เชษฐ์...เพื่อนรัก...
กัน (สรรพนามที่เจนวายต้องงง) และทุกคนตื่นเช้ามากๆ...แต่ก็ช้าที่จะเห็นโลกกำลังอาบน้ำให้ตนเอง
เห็นแต่ความชุ่มชื่น...สดใส...สะอาดเอี่ยมอ่อง...และการทาแป้งให้ตนเองจนสดสวย
เพราะโลกไม่ได้อาบน้ำให้ตนเองมาหลายวัน...หลายเดือนแล้ว...
กันและครอบครัวไปวัด...ผู้คนไปวัดน้อยเช่นเคย ถ้าไม่ใช่วันพระ
แต่ก็พบกัลยาณมิตรผู้คุ้นเคย...ญาติก็ไม่ใช่...พี่น้องก็ไม่เชิง...แต่ก็สนิทคุ้ยเคยราวเป็นครอบครัวเดียวกัน
ไปวัด...หรือไม่ไปวัด...แต่ทุกคนจะพบแสงสว่างให้กับตนเองเสมอๆ
ถ้าทุกคนเชื่อว่า "ธรรมะคือธรรมชาติ" ใช่ไหมเพื่อน
กันคิดถึงเพื่อนเสมอนะ...เราไม่ได้เจอกันตั้งแต่มอสองมอสามแล้วมั้ง...ผ่านไปนานเลย
ถึงแม้โลกจะก้าวไปไกล...และทำให้คนใกล้ชิดกัน "ยิ่ง Line ยิ่งใกล้"
แต่กันก็ไม่ได้ติดต่อเพื่อนเลย เพราะไม่ทราบที่อยู่...
ทราบข่าวจากเพื่อนที่ทำงานที่กรุงเทพฯ ว่าเจอเพื่อนโดยบังเอิญ
และแจ้งข่าวว่า เพื่อนเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
มันสมควรเป็นเช่นนั้น...เพราะเพื่อนเรียนหนังสือเก่งมาตั้งแต่เด็ก
ส่วนกันก็เป็นเด็กช่างฝัน...ที่ยังไม่ตื่นจากฝันเลย...
ตอนนี้กันมีความสุขกับงานที่ทำ...แม้จะเป็นอาชีพที่ไม่ทำเงินเข้ากระเป๋าตนเองเท่าไหร่
เผลอๆ แถมๆ เงินจากกระเป๋าตนเองให้กับงานอยู่บ่อยๆ
กันมีความสุขกับครอบครัว...กับการอ่านหนังสือ...กับการปลูกต้นไม้และผัก...
เช้าวันนี้ก็เช่นกัน...โลกเขาอาบน้ำให้ตนเอง กันจึงไม่ใช่รดน้ำให้เขา
แต่เอาเวลาไปร้องเพลงและคุยให้เขาฟังมากกว่า...
เสร็จจากการดูแลผักและต้นไม้...ชงกาแฟหอมๆ...นั่งเอนหลังริมระเบียงบ้าน
ครุ่นคิดถึงไปเรื่อยเปื่อย...คิดถึงเพื่อนในบรรยากาศเช่นนี้
ย้อนไปเมื่อปอหก...ช่วงปิดเทอมอย่างนี้แหละนะ
กันและเพื่อนๆ ชอบชวนกันไปว่ายน้ำ...ไปขโมยมะม่วงกิน
ทั้งที่สวนของเพื่อนๆ แต่ละคนก็มีต้นมะม่วงมากๆ
แต่นั้นแหละ...การขโมยมะม่วงคนอื่นกิน...มันอร่อยและสนุกเร้าใจมากๆ ในยามเด็กที่ไม่รู้จักคิดยามนั้น...
และแล้วจู่ๆ...ฟ้ามืด..ร้องคำราม...ฝนตกหนัก...ลมแรง
พวกเราห้าคนต้องหลบฝนลมฟ้าที่ใต้ต้นมะม่วงใหญ่อย่างลูกนกสั่นผวา
เพราะกลัวฟ้าผ่าเหมือนรุ่นพี่ๆ ที่ตายให้ช่วงปิดเทอมทุกๆ ปี
คราวนั้น...พวกเรารอดตาย...แต่กันโดนแม่ตีอย่างหนักหน่วง...
จำไหม...เข็ดหลาบไหม...เพื่อนคงรู้ดีว่า...พวกเรามีวีรกรรมครั้งต่อไปไหม...
วนกลับมาเล่าเรื่องชีวิตของกันต่อนะ
เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา...สิ่งแรกที่เจอคือกองหนังสือเรียงรายรอบเตียงนอน...
และตามมุมต่างๆ ของบ้าน....(อย่างระเกะระกะ)
ชีวิตและเวลาที่เหลือ (ค่อนชีวิตแล้วนะ)...กันจะไม่พลาดกับการอ่านหนังสือที่ผมชอบ
แม้บางช่วงบางวันผมอาจจะไม่ได้อ่านหนังสือ
แต่เมื่อคิดว่าจะได้อ่านหนังสือ...ผมก็มีความสุขในใจเกิดขึ้นแล้ว...
ถึงตอนนี้กันกำลังอ่านหนังสือเรื่อง "บุหงาตานี" ภาคต่อจาก "บุหงาปารี"
ของพี่วินทร์ เลียววาริณ...(ดูเหมือนกันคุ้นเคยกับพี่เขาเนาะ...แต่กันสนิมเลยแหละ)
อยากถึงประโยคนี้...ต้องไปดูแลแม่แล้ว...
"...สองวันต่อมา ในราตรีที่จันทร์กระจ่างฟ้า ในยามหลับ แม่ของเขาก็จากโลกไปเงียบๆ
เช่นที่จมชีวิตในความเงียบมาตลอดชีวิต
เขาไม่ได้ร้องไห้ บางทีความตายไม่ใช่เป็นเรื่องเลวร้ายนัก ในส่วนลึกเขานึกดีใจว่า
ในที่สุดแม่ก็เป็นอิสระจากกรงที่ขังแม่มาตั้งแต่เกิดจนตาย
เขาเพียงเสียใจที่เขาให้เวลากับแม่น้อยเกินไป และใช้เวลากับเรื่องเรื่องไร้สาระ
เช่นการต่อสู้มากเกินไป...
มนุษย์เราไยมิใช่มักนึกเสียใจยามที่คนที่รักจากไป? ..."
รักและคิดถึงเพื่อนเสมอๆ...
จาก...กันเอง...คนที่ให้เวลากับแม่น้อยมาก...แต่แม่ก็รักกันมาก
และคิดเสมอว่า...กันเป็นเหตุผลเดียวที่แม่ยังมีชีวิตอยู่...
มะเขอเทศน่ากินมาก
เอามาฝากด้วย
ปลูกให้นักเรียนกิน
ชอบมิตรภาพระหว่างเพื่อน
อ่านแล้วมีความสุขครับ
มาแจ้งว่าแก่ไขเลย
5555
เพื่อนเป็นอาจารย์ในหมาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ อาจารย์อ่านจริงๆ ละเอียดมากครับ...อาจารย์สุดยอดจังครับ
ชีวิตและเวลาที่เหลือ (ค่อนชีวิตแล้วนะ)...กันจะไม่พลาดกับการอ่านหนังสือที่ผมชอบ
แม้บางช่วงบางวันผมอาจจะไม่ได้อ่านหนังสือ
แต่เมื่อคิดว่าจะได้อ่านหนังสือ...ผมก็มีความสุขในใจเกิดขึ้นแล้ว...
คิดคล้ายกัน
ยังคงรำลึกถึงเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง
ฝนตกแล้วที่เมืองไทย...พระพิรุณ..ท่านทำหน้าที่..น่าให้เกียรตินิยม..แฮ่ๆๆที่นี่ยังหนาวไปนิด..แต่เดี๋ยวก๊็เคย..ชิมิๆ
... อ่านแล้วดีจัง ... บอกถึงความเอื้้อ อาทร ... ห่วงใย นะคะ ขอบคุณค่ะ
บันทึกน่ารักค่ะ ดูอบอุ่นไปด้วยมิตรภาพ
...โลกสดสวย สดใส ...มีความรัก...ความอบอุ่นจากครอบครัว จากแม่...จากกัลยาณมิตร ขอแสดงความยินดีนะคะคุณหมอ(ทิมดาบ)...
บันทึกนี้สดใสและสดชื่นดีมากครับ ทำให้รับรู้ "โลกสวยด้วยใจของเรานี่เอง" ขอบคุณมากครับผม