั่นสมเด็จเป็นพ่อพิมพ์ของชาติอยู่ที่โรงเรียนมัธยมในอำเภอเมืองสกลนครสมชายทราบว่าไปทำธุรกิจที่กรุงเทพประชารับราชการเป็นนักวิชาการการเกษตร ศรีทองรับราชการทหารอยู่กองทัพเรือแต่ปัจจุบันย้ายมาอยู่โคราช ส่วนระวีก็เดินตามหาความฝันของตัวเองจนเจอและกลับไปเป็นครูระวี ให้กับเด็กๆสอนวิชาดนตรีรับใช้บ้านเกิด และสถาบันเก่าที่เราจากมานานรอเพื่อนๆอยู่ที่ร่มเกล้า เพื่อนหลายคนที่ไม่ได้ถูกเอ่ยชื่อก้อไม่ต้องเสียใจ หากมีโอกาสได้อ่านข้อเขียนนี้ ขอให้สื่อสารผ่านเว็บมาได้ หากเป็นไปได้คงได้รวมตัวกันอีกครั้งเพื่อทำประโยชน์ให้กับโรงเรียนของเรา

 

ร่มเกล้าคือสถาบันอันยิ่งใหญ่                            จากมาไกลหัวใจยังคิดถึง

ภาพทรงจำครั้งเก่ายังฝังตรึง                           ว่าวันหนึ่งจะกลับไปซบไอดิน

แม้เวลาผันผ่านนานแค่ไหน                           ยังส่งใจรำลึกอยู่มิรู้สิ้น

จากอ้อมกอดโผผกเหมือนนกบิน                   สู่โลกกว้างพลัดถิ่นในแดนไกล

เพื่อมุ่งหน้าตามหาซึ่งความฝัน                    เพื่อคืนวันอนาคตอันสดใส

         ถึงวันนี้มีโอกาสอยากกลับไป                       ก้มกราบไหว้พระคุณครูอาจารย์

            ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ในคราก่อน          และพร่ำสอนเหล่าศิษย์จนแตกฉาน

            จะจารึกบันทึกไว้เป็นตำนาน                       ให้เล่าขาน เป็นศิษย์ร่มเกล้าเราภูมิใจ

 

เกี่ยวกับผู้เขียน

ชื่อ   นางสุธีรา  พิมพ์รส( สกุลเดิม ยาทองไชย )

จบการศึกษา    พยาบาลศาสตร์บัณฑิตจาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เฉพาะทาง          การพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคเรื้อรังจากมหาวิทยาลัยมหิดล ( ศิริราช)

 ประวัติการทำงาน

-                    ปี 2538-2552    หอผู้ป่วยเด็ก 3ง แผนกการพยาบาลกุมารเวชกรรม งานบริการพยาบาล  โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

-                   ปี 2553- ปัจจุบันศูนย์การุณรักษ์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ 

ตำแหน่งปัจจุบัน     พยาบาลชำนาญการระดับ  8

 เขียนไว้เมื่อ  ปี  2552  ในเว็ปไซต์ romklao.info   ครูก่อพงษ์  พงพรชาญวิทย์  

 

  

            

 

         

 

 

คำสำคัญ (Tags): #ร่มเกล้า สกลนคร
หมายเลขบันทึก: 566358เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2014 14:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 เมษายน 2014 21:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

น้องกุ้ง....เล่าความหลัง

ตามหลังลุงวอ

คิดถึงความหลัง พอดีพึ่งไปร่วมงานคืนสู่เหย้ามาค่ะพี่แก้ว ภาพเลยยิ่งชัด

ไปเจอครูบาอาจารย์ เมื่อครั้ง เป็นนักเรียน ม.ต้นและเพื่อนๆ ร่วมห้องเรียนเขียนอ่าน

ลุงวอญ่า เล่าความหลัง ตามหลังลุง แสดงว่ากุ้งนาง เริ่ม แก่ตามลุงแระ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท