เมื่อดอกไผ่บาน


สถานีความคิด  :

 

เมื่อดอกไผ่บาน

 

 

 

 

 

 

 

 

          ช่วงนี้ที่บ้านแม่ตาดมีกอไผ่หลายกอออกดอกบานสะพรั่ง ทั้งไผ่ป่าและไผ่บ้าน โดยมีสาเหตุมาจากความแก่ชราและหมดอายุขัยของไผ่กอนั้นๆ

          ในโลกนี้มีพืชอยู่หลายชนิดทีออกดอกเพียงครั้งเดียวในชีวิต และยามใดที่พืชเหล่านี้ออกดอกเบ่งบาน นั่นเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้รู้ว่า "วาระสุดท้ายของชีวิต" ของพืชชนิดนั้นได้เดินทางมาถึงแล้ว

          ต้นไผ่ ต้นลาน และต้นกระแชง เป็นต้น คือ พืชที่มีวงจรชีวิตที่แสนเศร้าแบบนี้

          สำหรับไผ่ที่มีอายุหลายสิบปีแล้ว เมื่อถึงคราวที่จะสังขารของตนจะลาลับไป ไผ่กอนั้นก็จะให้กำเนิดเมล็ดพันธุ์ของตนขึ้นมา เริ่มจากการการสลัดใบเก่า ผลิดอกออกมา เมื่อดอกไผ่บานเต็มที่แล้วก็ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ส่วนต้นไผ่ก็ค่อยๆ ยืนตาย และล้มซบลงสู่พื้นดิน ในที่สุดก็ย่อยสลายกลับคืนสู่ธรรมชาติ ในขณะที่ดอกไผ่ที่ร่วงหล่นสู่พื้นดินจำนวนมากมายเกินคณานัปนั้น ก็รอวันให้ฤดูฝนได้มาถึง เพื่อที่เมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่จะได้งอกงามและเจริญเติบโตเพื่อสืบเชื้อสายของไผ่ให้ดำรงอยู่ต่อไปตราบนิรันดร์

          ดอกไผ่ที่กำลังเบ่งบาน มองดูแล้วอาจงดงาม แต่ทว่าในความงดงามนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความเศร้าและหดหู่ยิ่งนัก เนื่องจากกอไผ่ต้นนั้นยอมเสียสละชีวิตของตนเอง เพื่อให้ลูกหลานของตนเองได้เกิดมาและสืบทอดสายพันธุ์แห่งชีวิตของไผ่ต่อไปได้อีกจากรุ่นสู่รุ่น

          "สิ่งหนึ่งดับ..เพื่อให้อีกหลายสิ่งก่อเกิด" ที่มีคนกล่าวเอาไว้ จึงเป็นคติธรรมหรือข้อคิดที่ดีที่สุดที่เราได้รับจากกรณีดอกไผ่บานในครั้งนี้

          อย่างไรก็ตาม หากมองในอีกแง่หนึ่ง ซึ่งเป็นมุมมองในแง่ลบ เราอาจจะมองเห็นถึงความเห็นแก่ตัวของลูกหลานของต้นไผ่ที่เกิดมาเพื่อฆ่าต้นแม่ของตัวเอง เพียงเพื่อให้ตัวเองได้เกิดมาและได้มีชีวิตรอดอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งไม่ต่างไปจากลูกทรพีที่เกิดมาเพื่อฆ่าพ่อและแม่ของตนเองให้ตายลง เพื่อที่ตนเองจะได้มีชีวิตตามที่ต้องการและได้ครอบครองทรัพย์สมบัติที่บุพการีของตนได้สร้างเอาไว้

          คนหลายคนเป็นเหมือนกับต้นไผ่ที่ยอมสละชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างของตนเพื่อประโยชน์สุขของลูกหลาน สังคม และประเทศชาติ

          ในขณะที่คนบางคนกลับเป็นเหมือนกับขุยไผ่หรือลูกไผ่ที่เกิดมาเพื่อทำลายบุพการีของตนเอง รวมทั้งทำลายประเทศชาติของตนให้ล่มจมตามไปด้วย เพียงเพื่อให้ตนเองได้มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขสบาย

 

           ดอกไผ่บาน....จึงชวนให้เราคิดอะไรได้หลายอย่าง ทั้งแง่บวกและแง่ลบ โดยที่ไม่มีใครถูกและใครผิดใดๆ  ทั้งสิ้น

 

 

 

          

 

 

 

9

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 563889เขียนเมื่อ 14 มีนาคม 2014 21:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มีนาคม 2014 14:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

แม่บอกว่า สมัยสงครามโลก ข้าวยากหมากแพง คนได้นำเอาขุยไผ่มาหุงปนกับข้าวกินได้ด้วยจ้ะ

เกิด..แล้ว..ตาย..เป็นแค่..สัจจธรรม...ไม่มีคำถามและไม่มีคำตอบ...๕๕๕..

ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่เรื่องดอกไผ่บานเพื่อจากลา

"สิ่งหนึ่งดับ..เพื่อให้อีกหลายสิ่งก่อเกิด" ที่มีคนกล่าวเอาไว้ จึงเป็นคติธรรมหรือข้อคิดที่ดีที่สุดที่เราได้รับจากกรณีดอกไผ่บานในครั้งนี้"

เคยอ่านมาค่ะว่าเมื่อเห็นดอกไผ่ แปลว่าเขาจะตาย

ไม่เคยเห็นดอกไผ่เลยค่ะ

พึ่งเคยเห็นค่ะ ...... "ดอกไผ่" ขอบคุณค่ะ ^_^

มารับความรู้จากคุณ อักขณิช ครับ อ่านบันทึกนี้ ผมได้ความรู้ใหม่เพิ่มมาอีกอย่างคือ ในดอกไผ่จะมีเมล็ดจำนวนมากที่จะกระจายอยู่เต็มพื้นที่เพื่อรอฝนมาฟ้าใหม่จะเติบโตเป็นต้นไผ่สร้างคุณค่าให้กับมวลมนุษย์ต่อไป เพราะเมื่อก่อนผมแค่รู้ว่าเมื่อไผ่มีดอกแล้วจะตายไปเท่านั้นครับ

อีกอย่างหนึ่งผมขออนุญาตแสดงความเห็นว่า เมล็ดพันธุ์ใหม่ของต้นไผ่ที่เกิดมาพร้อมกับการหมดอายุไขของต้นแม่นั้น หาได้มีความผิดหรือเห็นแก่ตัวอย่างใดทั้งสิ้นครับ เพราะเขา (เมล็ดพันธุ์) เหล่าได้เกิดมาเพื่อทำหน้าที่สืบเชื้อสายพงศ์พันธุ์ที่บรรพบุรุษตั้งใจมอบหมายหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่นี้ไว้ให้ครับ เพราะบรรพบุรุษไผ่คิดว่า ต้องมีต้นไผ่ที่จะสร้างคุณประโยชน์แก่แผ่นดิน แก่สรรพสัตว์ต่าง ๆ จึงได้มอบหน้าที่นี้ไว้ครับ ต่างกับลูกทรพีในสังคมที่เราพบเห็น เพราะลูกทรพีเหล่านั้นได้สร้างความอัปยศอดสูให้กับเผ่าพันธุ์ความเป็นมนุษย์ผู้มีจิตใจสูง และแม้เขาจะฆ่าบิดา มารดา เขาก็ไม่สามารถที่จะออกมาเชิดหน้าชูตาเพื่อสร้างเผ่าพันธุ์ของเขาให้เจริญได้ เพราะสังคมและกฎหมายจะลงโทษเขา รวมถึงกฎแห่งกรรมจะลงโทษเขาจนถึงที่สุดครับ

หากการแสดงความเห็นนี้ขัดแย้งประการใดโปรดอภัยนะครับ โดยความเคารพครับ ขอบพระคุณครับ

ดอกไผ่บานยามอากาศหมองมัว วันนี้บ้านพี่ดาอากาศแย่มาก ขอบคุณข้อคิดดีๆนะคะ พี่ดาก็เคยเขียนเรื่องไผ่ คงต้องกลับไปทบทวน ดอกแห้งๆดูแห้งแล้งไปกับอากาศไม่ดียามนี้เลย ดีที่ยังมีทุ่งนา ดำนำใหม่ๆต้นข้าวเขียวๆบ้าง

สวัสดีครับ คุณมะเดื่อ

หากถึงขนาดนำเอาขุยไผ่มาหุงปนกับข้าวกินแสดงว่าช่วงนั้นลำบากแสนสาหัสจริงๆ เลยนะครับ

ขอบคุณสำหรับเพลง "ดอกไผ่บาน" ที่สุดแสนไพเราะที่นำมาลงไว้ในบันทึกนี้นะครับ เข้ากับบันทึกได้อย่างยอดเยี่ยมเลยครับ

สวัสดีครับ คุณยายธี

ชีวิตของคนเราก็เหมือนกับต้นไผ่นะครับ

เมื่อถึงเวลาก็คงจะจากไปเช่นกัน ไม่ช้าก็เร็วละครับ

สวัสดีครับ คุณครูนก noktalay

ข้อความดังกล่าวเป็นคติที่ได้รับจากกรณีดอกไผ่บานนะครับ

มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ครับ

สวัสดีครับ คุณพี่ nui

ดอกไผ่บานตามชนบทมีให้เห็นทุกปีนะครับ

ส่วนใหญ่เห็นแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรกัน

มีแต่ผมเท่านั้นแหละครับ ที่คิดลึกกว่าเพื่อน 555

สวัสดีครับ พี่เปิ้น Dr. Ple

หากพี่เปิ้นได้เห็นดอกไผ่บานจริงๆ จะรู้สึกตื่นเต้นและเศร้าใจไม่น้อยเลยนะครับ

ดอกไผ่บานเป็นสัญญาณของการลาจากจริงๆ ครับ

สวัสดีครับ คุณnobita

ดอกไผ่หรือขุยไผ่ที่ร่วมหล่นสู่พื้นดินจำนวนหลายล้านดอกนั้น มีเพียง 1% เท่านั้นเองนะครับที่จะมีโอกาสงอกเงยออกมา และมีเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดจนกระทั่งเติบใหญ่ได้

วงจรหรือวัฏจักรชีวิตของไผ่จะเป็นแบบนี้ตลอดชั่วนาตาปี ที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้

และมุมมองเรื่องดอกไผ่บานนั้น มองได้หลายแง่มุมนะครับ โดยไม่มีใครผิดหรือใครถูกใดๆ ทั้งสิ้นครับ

สวัสดีครับ พี่กานดาน้ำมันมะพร้าว

ที่บ้านแม่ตาดตอนนี้ก็แย่พอๆ กับในเมืองแหละนะครับ หมอกควันหนามากจนหายใจไม่ค่อยสะดวกเลย

ผมเก็บดอกพยอมเอาไว้ให้พี่ดาแล้วนะครับ เอาไว้จะให้แฟนเอาไปให้พี่ดาที่บ้านครับ

เคยเห็นตอนเด็กมาก ลืมไปแล้ว

ภาพดอกไผ่สีน้ำตาลโรยรา ตัดกับเขียวมีชีวิตชีวาของท้องนา สวยค่ะ

สวัสดีครับ คุณหมอ ทพญ.ธิรัมภา

ปีนี้ไผ่ออกดอกเยอะกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา (เป็นสัญลักษณ์บอกให้รู้ว่าปีนี้จะแล้งจัดมากๆ ด้วย)

หากสังเกตดูดี บางทีคุณหมออาจจะได้เห็นดอกไผ่ที่กำลังบานก็ได้นะครับ

ดอกไผ่บาน นัยก็หมายถึงความเสียสละอย่างนั้นเองเหรอ  เศร้าอ่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท