ในงานวันแม่ที่ผ่านมา ได้รับเกียรติจากทางโรงเรียนให้ได้รับรางวัลแม่ดีเด่น ปี 49 โดยขอให้คุณแม่เขียนเทคนิคการเลี้ยงลูกให้ด้วยความลำบากใจพอควร พูดง่ายๆเลี้ยงลูกไปวันๆไม่เคยต้องอิงตามทฤษฎี อยู่ๆต้องมาเรียบเรียงเป็นถ้อยความ รู้สึกว่านี่เป็นการบ้าน KM ชิ้นแรกเลย จึงขอตัดบางส่วนมาถ่ายทอดไว้แบ่งปันกัน
เทคนิคและวิธีการดูแลบุตร
ด้วยข้อจำกัดในลักษณะงานของคุณพ่อ ทำให้คุณแม่ต้องทำหน้าที่ในแต่ละวันด้วยหลายบทบาท เป็นทั้งสาวทำงาน คุณพ่อ คุณแม่ คุณเพื่อน คุณแม่บ้าน ของคุณลูกทั้ง 2 คน จึงต้องใช้เทคนิคในการบริหารจัดการชีวิตของคุณแม่และคุณลูกอย่างระมัดระวัง ด้วยเพราะคำนึงถึงว่าวัยของลูกกำลังอยู่ในช่วงการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดของชีวิต ถึงแม้ภาระการงานทั้งภายนอกและภายในบ้านจะมากเพียงไรก็ตาม ในแต่ละวันแม่และลูกจะต้องได้มีกิจกรรมร่วมกัน มีการพูดคุย กอดและสัมผัส ประกอบกับการสังเกตพฤติกรรมของเขาอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ปรับหรือแก้ไขได้ทันท่วงที และส่งเสริมหรือพัฒนาได้อย่างเหมาะสม โดยที่จะต้องไม่ลืมสานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณพ่อกับคุณลูกด้วย โดยเน้นการพูดคุย และบอกเล่าพฤติกรรมของลูกให้คุณพ่อได้รับทราบ
หลักการสำคัญในการดูแลบุตร
เน้นการรู้เขารู้เรา
แม่รู้จักลูก แม่ต้องรู้พัฒนาการในช่วงวัยของลูก และเข้าใจพฤติกรรมที่ลูกแสดงออกโดยเรียนรู้ทุกอย่างรอบตัวเขา สภาพแวดล้อมและสังคมที่เขาพบเจอ เช่น สำหรับน้องมายด์ ซึ่งอยู่ในวัยเรียนอนุบาล แม่จะเรียนรู้ไปพร้อมๆกับเขา ทำความเข้าใจในการเรียนการสอนของโรงเรียน ติดตามการเรียนรู้ของลูกที่ได้รับจากโรงเรียนในแต่ละวัน เพื่อนำมาเสริมต่อที่บ้าน และสร้างสรรค์กิจกรรมร่วมกันให้สอดคล้องกับสิ่งที่ลูกได้รับมา ซึ่งคิดว่าเป็นวิธีการที่ส่งเสริมพัฒนาการของเขาได้เป็นอย่างดี
ลูกรู้จักแม่ ในขณะที่เราทำความเข้าใจลูกแล้ว อีกส่วนหนึ่ง คือ สร้างความเข้าใจของลูกที่มีต่อแม่และครอบครัวด้วย ทำให้น้องมายด์ได้เรียนรู้ว่าแม่และพ่อมีหน้าที่อะไร มีลักษณะการทำงานอย่างไรเท่าที่วัยของลูกจะสามารถรับรู้ ผลลัพท์ที่เห็นได้ คือ เขาจะแสดงออกด้วยความตั้งใจในหน้าที่ของตนเอง เช่น การเรียน การทำการบ้าน และช่วยเหลือแม่ในสิ่งที่เขาพอจะทำได้ เช่น การดูแลน้อง การทำงานบ้านบางอย่าง (พับผ้า ตากผ้า จัดข้าวของเครื่องใช้) ได้เป็นอย่างดี ท้ายสุดอยากบอกน้องมายด์ว่า “แม่ภูมิใจในตัวมายด์ค่ะ”
สมัยเด็ก ๆ แม่ของดิฉันตีเก่ง พวกเราลูก ๆ ได้ดีมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะไม้เรียว ส่วนพ่อพูดน้อย นาน ๆ จะดุและตี แต่ถ้าได้ตี จะตีจนไม้เรียวหักเลยเชียว....
ไม้เรียวคงใช้ไม่ได้พร่ำเพรื่อในยุคสมัยนี้แล้ว....แต่ดิฉันเชื่อว่าบางครั้งยังใช้ได้บ้างแต่พ่อแม่ต้องมีศิลปะในการใช้ไม้เรียวอยู่สักหน่อย และที่สำคัญต้องมีเหตุผลเพียงพอที่จะเลือกใช้ และคงใช้ได้กับลูกที่อยู่ในวัยเด็ก เข้าสู่วัยรุ่นแล้วคงพูดจาภาษาไม้ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ