นับจากที่ตาอลันของเจ้าฟ้าครามเสียไปตั้งแต่วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๗
ในวันนี้ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๗ ก็ถึงเวลาที่ต้องทำการฌาปนกิจ...
ย่าพาหนูฟ้าครามหลับตอนกลางวัน...โดยบอกว่า...ตื่นขึ้นมาแล้วเราจะไป
เผาศพตาลันกันนะ...ซึ่งหนูก็ยอมแต่โดยดี หลับได้เกือบ ๒ ชั่วโมง...
ช่วงบ่าย ๓ ย่า + ลุงภัคร + พ่อเพรียง ก็พาหนูไปวัดกัน...โดยลุงภัคร
ทำหน้าที่ถ่ายรูปให้...ส่วนแม่อ้อมไปช่วยงานศพเขาตั้งแต่เช้าแล้ว...
ย่าสังเกตเห็นตอนเขาเปิดโลงและกำลังจะทำการเคลื่อนศพลงจาก
ศาลาวัด...หนูร้องไห้ให้แม่อ้อมพาไปดู แม่อ้อมก็ต้องพาไป...พอหนูเห็นเท่านั้น
หนูร้องไห้เหมือนผู้ใหญ่เขาร้องไห้กัน...ย่าคิดว่า หนูรู้เรื่องมากกว่าเด็กคนอื่น ๆ
หนูร้องแบบสะอึกสะอื้น...ปากก็คร่ำครวญถึงแต่ "ตาลัน"...คงเป็นเพราะ
ตอนที่ตาลันยังไม่ตาย หนูผูกพันกับเขามาก ๆ...เพราะถ้าไม่มีใครเลี้ยง
หนูก็จะไปคลุกอยู่กับเขา ก็เลยเป็นความผูกพันกัน...
ขนาดเขาเผาแล้ว หนูยังแหงนหน้าขึ้นไปมองควันไฟ...ปากก็บอกกับ
แม่อ้อมว่า...ตาลันไปสวรรค์แล้ว...เพียงแค่นี้ก็ทำให้น้ำตาจากย่า + แม่อ้อม
ไหลออกมาได้...และย่าก็ยังเชื่อว่า...วิญญานของตาลันก็คงวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ
กับตัวหนูเพราะตอนมีชีวิตอยู่ ตาลันชอบมาเย้าแหย่หนูด้วยเช่นกัน...เป็นความ
ผูกพันกันที่ไม่สามารถอธิบายให้ใคร ๆ ทราบถึงความรู้สึกได้...
มนุษย์เราก็เท่านี้...ต่อให้ได้ในลาภ ยศ สรรเสริญมาครอบครอง...
สุดท้ายก็ไม่พ้นกับคำว่า "ต้องตาย"...ทุกชีวิต มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย
ด้วยกันทั้งสิ้น...เขียนไว้เพื่อให้เจ้าฟ้าครามได้อ่านยามที่หนูได้โตขึ้น
และมีความระลึกถึงบุพการีของหนูเอง...
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
บุษยมาศ แสงเงิน
๑๙ เมษายน ๒๕๕๗
วงปี่พาทย์ ศ.ชัยศรี ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเจ้าฟ้าครามทางญาติฝ่ายแม่อ้อม...มาร่วมงานด้วย
ความจริงตาอลันของเจ้าฟ้าครามเคยทำงานร่วมกับหม่ำ จ๊กม๊ก ซึ่งได้โทรศัพท์มา
ประสานกับยายแมว (น้องของตาลัน) ว่าจะมาร่วมงานด้วยแต่ไม่สามารถมาได้เพราะติด
ถ่ายหนัง จึงให้ตลก (รูปร่างเตี้ย) ๒ คน (ซึ่งเคยมาอยู่บ้านตาลัน) มาแทน โดยฝากเงิน
มาร่วมทำบุญด้วย...
ขอขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจค่ะ